มันเป็นวันที่ฝนตกปรอยๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ของเดือนที่ฝนไม่ควรจะตก
เธอเดินหนีบหนังสือที่ปกยับเยินจากการถูกพกไปทุกแห่งหนกับเธอไว้ใต้รักแร้ขณะเปิดกระเป๋าสตางค์และนับเหรียญในมือเพื่อจ่ายค่ากาแฟอยู่หน้าเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟชื่อดัง
เธอกลับบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เธอจากมันมา ตอนนี้มันเป็นช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อนของเธอ ตลกดีที่ฝนกลับตกทุกวันในการปิดเทอมช่วงฤดูร้อน เพื่อนๆ ของเธอต่างบ่นกันระนาวถึงสภาพอากาศที่ย่ำแย่เป็นสีเทาทุกวัน แต่สำหรับเธอแล้วเธอกลับโอเคกับมันเสียยิ่งกว่าวันท้องฟ้าใสแดดจ้าเสียอีก เธอชอบความมืดครึ้มกับกลิ่นกาแฟและหนังสือดีๆ สักเล่ม มันดูเหมือนกับว่าเธอเป็นพวกสาวกคินโฟล์คอะไรแบบนั้น แต่เปล่าเลย จริงๆ แล้วเธอแค่ดีใจที่เธอไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ที่พร้อมจะหายไปจากชีวิตของเธอโดยไม่ลืมที่จะฉกชิงประโยชน์จากเธอไปในรั้วมหาลัยก็เท่านั้นเอง
การได้กลับมาในที่ๆ เธอคุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยแม้จะไม่ได้อยู่ใต้หลังคาบ้าน เพื่อนๆ สมัยมัธยมของเธอก็จะกลับมาที่เมืองนี้ในอาทิตย์หน้า แน่นอนว่าพวกเขาจัดการจัดสรรแบ่งเวลามาเจอกันให้พร้อมหน้าเรียบร้อยแล้ว
เธอเดินไปรับคาปูชิโน่ของเธอที่เคาน์เตอร์เมื่อชื่อของเธอถูกขานเรียกก่อนจะตรงไปที่โซฟาที่ว่างอยู่ภายในร้านที่เริ่มจอแจไปด้วยผู้คนในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ของวัน เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ยืดขาและเอนตัวลงด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะเริ่มเปิดหนังสือในมือของเธอ เธออ่านต่อจากหน้าที่เธอคั่นเอาไว้เมื่อคืน เธอไม่ได้พกหูฟังมากับเธอในวันนี้ ฉะนั้นมันเป็นโชคดีของเธอมากที่ร้านกาแฟเลือกที่จะเปิดเพลงแจ๊สเบาๆ คลอกับบรรยากาศของฝนที่ตกข้างนอก
เธออ่านหนังสือสลับกับจิบกาแฟและมองไปข้างนอกหน้าต่างหรือไม่ก็ผู้คนที่เดินเข้ามาใหม่ในร้านราวกับว่าเธอกำลังเฝ้ารอใครอยู่ทั้งๆ ที่วันนี้เธอไม่ได้นัดใครเอาไว้เลย รสชาติของกาแฟและฟองนมผสมในปากเธอเมื่อเธอยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบหลังจากอ่านหนังสือจบบรรทัดที่ตั้งใจไว้ ขณะเดียวกันสายตาของเธอก็จ้องมองไปที่หน้าประตูร้านเมื่อมีลูกค้าคนใหม่เข้ามา
ร่างที่คุ้นตาก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เธอจ้องลูกค้าคนนั้นอย่างไม่วางตา ในหัวของเธอคิดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่า
ยังเหมือนเดิม...
