เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
INTERNSHIT - ภารกิจฝึกงานNeiw Chayanuns Mekasut
07 : 'Brothers In Arms, Comrade ,สหายร่วมรบ'
  • หน้าที่และตำแหน่งของผมกับไปป์ตลอดการฝึกงานครั้งนี้ก็คือการฝึกงานในแผนกครัวครับ แต่เนื้อหาจะเป็นยังไง พวกมันสองคนจะโดนหลอกไปใช้แรงงานเถื่อนมั้ย? จะโดนเอาไปปล่อยให้ขุดเหมืองหรือป่าว? หรือจะโดนเอาไปขายบริการให้บาร์โฮสหนุ่มล่ำมั้ยนะ? (ไม่มีทางแน่ๆ) โดยเนื้อหาในส่วนนี้ยังขออุบไว้ก่อนละกัน บทที้ขออธิบายและแนะนำบุคคลที่เกี่ยวข้องก่อนนะครับ เนื่องจากบทที่แล้วอยู่ๆก็ทำการใส่ชื่อพี่ซาเวียร์เข้าไปจึงอาจเป็นเหตุให้เกิดความสับสนและไม่เข้าใจต่อเนื้อหาได้ 

    อย่างที่บอกไปว่าหลักๆแล้วผมทำงานในครัวเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นพนักงานจากแผนกครัวกับแผนกบริการเนื่องจากสองแผนกนี้ต้องทำงานด้วยกันตลอดครับจึงทำให้บรรดาพวกเพื่อนร่วมงานที่คลุกคลีและมั่วสุมอยู่ด้วยกันตลอดระยะเวลาฝึกงานจึงตกมาเป็นของสองแผนกนี้ซะส่วนใหญ่

    เริ่มที่แผนกครัวก่อนละกันครับ

    คนแรก เซฟ คริสโตเฟอร์หรือคริสตอฟ (Christopher) เชฟคริสตอฟเป็นหัวหน้าของครัวที่นี่ครับ โดยทุกคนในครัวจะเรียกเค้าว่า ‘เชฟ’ เชฟคริสโตเฟอร์เป็นชายร่างยักษ์ รูปร่างเหมือนหมี สูงวัย ผมเทาหยิกหยักศก หน้าตาดีและพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง เชฟเป็นเชฟที่ใจดี แต่การวางตัวของแกจะทำให้รู้สึกน่าเกรงขามเป็นอย่างมากจึงทำให้เชฟเป็นคนที่ดูดุและเข้าถึงยาก ต่อมาภายหลังความน่าเกรงขามนั้นหายไปแบบไม่หลงเหลือเค้าเดิมอยู่และได้ถูกแทนที่ด้วยความปัญญาอ่อนระดับสติหลุดแทน เนื่องจากเชฟมาสนิทกับพวกผมนี่หละครับ

    'รูปภาพเชฟคริสตอฟในตอนที่สติหลุดไปแล้วเรียบร้อย'

    ซาเวียร์ (Xavier) คนที่มารับผมกับไปป์ที่สถานีรถไฟในบทที่แล้วครับ ซาเวียร์ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสแต่เป็นชาวเบลเยี่ยมวัยกลางคน เมียหนึ่ง ลูกหนึ่ง พูดได้ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ตำแหน่งของซาเวียร์ในครัวก็คือ รองหัวหน้าเชฟครับ ซาเวียร์เป็นคนที่คุยสนุกและมักจะสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับผมและไปป์ แต่ภายหลังเกิดเหตุดราม่าเข้มข้นขึ้นในครัวจึงเป็นเหตุที่ทำให้ซาเวียร์ต้องลาออกไปจากที่นี่ ซาเวียร์จะใจดีกับผมและไปป์เป็นพิเศษ มีอยู่ครั้งนึงแกจะให้ยืม X-Box ที่บ้านแกเพื่อให้พวกผมเล่นแก้เบื่อแต่เพราะว่าพวกไปป์นั้นเกรงใจจนไม่รู้จะยังไงแล้ว ไปป์จึงได้ทำการปฏิเสธไป (ไอไปป์ไอสัส!!)


