ใครเคยไปดูหนังที่พารากอนบ้าง ?
.
.
นี่คือครั้งแรกของการดูหนังที่พารากอนและบางกอก
.
.
.
นี่ไม่เคยไปดูหรอก ไม่ได้อยากลอง ไม่ได้กระแดะใดใด แต่เพราะมันมีรอบดึกเว้ยแกร (กลางวันทำงานไง)
ด้วยความที่เป็นประเภทชอบดูหนังแบบโรงโล่งๆคนไม่เยอะ หนังรอบดึกเลยเป็นทางเลือกที่โอเคที่สุดละเท่าที่คิด(เอง) "23.00" คือรอบหนังที่เลือก
.
.
หลังจากที่ได้เช็คเวลาเรียบร้อย ก็รีบบึ่งไปที่บีทีเอสอารีย์ด้วยพี่วินใจดีขี่รถเร็วกว่าเต่านิดนึง (แต่ก็ดีเซฟตี้ไว้ก่อน) จำได้ว่าตอนนั้นไปถึงพารากอนตอนประมาณสี่ทุ่มนิดๆ...
ห้างปิดไปละ...
ทำไงละทีนี้ กูนิ่งเลย...
แต่มันต้องเข้าได้สิอีดอก ก็มันมีรอบหนังอยู่ !!!
ด้วยความมั่นใจจึงเดินเลาะไปที่ประตูด้านข้างที่กำลังมีคนเดินออกมา และพุ่งตัวเข้าไป แบบรีบๆเพราะกลัวเค้าจะปิดประตูก่อน ปรากฏว่ามีคุณรปภ.ยืนขวางอยู่
"ห้างปิดแล้ว"
"คือ...จะมาดูหนังอ่ะค่ะ"
"เข้าไม่ได้...ไปทางโน้น" *พูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญแล้วทำท่าชี้ๆแบบปัดๆไปทางลานจอดรถหลังตึก*
เอ่อ ดีออก...พูดดีๆก็ได้เว้ย เหวี่ยงทำไมว่ะสัด ?
.
.
โอเค เดินไปก็ได้ว่ะ ไหนๆก็มาแล้ว ... เดินค่ะ อีนี่ก็เดินไปเรื่อยๆ เดินเข้าไปลึกเรื่อยๆ อีดอกมืดก็มืด รถก็มีขวักไขว่แต่ก็ไมได้ช่วยเฮียอะไรเลย
เดินไปได้ครึ่งทางละ เห็นป้ายว่าโรงแรมอะไรสักอย่างเลยชัดเอ๊ะ...กูมาถูกทางป่ะว่ะ เลยเดินย้อนกลับไปเพื่อดูลาดเลา อีดอกมันไม่มีคนผ่านมาเลยอ่ะหรือกูมาผิดทางว่ะ
.
ไม่นะไม่ กูอุตส่าห์เดินลงมาจากหอหกชั้นที่ไม่มีลิฟท์แล้วนะ กูต้องได้ดูสิ กูจะไม่ยอมกลับไปขึ้นหอโดยไม่ได้ดูหนังเด็ดขาด การเหนื่อยของกูจะต้องไม่เสียเปล่า กูไม่ยอมมม!!!
.
เดินวกไปวนมาอยู่พักนึง จะถามใครก็ไม่ได้ เลยเดินย้อนกลับไปดูทุกประตูที่ผ่านมามันก็ปิดหมด ตอนแรกนี่ถอดใจละ อีเวรกูจะไม่ดูมันแล้วโว้ยยยยยยย แต่สุดท้ายก็เดินวกกลับไปทางเดิมอีกที เป็นโชคดีที่เจอพนักงานร้านอะไรสักอย่าง เลยพุ่งตัวเข้าไปถาม
"โทษนะคะ...ไปดูหนังนี่ไปทางไหน"
"อ๋อ เดินเข้าลานจอดรถไปแล้วจะเจอลิฟท์ให้ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นห้าค่ะ"
"ขอบคุณมากเลยค่ะ" เหมือนสวรรค์มาโปรดกูแล้วอีดอก ยังไงวันนี้กูก็ต้องได้ดู เยสสสสสส!
.