ดูเหมือนว่าคนถูกจ้องจะรู้ตัวเพราะหลังจากเขาสั่งกาแฟของเขาเสร็จเขาก็หันมาสบตาเข้ากับหญิงสาวที่ถือถ้วยกาแฟค้างไว้และมองเขาอยู่พอดี แน่นอนเมื่อเขาเห็นเขาก็ขมวดคิ้วสวยของเขาเล็กน้อยเมื่อมีผู้หญิงมองเขาราวกับได้เจอคนรู้จัก แต่เมื่อเขาพิจารณาใบหน้าของเธอดีๆ เขาก็นึกออกและรู้ตัวว่าเขารู้จักหญิงสาวคนนี้
เหมือนภาพความทรงจำและบทสนทนาเมื่อหลายปีก่อนย้อนเล่นเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง มีภาพทับซ้อนของหญิงสาวในช่วงวัยที่เด็กกว่าที่เป็นอยู่ทับซ้อนกับภาพปัจจุบันที่เธอนั่งอยู่ตอนนี้
เสียงหัวเราะใสๆ ของผู้หญิงคนนั้นกลับมาดังก้องในหัวของเขาดังเสียยิ่งกว่าเสียงลมหายใจของเขาอีก
พวกเขาสบตากันก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาช้าๆ เมื่อต่างฝ่ายต่างจำอีกฝ่ายได้แม้ภาพของอีกฝ่ายจะเป็นภาพเมื่อหลายปีก่อนกำลังเล่นอยู่ในหัวของพวกเขาก็ตาม ฝ่ายชายยิ้มจนตาปิด ตีนกาที่บ่งบอกอายุที่มากกว่าหลายปีกระจายไปรอบๆ ขอบตาของเขา ในขณะที่ฝ่ายหญิงบนโซฟายิ้มกว้างเสียจนฟันเรียงสวยของเธอเปล่งแสงออกมาราวกับไฟฉาย
เธอวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะและปิดหนังสือที่อ่านอยู่วางลงบนตักเมื่อพนักงานเรียกชื่อฝ่ายชายให้รับออเดอร์ ฝ่ายชายหันไปรับลาเต้เย็นก่อนจะเดินตรงไปยังที่ที่หญิงสาวนั่งอยู่ เขาค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามหญิงสาว
"โตขึ้นเยอะเลยนะ จำแทบไม่ได้แน่ะ" เขาพูดออกมาขณะดูดลาเต้เย็นในแก้วพลาสติกไปด้วย หญิงสาวหัวเราะเสียงใสก่อนจะทัดผมที่ตกลงมาปรกหน้าของเธอด้วยความเคอะเขิน ถึงแม้เมื่อก่อนเธอจะคุ้นเคยกับชายตรงหน้า แต่เพราะเวลาที่หายไปทำให้เธอรู้สึกเขินเล็กน้อยที่ต้องเริ่มคุยกับเขา
"ก็ตั้งเกือบปีแล้วตั้งแต่จบออกไป" เธอบอกเขา หุบรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้แม้จะพยายามก็ตาม "ไม่คิดว่าจะได้เจอกันด้วยซ้ำ บังเอิญจริงๆ " เธอเสริม ไม่สามารถห้ามความดีใจของตัวเองได้ มันส่งออกมาทั้งทางสายตาและรอยยิ้ม ราวกับว่าตัวของเธอเปล่งแสงสีชมพูออกมา ฝ่ายชายหัวเราะออกมา เขาก็ไม่สามารถห้ามความดีใจที่ได้เจอเธอเช่นกัน เขาพยายามดูดลาเต้ในแก้วต่อไปเพื่อไม่ให้ตัวเขาหลุดยิ้มออกมาแม้ว่าสายตาของเขาตอนนี้จะมีประกายเหมือนแสงดาวระยิบระยับเต็มไปหมด
"แล้วมหาลัยเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้ไหม" เขาพูดขณะที่หลอดยังคาอยู่ในปาก เธอพยักหน้าหงึกหงักและทัดผมตัวเองอีกครั้ง รอยยิ้มยังคงไม่จางไปจากใบหน้าของเธอ
"ก็ดี เรียนยากอยู่แต่ก็ไม่ได้แย่แบบที่กลัว"
"ดีแล้วล่ะ เก่งมาก มั่นใจอยู่แล้วว่าเราน่ะทำได้ เราน่ะฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา"
"จะว่าไปคุณก็ดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ยังเหมือนเดิม นอกจากรอยตีนกาเพิ่มขึ้น"
"เราก็ยังปากดีเหมือนเดิมนะ"
พวกเขาจ้องตากันก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเธอดูเป็นสาวมากขึ้น แต่อาจจะเพราะเขายังจดจำเสียงหัวเราะในวัยเด็กของเธอได้ละมั้ง มันถึงได้เป็นเสียงหัวเราะที่ใสและไพเราะจนเขาอยากจะฟังมันไปเรื่อยๆ จนกว่าโลกใบนี้จะดับสิ้นไป
