เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
something worth watchingnadnnaddy
Life lessons from "We Are X"
  • เคยมีวงดนตรีที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเองมั้ยคะ?
    "X" เป็นหนึ่งในวงดนตรีในตำนานที่สร้างประวัติศาสตร์ไว้นับไม่ถ้วน 
    และกลายเป็นกำลังใจให้กับหลายๆคนที่กำลังต่อสู้กับชีวิต

    ตัวเราเองไม่ใช่แฟนคลับวงนี้แต่อย่างใด 
    สารภาพตามตรงเลยว่าเคยฟังเพลงวงนี้อยู่แค่ประมาณ 2 เพลงก่อนไปดูหนัง
    และพึ่งมาสนใจวงนี้ตอนที่โยชิกิมาไทยและพี่สาวเราไปดู 

    แต่หนังสารคดีเรื่อง "We Are X" ให้อะไรหลายๆอย่างกับเรา ทำให้ได้ฉุกคิดถึงอะไรหลายๆอย่าง
    *ข้อมูลต่างๆ เรานำมาจากในหนังเท่าที่พอจำได้และหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เนื่องจากไม่ใช่แฟนคลับ อาจจะมีข้อมูลผิดพลาด ก็ขอโทษล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ*

    เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และหาอ่านตามได้ทั่วไปอยู่แล้ว
    หากเป็นแฟนคลับอยู่แล้ว สิ่งที่จะอ่านต่อไปนี้คงไม่เรียกว่าสปอยล์
    แต่สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักวงนี้มาก่อนและกำลังคิดว่าจะไปดูเรื่องนี้ ก็ปิดไปก่อนเน้ออ
    ไว้ดูจบแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ :-D

    "If you put everything into something, in life, you will never lose."

    โยชิกิ ผู้ที่เป็นหัวหน้าวง มือกลองและมือเปียโนของวง ตั้งแต่เด็ก เค้าเป็นเพียงเด็กหนุ่มผอมแห้งแรงน้อย ผิวขาวซีดตลอดเวลา และมีโรคติดตัวคือโรคหอบหืด แม้แต่แม่ของโยชิกิยังให้สัมภารณ์ว่าเธอเก็บมันมาเป็นความลับต่อครอบครัวมาตลอดว่าหมอทุกคนล้วนพร่ำบอกเธอว่าโยชิกิต้องจากโลกใบนี้ไปตั้งแต่วัยเยาว์แน่ๆ โยชิกิเองก็รู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คนแข็งแรงอะไร คนรอบตัวเขาก็ได้แต่มาตีกรอบให้เขาว่าไม่ควรทำนั้น ไม่ควรทำนี้ ควรพอได้แล้ว แต่โยชิกิไม่เคยสนใจคำพูดของคนเหล่านั้นเลย โยชิกิทุ่มทั้งกายทั้งใจให้กับการเล่นดนตรี หลายครั้งขณะที่ X ขึ้นแสดงคอนเสิร์ต หลังจบเพลง โยชิกิต้องลงไปนอนกับพื้นเวทีด้วยความทนทุกข์ทรมานจากการแสดงที่หักโหมต่อร่างกายของเขา แฟนๆหลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่านี้เป็นเพียงการแสดงหรือเปล่า แต่หารู้ไม่ ว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากการทุ่มสุดตัวของโยชิกิจริงๆ
    เราไม่ได้บอกให้ทุกคนทำตัวหักโหมอะไรอย่างโยชิกิหรอกนะ แต่เรารู้สึกว่าหลายๆอย่างที่คนอื่นหรือแม้แต่ตัวเราเองคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันมากเกินกว่าลิมิตของเรานะ แต่ใครจะไปรู้หละ บางทีเราอาจจะยังไม่ได้ลองทุ่มสุดตัวจริงๆก็เป็นได้นะ 


    "We're not only bonded by music but also through life."