เดินดุ่มๆๆ เข้าไปที่ลานจอดรถอย่างมั่นใจ นี่ไงเจอลิฟท์แล้ว มีคนเพียบเลย กูมาถูกทางแล้ว เยสสสส!!! สวรรค์ทรงโปรดกูละ ยังไงวันนี้กูก็ต้องได้ดูหนัง ห้าห้าห้าห้า
แต่เอ๊ะ... คนเข้านั่งรอไรกันทำไมไม่กดลิฟท์ว่ะ โอเคกูกดเองก็ได้...
พอลิฟท์มาก็รีบเข้ารีบกดไปชั้น 5 ที่ตั้งของโรงหนังทันที เฮ้อ รอดสักที...
ติ๊ง
ถึงละเว้ยย ได้ดูสักที นั่งตรงไหนดีว๊าาา คนโล่งขนาดนี้ โอ้วว นี่มันชีวิตคนเมืองที่ต้องมานั่งดูหนังรอบดึกคนเดียวเพราะกลางวันไม่มีเวลาชัดๆ โอ๊โอ โอ้วววว โอ้ววววววววววววว
ขาสองข้างก้าวเดินออกมาจากลิฟท์ฉับๆๆๆ เดินออกมาจากบริเวณที่จะขึ้นลิฟท์ ก็พบกับ...
ความมืด...
มืดมากอีดอก...
แต่ก็ยังเดินหน้าต่อเข้าไปอยู่ เชื่อแน่นอนว่าอยู่นี่ กูอ่านมา กูอ่านป้ายมาแล้ว...เดินไปได้นิดนึง(ท่ามกลางความมืด) ป้ายข้างซ้ายมือ แปะตัวใหญ่ๆว่าพารากอนฮอล... ขวามือเป็นอะไร kidๆ สักอย่าง แล้วแบบมืด...มืดมากเลยอีเหี้ย เหมือนในหนังผี...
กลัวค่ะ ใจเริ่มแป่ว...เมื่อกี๊ตอนเข้าลิฟท์มากูยังอ่านในลิฟท์อยู่เลยว่าชั้น 5 มีโรงหนัง ฮือออออ
กูจะได้ดูหนังมั้ยวันนี้ ... ยกนาฬิกาขึ้นมาดูอีกที โอโห้กูเสียเวลาในการหาโรงหนังเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว โอ้โหหหหหหห ... แย่มากๆ ตอนนั้นคือเฟลสุดๆ เลยเดินคอตกกลับเข้าลิฟท์ไป (อย่าเรียกว่าเดินเลยค่ะเรียกว่าวิ่งดีกว่า คือมืดน่ากลัวจริงๆบรรยากาศตรงจุดนั้น ฮ่อมมมมมม
และเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งอีกรอบ เดินเข้าลิฟท์ไปประตูปิด แล้วก็ยังยืนมองหมายเลขชั้นอยู่...
อีเห้...เมื่อกี๊กูมาจากชั้นไหนว่ะ...มันมีชั้น 1 , M , G ...
อีเวรปัญหากูมาอีกแล้วโอยยยยยยยยย ตอนนั้นคือน้ำตากูจิไหลแล้วแม่มึงงง TT อีฉห. กูต้องมาหลงทางอยู่ในพารากอนที่ไม่มีคนหรอว่ะเนี่ย เหิ้มมมมมม TT
.
ตัดสินใจกดชั้น 1 ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แต่ยังโชคดีที่ลงไปเจอคุณน้ารปภ.หน้าลิฟท์ เห้อใจชื้นขึ้นมาแล้วค่ะ
"โทษนะคะ...โรงหนังไปทางไหน"
"อ๋อ...หนูต้องเดินไปขึ้นลิฟท์ฝั่งเซ้าท์นะคะ อันนี้ฝั่งนอร์ท"
"ขอบคุณมากค่ะ" อีดอกตอนนั้นรู้สึกหน้าแตก แล้วก็คิดในใจว่าทำไม่จะต้องมีลิฟท์เยอะแยะ ฝั่งโน้นฝั่งนี้ แล้วก็อยู่ไกลกันด้วยนะ อยู่ชั้นเดียวกันก็ให้มันขึ้นฝั่งไหนก็ได้ไม่ได้รึไงว่ะ พอกลับมาคิดอีกที ก็ห้างเค้ากว้างขนาดนี้ ถ้ามีลิฟท์ตัวเดียวก็กระไรอยู่
.