                               'Xbox รุ่นที่เราจะได้เอามาเล่นแก้เบื่อ แต่ดันมีมารมาผจญเสียก่อน'

    แวงซองค์ (Vincent) (งงทำไม ไม่อ่านวินเซนท์) แวซองค์เป็นเชฟเบเกอรี่ด้วยวัยเพียงแค่ 21ปีเท่านั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับผม ในตอนนั้นผมอายุเพียงแค่ 20 ปีซึ่งเท่ากับว่าไอหมอนี่มันแก่กว่าผมแค่ปีเดียวแต่โปรไฟล์ต่างกันหลายปีแสงมาก แวงซองค์เป็นชายร่างผอมตัวเล็ก ตัดผมทรงสกินเฮด เจาะหูและมีรอยสักที่ต้นคอ ลักษณะโดยรวมเหมือนแก๊งขี้ยาตามที่เห็นได้ในหนัง ถึงแม้ลักษณะภายนอกจะดูน่ากลัวแต่นิสัยและความสามารถกลับไม่เป็นแบบที่ตาเห็น แวงซองค์เป็นเพื่อนที่นิสัยดีมากๆคนนึงเลย แต่น่าเสียดายที่รู้จักกันได้ไม่นานแวงซองค์ก็ได้ลาออกไปทำงานที่อื่น 

    เทียแรนส์ (Terrance) หนุ่มฝรั่งเศสอายุ 24 ปี หัวหยิกหน้าตาหล่อตามแบบฉบับพระเอกของหนังฝรั่ง (วันไหนมันโกนหนวดมานะ ใจสั่นเลยคร่ะ) และที่สำคัญคือแฟนมันสวยสัสๆ เทียแรนส์มีความเป็นชาตินิยมสูงและพูดอังกฤษได้โคตรจะห่วยแตก แต่ต่อมาภายหลังด้วยมันก็ไปเติมบัตรทรูมาเพราะอยู่ดีๆมันก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อราวกับเป็นเจ้าของภาษา โดยรวมแล้วมันจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมกับไปป์จะเข้าไปสุงสิงด้วยแต่ด้วยความไม่แน่ไม่นอนของโลกใบนี้ เทียแรนส์ ผมและไปป์ได้กลายมาเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ สนิทกันถึงขนาดที่จะวางแผนลักพาตัวผมกับไปป์ไม่ให้กลับไทยเลยทีเดียว

    'หลังคนบ้า ก็คือซาเวียร์นั่นเอง'

    กีย์ยง หรือ กีย์ (Guillaume) เด็กฝึกงานรุ่นก่อนผมสักแปบนึง กีย์อายุ 19 ปี แต่หน้าตาของมันนั้นไปไกลถึงดาวเสาร์ กีย์เป็นเด็กฝรั่งเศสรุ่นใหม่ มีความคลั่งใคล้ในวัฒนธรรมของฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่นมาก โดยมันจะพยายามทำตัวคีปลุคเป็นเด็ก Old School อยู่ตลอดเวลาบ้ารอยสักและชอบฟังเพลงจังหวะหนักๆ ใส่เสื้อหนังและไว้ผมทรงตั้งๆ กีย์เป็นเพื่อนสนิทกับแวงซองค์ครับ อีกทั้งกีย์ยังเป็นชาวฝรั่งเศสที่พูดอังกฤษได้ดีเยี่ยม กีย์จึงเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดในช่วงแรกครับเพราะมันจะเป็นคนถ่ายทอดสิ่งที่ที่แวงซองค์สอนมาเป็นภาษาอังกฤษให้ กีย์นั้นฝึกงานเสร็จในช่วงเดียวกับที่แวงซองค์ได้งานใหม่ครับจึงทำให้เราไม่ได้ทำงานด้วยกันครบสามเดือน

    เวโรนิก้า หรือ เวโรนิก (Veronica) เวโรนิกเป็นป้าแก่ๆวัยเดียวกับเชฟคริสโตเฟอร์ครับ แต่ลักษณะโดยรวมนั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เวโรนิกจะดูแก่หงำเหงือกกว่าเชฟมากและดูผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาเต็มไปหมด คือถ้าบอกว่าป้าแกเคยไปร่วมรบสมัยสงครามโลกมาก็คงเชื่อ (เดี๋ยวนั่นแก่ไป!) หน้าที่ของเวโรนิกนั้นคือล้างจานครับ ภายหลังผมได้ทราบว่าเวโรนิกนั้นมีชีวิตที่น่าสงสารอย่างมากเธอเคยเป็นถึงอดีตนางงามอันดับสามของฝรั่งเศสเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ชีวิตต้องมาพลิกผันอำลาวงการนางงามแล้วมาเอาดีทางด้านวงการล้างจานนั้นเป็นเพราะว่าเธอโดนผู้ชายหลอกครับ โดนหลอกจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ชีวิตติดลบเหมือนค่าการส่งออกไทย