"แล้วคุณล่ะ เป็นยังไงบ้าง" เธอเอ่ยปากถามเขาด้วยแววตาเป็นประกาย
"ก็ดี ทุกอย่างก็เหมือนเดิมไปหมด"
"ไม่จริงน่า โรงเรียนเปลี่ยนไปตั้งเยอะ เพิ่มนี่เพิ่มนั่นมาเต็มไปหมด" เธอพูด ความเคอะเขินค่อยๆ หายไป บรรยากาศแบบสมัยก่อนที่พวกเขามักจะเป็นเวลาอยู่ด้วยกันเริ่มกลับเขามา
"ก็เพราะเราเรียนจบแล้วโรงเรียนก็เลยพัฒนาขึ้นไง"
"หืม คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไรกันเนี่ย"
อีกครั้งที่พวกเขาระเบิดเสียงหัวเราะกันออกมา เธอยกกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆ ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับชายตรงหน้าต่อ
"ประหลาดดีนะ พอมาเจอคุณแบบไม่ใช่นักเรียกอีกแล้วเนี่ย"
"อืม รู้สึกเหมือนกันเลย"
"จะว่าไปก็แปดปีได้แล้วมั้ยนะ...ตั้งแต่คุณเข้ามาที่นี่"
"ไม่เคยนับแฮะ"
"เหมือนกับว่าจะเจอคุณตั้งแต่ตอนอายุสิบสองได้"
"หืม จำละเอียดจัง"
"ก็...คุณเป็นคนน่าประทับใจ เลยลืมยากน่ะ"
เขายิ้ม หยุดยิ้มไม่ได้กับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า คำพูดที่หลุดจากปากของเธอเหมือนเป็นคำสารภาพของเธอในวัยสิบสองปียังไงยังงั้น เขาได้แต่เก็บความดีใจไว้ในใจของเขา
"แล้วเราน่ะเข้ามหาลัยไม่มีคนมาจีบบ้างเหรอ" เขาบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่อง
เธอกลอกตาและถอนหายใจ "เยอะแยะเลย น่าเบื่อสุดๆ เพราะสุดท้ายก็จูนกันไม่ติด ไร้สาระทั้งนั้น"
เขาหัวเราะ หัวเราะที่เธอยังคงหัวรั้นและไม่มีใครเอาอยู่เหมือนเดิม
เหมือนกับตอนเธอที่เธอเด็กกว่านี้...
"เดี๋ยวก็เจอเองแหละ" เขาพูดออกมา ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น แต่เวลาอยู่กับเธอคนนี้เขาก็มักจะทำอะไรไม่มีเหตุผลเท่าไหร่อยู่แล้ว
"คงเจอตอนทำงานนู่นแหละมั้ง" เธอยักไหล่อย่างไม่ยี่หระนัก ราวกับว่าหากจะต้องเป็นโสดทั้งชีวิตแต่สบายใจกว่าต้องมาปวดหัวกับความรักเธอก็โอเคที่จะอยู่อย่างเดียวดายในวัยเกษียณของเธอ
"ช่วงนั้นก็กำลังดี ตอนนี้โฟกัสเรื่องเรียนไปน่ะถูกแล้ว" เขาดูดลาเต้ในแก้วหลังจากพูดจบ
"หรือ...จริงๆ อาจจะเจอแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้" จู่ๆ เธอก็เสริมต่อขณะก้มลงมองแก้วกาแฟที่พร่องไปครึ่งแก้ว คำพูดของเธอทำให้ชายตรงหน้าอ้าปากค้างพร้อมหลอดคาอยู่ที่ริมฝีปาก
เธอเงยขึ้นมาสบตากับเขาแล้วยิ้ม
เขาค่อยๆ วางแก้วในมือลงแล้วยิ้มตอบบางๆ
พวกเขาเงียบกันไปครู่ใหญ่ จนกระทั่งชายตรงหน้าทำลายความเงียบที่โอบล้อมพวกเขาท่ามกลางออร่าสีชมพูระเรื่อที่กระจายออกมาจากพวกเขา
"เราก็ยี่สิบปีแล้วเนอะ" เขาพูดพลางเขี่ยน้ำแข็งในแก้วที่ไม่มีลาเต้เหลืออยู่แล้วด้วยหลอด เธอพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่เขาจะเสริมต่อแล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อย "เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เลย เหมือนกับว่าเพิ่งได้แกล้งเราหน้าโรงเรียนเมื่อวาน"