    เป็นที่รู้กันดีว่าโยชิกิและไทจิ มือเบสของวง ทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ แต่คนในวงเองก็ยืนยันว่าการทะเลาะกันของทั้งคู่กลับกลายเป็นตัวกระชับสายใยของทั้งคู่เสียมากกว่า อย่างไรก็ตามไทจิเป็นสมาชิกคนแรกที่ออกจากวง X และโยชิกิได้แต่บอกว่าสิ่งที่ไทจิทำมันเลวร้ายมากจนไม่สามารถบอกได้ แม้เวลาจะผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โยชิกิก็ยังไม่อยากพูดถึงสิ่งที่ไทจิทำจริงๆ ก่อนไทจิจะเสียชีวิต ไทจิบอกว่าสิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดในชีวิตคือการออกจากวง X และโยชิกิเองก็ไปเยี่ยมหลุมศพของไทจิอยู่ไม่ขาดสาย แถมยังกล่าวด้วยซ้ำว่าเขายอมแลกอะไรก็ได้ในชีวิตเพื่อได้เล่นดนตรีกับไทจิและฮิเดะ(มือกีตาร์ของวงที่เสียชีวิตแล้วเช่นกัน) อีกครั้ง  เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่เรายังรู้สึกได้ถึงมิตรภาพของทั้งคู่ที่มีต่อกันแม้ยามจะแยกทางกัน หลายๆครั้งที่มีคนกล่าวว่าการทะเลาะกันจะทำให้สนิทกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น เราเชื่อในคำพูดนี้มากๆเลยนะ แต่บางครั้งเราก็ต้องหัดรู้จักที่จะให้อภัย ลดทิฐิลงและฟังเหตุผลของอีกฝ่ายมากขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไปและเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว

    "Suicide is selfish."

    เราเชื่อว่าญี่ปุ่นต้องเป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคนแน่ เราเองก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบประเทศญี่ปุ่นมากๆ แต่ที่แปลกใจคือ ญี่ปุ่นติด top 20 ของประเทศที่มีเรทในการฆ่าตัวตายสูงที่สุดมาโดยตลอด พ่อของโยชิกิฆ่าตัวตายตั้งแต่เขาอายุได้เพียงแค่ 10 ขวบ และโยชิกิได้แต่สงสัยมาโดนตลอดว่าหรือแท้ที่จริงแล้วเขาทำให้พ่อผิดหวัง เขาเป็นลูกที่ไม่ดีหรือเปล่านะ? นอกจากพ่อของโยชิกิแล้ว ทั้ง Hide มือกีตาร์ของวงและ Taiji มือเบสของวงก็ฆ่าตัวตายเช่นกัน โยชิกิได้กล่าวไว้ว่า การฆ่าตัวตายเป็นอะไรที่เขาต่อต้านมากที่สุด มันเป็นอะไรที่เห็นแก่ตัวเพราะคนที่ต้องทนอยู่การสูญเสีย ทนอยู่กับการทุกข์ทรมานคือคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกต่างหากไม่ใช่คนที่เลือกจะจากโลกไป โยชิกิเองต้องทนอยู่กับความรู้สึกที่ว่าตัวเองอาจจะเป็นคำสาป ที่ใครๆที่อยู่ใกล้เขาต้องพลอยกันจากโลกกันไปหมด ทั้งพ่อและเพื่อนร่วมวง

    "To exercised by the demon, to play with the demon."

    Toji นักร้องนำวง ได้กล่าวถึงการใช้ศิลปะเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ หลายต่อหลายเพลงของ X ที่แฟนๆได้กล่าวว่าได้ให้กำลังใจพวกเขาในช่วงเวลาที่ชีวิตสิ้นหวัง นั้นเป็นเพราะ X ได้รู้จักเปลี่ยนอารมณ์เศร้า อารมณ์ร้อน และอารมณ์ต่างๆที่รบกวนจิตใจของพวกเขาให้กลายเป็นศิลปะ กลายเป็นเสียงเพลง จึงเข้าถึงอารมณ์แฟนๆได้เป็นอย่างดี อย่างหลังจากที่พ่อของโยชิกิเสียลง แทนที่โยชิกิจะเลือกระบายอารมณ์ผ่านทางการคว้าปาสิ่งของต่างๆอย่างที่วัยรุ่นชอบทำ โยชิกิเริ่มตีกลอง และแปรผันความโทสะออกมาเป็นเวทย์มนตร์ทางศิลปะแทน
     

    "Brainwashing"

    มีช่วงหนึ่งที่โทชินักร้องนำของวงเข้าสู่ลัทธิ ถูกล้างสมองและออกจากวงไปในที่สุด
    แต่เมื่อโทชิกลับมาหาโยชิกิอีกครั้งหลังจากวงถูกยุบไป โยชิกิได้กล่าวไว้อย่างซึ้งใจว่าเขาจะยังรักโทชิอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นโทชิที่ถูกล้างสมองหรือไม่ถูกล้างสมอง 
    สำหรับเราแล้ว คนเราทุกคนก็เหมือนอยู่ในลัทธิอะไรซักอย่างหนึ่ง อาจจะไม่หนักเท่ากับโทชิ แต่สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรามันสามารถเปลี่ยนเราไปได้เสมอ ดังนั้นการเลือก "ลัทธิ" จึงเป็นอะไรที่สำคัญ แต่เราเชื่อว่าไม่ว่าเราจะโดนลัทธิพัดไปไกลแค่ไหน ข้างในลึกๆมันก็ยังมีความเป็นตัวเราอยู่ ดังนั้นทุกคนก็สามารถหลุดพ้นจากลัทธิได้ถ้าพยายาม ที่สำคัญกว่านั้นเราเชื่อว่าทุกๆคน ไม่ว่าจะเคยเดินหลงผิดไปมากแค่ไหน ย่อมต้องมีคนที่รับเราได้ รักเราที่เป็นเรา และพร้อมที่จะให้อภัยเราเหมือนอย่างโยชิกิกับโทชิแน่นอน 


    "Music has no boundaries."