    ในช่วงท้ายของการฝึกงาน เนื่องจากในครัวนั้นขาดแคลนคนเป็นอย่างมาก อีกทั้งผมกับไปป์ก็กำลังจะต้องกลับไทย ไอเทียแรนส์ก็จะลาออกอีกทางโรงแรมจึงต้องพยายามหาคนเพิ่มเพื่อที่จะมาแบ่งเบาภาระของเชฟครับก่อนจะกลับผมจึงได้มีโอกาสร่วมงานกับพนักงานใหม่อีกสองคนด้วยกันครับคนแรกชื่อเบนจามิน เป็นเชฟเบเกอรี่โดยตรง นิสัยดี เอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ มีความกรุณา ชอบเรียกผมไปจดสูตรขนม (เสียดายจริงๆ น่าจะมาเร็วกว่านี้อีกหน่อย) คนที่สองชื่อ อเล็กครับ อเล็กเป็นเด็กแนวสัญชาติอังกฤษ และด้วยความที่ผมในตอนนั้นกำลังคลั่งใคล้วงดนตรีจากเกาะอังกฤษอย่างวง Arctic Monkeys เป็นอย่างมาก จึงได้พยายามแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับอเล็กแต่ว่ามันกลับไม่รู้จัก Arctic Monkeys ซะงั้น (อ้าว)

    'เบลอหน้าตัวเองเพื่อที่จะได้เห็นหน้ากับพี่แวงซองค์กันชัดๆ'

    มาต่อกันที่แผนกบริการ

    หัวหน้าแผนกนี้เป็นผู้หญิงครับ เธอมีชื่อว่ามาการี (Magari) มาการีเป็นสาวใหญ่ใจดี เป็นคนคอยควบคุมและดูแลห้องอาหารครับในช่วงแรกๆเธอปลื้มผมกับไปป์มากๆ เธอปลื้มในความเป็นเด็กน่ารักแบบเอเซียนสไตล์ แต่ภายหลังมาการีก็ตระหนักได้ว่าอีสองตัวนี้แม่งเปรตนี่หว่า เสียแรงที่รัก เสียแรงที่หลง เกลียดขี้หน้าพวกแม่งเลยก็แล้วกัน!!

    โมโม่ (Momo) เป็นชายวัยกลางคน หน้าตาเหมือน ‘กรู’พระเอกในเรื่องแอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Despicable Me นิสัยโดยรวมของโมโม่แล้วเรียบง่ายมากครับคือกวนส้นตีน และผมมักจะเสียท่าให้กับมันประจำ โดยมุขยอดนิยมของมันคือมาชี้ๆที่พื้นให้ผมมองตามมัน จากนั้นมันก็จะทำการตบปลายคางเราขึ้น แล้วมันก็จะหัวเราะชอบใจพร้อมกับนับคะแนน (อัลไลลลของมึ้งงง) ซึ่งผมโดนทุกครั้งที่มันทำ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง แต่อยู่ๆโมโม่ก็หายไปครับ หายไปแบบดื้อๆเลย หายไปแบบไม่บอกกล่าว (จริงๆเค้าบอกนะครับแต่พวกมึงฟังภาษาฝรั่งเศสกันไม่ออกเอง) ที่โมโม่หายไปเพราะไปผ่าตัดอะไรสักอย่างในท้องครับ กว่าจะหายและกลับมาทำงานได้ผมก็กลับไทยไปแล้วเรียบร้อย สมน้ำหน้า!

    เจ๊เหวี่ยง ตลอดสามเดือนมา ผมไม่สามารถจำชื่อของอาเจ๊คนนี้ได้เลย เนื่องจากพอจะเรียกชื่อเจ๊เค้า เจ๊เค้าก็เหวี่ยงผมให้หนึ่งทีเหวี่ยงเป็น Raptor ที่ดรีมเวิลล์เลยมึง เจ้เหวี่ยงเป็นภารเมียของโมโม่ครับแต่นิสัยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง (คนนึงกวนส้นตีนอีกคนก็เหวี่ยงหาตีน) ตลอดการฝึกงานสามเดือนที่ผ่านมาผมโดนเจ้เหวี่ยงเหวี่ยงเป็นจำนวน 1568 ครั้งด้วยกัน

    โอลิเวีย (Olivia) ชื่อมาอย่างสวยแต่เสือกเป็นผู้ชายอ้วนๆคนนึง โอลิเวียเป็นคนคุยเก่งและคุยสนุกเป็นเพราะว่าโอลิเวียสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีที่สุดในแผนกนี้ครับผมจึงสนิทและพูดคุยกับโอลิเวียมากกว่าคนอื่นในแผนกนี้ แต่การที่ต้องเรียกชื่อโอลิเวียในรูปลักษณ์ที่ขัดแย้งกันแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง ผมจึงพยายามเปลี่ยนเป็นเรียกมันว่าโอลิเวอร์แทน แต่ผลที่ได้คือ “กูบอกมึงไปแล้วหนิว่าชื่อโอลิเวียแล้วเรียกกูว่าโอลิเวอร์ทำหอกอะไรวะ!!” อะไรจะดุขนาดนี้ ตอนเช้าๆกินน้ำตาลเป็นอาหารหรอครับ