กว่าจะไปถึงโรงหนังก็ ห้าทุ่มเวลาหนังฉายพอดีเลย โอ้โหหห กูเดินหาโรงหนังชั่วโมงนึง...ไม่เป็นไร มันเป็นประสบการณ์ที่เห้มากจริงๆ จะจดจำไว้และไม่นำไปใช้อีกแล้วค่ะ ฮืออออ
เข้าโรงไปเจอทีเซอร์คอนจูริ่งอีก โอ้โหหห โอ้โหเลยยยย นี่มันอีฝั่งนอร์ทเมื่อกี๊ชัดๆ อีเวร แล้วมาคนเดียว ทั้งแถวนั่งอยู่คนเดียว โอ้โหห ก้มหน้าลงไป...ก้มจนคางชิดอก ปิดตาปิดหู พยายามไม่ฟัง ฮืออออ กูกลัว อีเห้ทีเซอร์นี่ก็นานจังเลย ฮือออออ สักพักมันเงียบ กำลังเงยหน้าขึ้นมา โอ้โหเต็มๆค่ะ คุณพระคุณเจ้าเต็มๆตา ติดตาไปเลยยยย สะดุ้งโหยงเลยอีเห้ ใจเต้นตุบๆๆๆ ... เห้อ
แต่ทีเซอร์โรงหนังที่กทม.นี่นานจริงจังมากเลย จับเวลาดูเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนหนังจะฉายจริงๆ เสียเวลามากๆ (ตั้งแต่เดินหลงทางแล้วอีเห้) แต่ก็เป็นการดูหนังที่คุ้มมากประทับใจ หนังดี คุ้มที่บุกบ่าฝ่าฟันจนเกือบจะหลงอยู่ในพารากอน
หนังจบก็เดินมาลงลิฟท์(ตัวที่ถูกต้องนะจ๊ะ)ด้วยตาบวมๆ เพราะผ่านการร้องไห้มา (Me before You) แต่เท่าที่สังเกตุก็ไม่ได้มีแค่กูนะเฮ้ย ผช. บางคนยังตาบวมเลย แต่หนังดีจริงๆ บางคนอาจไม่เสียน้ำตา แต่เราว่ามันได้ข้อคิดอะไรเยอะเลย(เหิ้มม พูดเหมือนมีความรู้) รวมๆเลยคือกูแฮปปี้อ่ะ สำหรับเราหนังมันฟิลกู๊ดมากจริงๆ
ยังค่ะ...ถ้าคิดว่าความควายของดิฉันจะจบแค่นี้คุณคิด...ผิดค่ะ!!!
พอเดินเข้ามาในลิฟท์พร้อมๆกับใครหลายๆคนปุ๊บ ทุกคนก็จะกดเลขชั้นที่ตัวเองต้องไป แต่อีนี่ยืนนิ่งค่ะ...
ชิบหาย ชั้นอะไรว่ะ...
ชั้น 1 ละกัน...
ติ๊ง
ลิฟท์เปิดแล้ว ก็รีบเดินออกไป ตอนนั้นประมาณตีหนึ่งดึกแล้ว เลยคิดว่ารีบกลับดีกว่า
พอขากำลังจะก้าวออกจากประตูทางเข้า
เอ๊ะ...ทำไมเหมือนอยู่ชั้นบนๆอยู่เลยละ ข้างๆตึกมันควรจะเป็นถนนไม่ใช่หรอ เลยวกกลับเข้าไปขึ้นลิฟท์แล้วกดไปชั้นล่างอีกที เจอลุงรปภแซว...
"ต้องไปอีกชั้นนึงนะหนูถ้าจะไปแท๊กซี่"
"ค่า..." หันไปยิ้มแบบหน้าแตกให้ลุงรปภหนึ่งทีก่อนรีบกระโดดเข้าลิฟท์ไป
.
.
.
.
สรุปก็คือ...
ช่างเป็นช่วงเวลาที่ ฉห. มากตั้งแต่ต้นยันจบจริงๆ
.
.
เฮ้ออออออออ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in