    ในช่วงแรกที่วง X ก่อตั้งขึ้น แน่นอนว่าเพลงทุกเพลงต้องถูกเขียนออกมาในภาษาญี่ปุ่น หลายต่อหลายคนก็ตั้งข้อกังขาว่าวงนี้มันเอาความมั่นใจมาจากไหนกันนะว่าจะตีตลาดอินเตอร์ได้ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่วงที่มาจากประเทศที่มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ X ได้ให้คำตอบไปอย่างชัดถ้อยชัดคำว่าสำหรับพวกเขาแล้ว ดนตรีมันไม่มีเส้นแบ่งกั้นอะไรทั้งสิ้น มันไม่เกี่ยวกับสีผิวหรือเชื้อชาติ ต่อจากนั้นสมาชิกทุกคนได้เรียนภาษาอังกฤษจนแต่งเพลงภาษาอังกฤษออกมาแล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แรงบันดาลใจที่เราได้จากเรื่องนี้คือการที่หลายๆครั้งคนเราชอบตัดพ้อ ชอบตัดสินตัวเองไปก่อนว่าเราด้อยกว่าคนอื่น เราได้รับโอกาสน้อยกว่าคนอื่น มันเป็นอะไรที่ผิด การที่เราไม่ได้รับโอกาสหรือมีโอกาสน้อยกว่าคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ แต่หมายความว่าเราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นต่างหากล่ะ แล้วเราได้ลองพยายามพอแล้วหรือยังก่อนจะตัดพ้อสิ่งเหล่านั้น?  


    วง X ผ่านอะไรมามากมายกว่าจะมาถึงจุดที่สำเร็จได้ขนาดนี้
    จุดที่ได้ขึ้นเล่นที่ Madison Square Garden, 
    จุดที่แม้แต่โปรดิวเซอร์ของ The Beatlesและสมาชิกวง Gun N' Roses ต้องออกปากชม
    X เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนหลายคน เป็นผู้มีความกล้าบ้าบิ่นที่จะเจาะตลาดอเมริกาในช่วงยุค นั้น กล้าที่จะสร้างความแตกต่างให้กับวงการ Rock n' Roll เป็นผู้สร้างความเป็นมิวสิคไอค่อน สร้างวัฒนธรรมนับไม่ถ้วนให้กับประเทศญี่ปุ่น

    เส้นทางของ X ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และออกจะโรยด้วยหนามตลอดเวลาด้วยซ้ำ
    แต่พวกเขาไม่เคยเอาเก็บนำเอาหนามที่ทิ่มแทงพวกเขาเหล่านั้นให้มาเป็นอุปสรรคต่อความฝันของพวกเขาเลย พวกเขานำความเจ็บปวดที่ได้รับมาเปลี่ยนเป็นแรงขับเคลื่อน และผลักดันให้ตัวเองไปได้ไกลกว่าเดิม

    "Pain is my enemy, my friend, and my lover"

    สำหรับคนที่ได้รับชมภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "We Are X" แล้ว และอ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าอยากพูดคุยเพิ่มเติม คอมเม้นอะไร สามารถทวิตไปคุยกับเราเพิ่มเติมได้เลยนะคะ หรือจะคอมเม้นไว้ตรงนี้เลยก็ได้
    สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับชม เราก็แนะนำให้ไปดู ยังมีอะไรในหนังอีกหลายอย่างที่เราชอบและซึบซัมมาแต่ไม่ได้เขียนออกไปให้เพื่อนๆอ่านกัน หรือแม้แต่สิ่งที่เราบอกและเล่าไปแล้ว เราเชื่อว่าพออยู่ในโรง มันจะคนละฟีลกับเพียงแค่อ่านสิ่งที่เราพิมพ์ออกมาแน่นอนค่ะ
    ไม่จำเป็นต้องรู้จักวง X มาก่อนด้วยซ้ำ เราก็เชื่อว่าเพื่อนๆสามารถเพลิดเพลินกับหนังสารคดีเรื่องนี้ได้เป็นอย่างแน่นอน :-D




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in