    คนสุดท้ายของแผนกนี้คือ มาริน่าครับ (Marina) มาริน่าเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสกับเวียดนาม ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เจอหน้ากันนั้นรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ๊แกมากๆ พูดมากสัส เสียงน่ารำคาญระดับสิบห้า แต่ว่าจริงๆแล้วมาริน่าเป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น เวลาทำงานจะคิดถึงแผนกที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ ถ้าทางไหนมาริน่าเลือกแล้วสบายแต่จะทำให้แผนกอื่นลำบากมาริน่าก็จะหันไปหาทางเลือกอื่นครับ มาริน่าเปรียบเสมือนกับความรู้ที่หาไม่ได้จากในห้องเรียน มาริน่าสอนผมอย่างอ้อมๆว่า คนเราจะดูแค่เปลือกนอกไม่ได้หรอกต้องรอให้เปลือกกะเทาะออกมาเป็นเนื้อผลก่อนแล้วเราจึงค่อยทำการตัดสินใจ เฉกเช่นเดียวกับการกินเกาลัดนั่นแล

    'เทียแรนส์ ไปป์ และเชฟ ขอโทษเรามีรูปเพื่อนๆเราแค่นี้เอง คนอื่นเค้าเกลียดขี้หน้าไม่ยอมให้ถ่ายด้วย'

    นอกจากสองแผนกนี้แล้วก็มีคนจากแผนกอื่นๆเหมือนกันนะครับที่โชคชะตาได้โคจรให้มาพบกันในช่วงเวลาสั้นๆอย่าง Boss เจ้าของร้านอาหารครับ ผมไม่รู้ชื่อของบอสครับ รู้เพียงว่าบอสนั้นเคยเป็นนักกีฬารักบี้มาก่อน ร่างกายจึงใหญ่โตเหมือนกับเดอะ ฮัค ในร่างมนุษย์ ผมเคยไปกวนตีนบอสเข้าให้ทีนึงตอนนั้นถ้าเกิดบอสดันทะเลาะกับเมียที่บ้านมาผมโดนตบหัวกระเด็นหลุดออกไปดาวพระศุกร์แน่ๆ แต่โชคดีที่บอสเป็นบอสที่ใจดีร่างกายของผมจึงไม่จำเป็นต้องไปซื้อหัวมาใส่ใหม่

    อีกทั้งยังมีสองสามีภรรยาเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นเพื่อนกับอาจารย์ที่เป็นคนหาโรงแรมให้นักศึกษาในบทแรกๆก็เข้ามาเอี่ยวด้วยหน่อยๆ บทบาทของสองสามีภรรยาคู่นี้จึงมีแค่ ถามว่ามึงเป็นยังไงบ้าง? ทำอาหารไทยเป็นมั้ย? และก็วนกลับมาที่เป็นยังไงบ้าง? ทำอาหารไทยเป็นมั้ย? ตามบทที่ผู้กำกับเขียนให้อยู่เท่านี้ ไม่มีอย่างอื่น มีแค่นี้จริงๆ

    และที่ขาดไม่ได้เลย คือสาวๆแผนก Front Office ครับ ซึ่งผมรู้จักอยู่แค่คนเดียวเธอชื่ออเล็กเซีย (Alexia) อเล็กเซียเป็นสาวผมบลอนด์ แววตาชวนฝันเห็นแล้วอยากจะเข้าไปทำการจักะจี้เป็นอย่างมาก ด้วยความที่เธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วจึงไม่ยากเลยที่จะเข้าไปทำการตีซี้ด้วย แต่ทว่าสาวงามผู้นี้นั่นไม่ค่อยสนิทกับผมเท่าที่ได้วางแผนไว้แต่เธอกลับไปเล่นและสนิทสนมกับเพื่อนสนิทผมแทนครับ (ไอไปป์มึง!!)

    ทุกครั้งเวลาที่ผมเห็นอีไปป์มันเข้าไปลั้นลาอยู่กับแก๊งค์สาวๆของแผนกนี้แล้วผมอยากจะเอาของแข็งๆหนักๆหวดเข้าไปที่ท้ายทอยของมันมากๆ ทำตัวน่าหมั่นไส้ชิบหาย ดูแววตาที่มีความสุขของมันสิ ดูรอยยิ้มที่กระแนะกระแหนของมันสิ ดูมือมันสินี่มันมือปลาหมึกชัดๆ (ขี้อิจฉา)

    รวมๆแล้วก็มีเท่านี้แหละครับเหล่าผู้คนที่ผมจะต้องเผชิญชะตากรรมไปด้วยกันตลอดสามเดือน ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอทำการจบบทนี้แต่โดยดีครับ (จบสักที กว่าจะเข้าเรื่องได้ใช้เวลาไป 7 บทเต็มๆ)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in