เธอขำน้อยๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอบังเอิญไปเจอเขาที่หน้าโรงเรียนตอนโรงเรียนเลิกเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขากับเธอไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนได้เพราะเธอเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว และเขาในตอนนั้นสอนในระดับชั้นที่ต่ำกว่านั้น มันจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเขาสองคนต้องเจอกันอีก แต่เพราะเหตุบังเอิญในวันนั้น...ที่หน้าโรงเรียน...พวกเขาหยอกล้อกันเหมือนกับเด็กๆ
เธอรู้สึกอบอุ่นข้างในเมื่อนึกถึงฝ่ามืออุ่นๆ ของชายตรงหน้าที่สัมผัสลงบนกลางหัวของเธอในตอนนั้น
เขารู้สึกมวนๆ ในท้องเหมือนเขาได้กลับไปอยู่มัธยมปลายอีกครั้งตอนที่หญิงตรงหน้าเงยหน้ามายิ้มให้เขาตอนที่เขายกมือขึ้นลูบหัวเธอในตอนนั้น
"คุณอายุเท่าไหร่ได้แล้วล่ะตอนนี้" เธอถามขึ้น ส่ายหน้าเบาๆ ไล่ความอบอุ่นในหัวใจที่ลามมาที่ใบหูของเธอทำให้ใบหูของเธอแดงระเรื่อ
"สามสิบสาม" เขาตอบ แอบสังเกตใบหูที่เปลี่ยนสีของเธอแล้วลอบยิ้ม
"แก่" เธอทำหน้าล้อเลียน
"แหม พอเราอายุเท่านี้ก็จะรู้เอง"
พวกเขาหัวเราะกันอีกครั้งก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่าง ฝนที่เคยตกปรอยๆ ข้างนอกหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่พวกเขาก็ไม่รู้ ฟ้าที่ครึ้มเริ่มเปิดช่องทางให้แสงอาทิตย์ส่องออกมา
"เห็นเราสบายดีก็ดีแล้ว" เขาเท้าคาง มองนอกหน้าต่างแล้วพูดก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดูด เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูดชัดเจนแต่ก็ไม่หันกลับไปมองเขา เธอยิ้ม ภาพรอยยิ้มของเธอสะท้อนกับกระจกของร้านกาแฟ มันเป็นภาพสะท้อนที่จางจนแทบจะมองไม่เห็น
แต่เขาเห็นรอยยิ้มของเธอพาดผ่านกระจกอย่างชัดเจน
เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะขอตัวกลับไปโรงเรียนก่อนโรงเรียนจะเลิก
"ต้องไปก่อนละ ดีใจที่ได้เจอเรานะ"
เธอยิ้ม สองมือโอบแก้วกาแฟที่ตอนนี้เหลืออยู่แค่ก้นแก้วเอาไว้ "ดีใจที่ได้เจอคุณเหมือนกัน"
เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังและเดินออกจากร้านไปโดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวอีก หญิงสาวเฝ้ามองแผ่นหลังของชายคนนั้นออกจากร้านจนลับตาไป เธอปล่อยมือจากถ้วยกาแฟ ค่อยๆ เอนหลังลงกับโซฟาอีกครั้งก่อนที่รอยยิ้มที่ใบหน้าของเธอจะค่อยๆ จางลง เธอเปิดหนังสือจากหน้าที่เธอค้างไว้ก่อนจะไล่สายตาหาบรรทัดที่เธออ่านค้างไว้และเริ่มอ่านมันอีกครั้ง
เวลาล่วงเลยจนถึงเย็น ในขณะที่เธอกำลังสนุกสนานกับเนื้อหาที่กำลังหักมุมในหนังสือ เธอก็ต้องละสายตาออกจากหนังสือเมื่อมีเงาตะคุ่มๆ ยืนอยู่ริมกระจกบังแสงสว่างที่เหลือน้อยเต็มแก่จากข้างนอก เธอเงยหน้าหันไปมองเจ้าของเงา ก่อนจะพบกับเขาที่ออกจากร้านไปเมื่อชั่วโมงก่อนกำลังยืนล้วงกระเป๋าบังแสงสุดท้ายของวันอยู่อย่างไม่รู้ร้อน ร่างกายของเขาทอแสงสีทองเพราะเขาไปยืนบังพระอาทิตย์ที่กำลังพยายามฉายแสงสุดท้ายออกมาจากก้อนเมฆมืด
ชายโตกว่ายืนยิ้มให้เธออย่างมีความนัยน์บางอย่างที่เธอเข้าใจความหมายอย่างดี เธอปิดหนังสือลงอีกครั้งก่อนจะจ้องตาของเขาโดยที่หุบยิ้มไม่ได้
เธอสาปแช่งทุกอย่างที่ยังทำให้ชายคนนี้ยังคงเหมือนเดิมเหมือนกับวันแรกที่เธอได้ตกหลุมรักเขาในวันที่เขาเข้ามาในห้องเรียนในฐานะคุณครูคนใหม่ในชั้นเรียนของเธอตอนเธออายุสิบสอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in