เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
INTERNSHIT - ภารกิจฝึกงานNeiw Chayanuns Mekasut
02 : 'No Money No นีมส์'
  • ถือว่าโชคเข้าข้างพวกผมสองคนเลยนะครับที่ได้โดนจัดให้ไปอยู่เมืองลับแลอย่างอาคาชอง (Arcachon) ถึงจะไม่ได้ไปปารีสก็ไม่เป็นไร ยังดีซะกว่าที่ต้องไปเมืองติดอันดับเมืองโคตรไม่ฮิตติดชาร์ตสำหรับนักศึกษาคณะนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งเมืองๆนั้นมีชื่อว่า “นีมส์ (Nimes)” (เอามือป้องปากทำหน้าเหยเกเหมือนได้ยินแฮรี่ พอตเตอร์เรียกชื่อ ของ ลอร์ด โวลเดอมอร์)

    จริงๆแล้วเมืองนีมส์ที่ว่าเนี่ยก็ไม่ได้เลวร้ายหรือมีอาถรรพ์สาปแช่งนักศึกษาไทยอะไรหรอกครับแต่พอดีเมืองนีมส์นั้นเป็นที่ตั้งของสถาบัน ”&^#@” (สรุปมันคือที่ไหนกันแน่วะ) แห่งนึงในประเทศฝรั่งเศส โดยทุกช่วง summerของแต่ละปีจะมีข่าวลือมาว่าทางสถาบัน”&^#@” สาขานีมส์นั้นมีโควตาสำหรับนักศึกษาให้มาฝึกงานที่นี่กันครับ

    สำหรับการคัดเลือกนักศึกษาที่จะมาอยู่เมืองนีมส์เป็นเวลาสามเดือนนั้นก็จะกำหนดโดยสมมติฐานของผมเอง (อ่าว?) ทั้งหมดสองแบบด้วยกัน โดยแบบที่หนึ่งก็จะวัดระดับตามเกรด (เท่าที่จำได้อาจารย์พูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่าถ้าไม่ตั้งใจเรียนจะได้ไปนีมส์นะมึง) และอย่างที่สองคือสุ่มครับ (เพราะในรุ่นมีอัจฉริยะท่านนึงไปโผล่ที่นีมส์เฉย) อ้อ! ลืมไปครับ อีกอย่างก็คือนักศึกษาสมัครใจที่จะมาเมืองนี้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรก

    ในส่วนของการคัดเลือกนักศึกษาไปยังเมืองต่างๆในประเทศฝรั่งเศสจะมีการอธิบายเพิ่มเติมในบทหน้านะครับ เนื่องจากถ้าเล่าไว้ในบทนี้หมดก็คงจะไม่มีอะไรเขียนในบทต่อๆไป (เบ้ปากและมองบนคือกิริยาของคนอ่านในขณะนี้)

    จะว่าไปแล้วโดยรวมถือว่าค่อนข้างที่จะสะดวกสบายมากนะครับถ้าได้มาฝึกงานที่นีมส์ นอกจากจะได้เพื่อนเพียบแล้วยังมีปาร์ตี้กันแบบกระจุยกระจาย งานเลี้ยงสังสรรค์สามารถทำได้โดยง่าย หันไปทางไหนก็เจอแต่เพื่อน เอะอะก็ปาร์ตี้ ไม่เอะอะก็ปาร์ตี้ ปาร์ตี้แม่งอยู่นั่น พวกมึงไม่ทำอย่างอื่นกันบ้างเลยหรือไง??

    'บรรกาศโดยรอบของแถบๆ สถาบัน ”&^#@" ในเมืองนีมส์' (ขอบคุณโจ้ (นามสมมติ) สำหรับรูปนะจ๊ะ)

    สำหรับความเห็นผมแล้วการผ่านเข้ารอบมาฝึกงานที่นีมส์นั้นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เป็นเพราะว่าเรานั้นได้มาอยู่ในสถาบันการศึกษาที่มีประชากรที่อยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกันในจำนวนมากและยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ง่าย ปัญหาความเหงาหงอยนั้นก็จะหายไปในทันที มีแต่ความหรรษาและสังสรรค์เท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ เต้นกันลืมแก่ไปเลย ผิดกับการที่ต้องระเห็ดไปผจญภัยกันสองต่อสอง ถ้าคนไหนเข้ากันได้ก็สบายกันไปแต่ถ้าเสือกไม่ชอบขี้หน้ากันขึ้นมาก็คงจะภาวนาให้อีกฝ่ายโดนตัวอัลกาป้าแดกหัวมึงแทนกอหญ้าโง่ๆในมือตอนที่มันไปเที่ยวเขาใหญ่  (น่ากลัว…..)

    แต่ไม่ว่ามันจะสบายยังไงหรือสาวในปาร์ตี้มันจะเยอะยังไงหรือเราจะกระทืบกันตายเพราะเกลียดขี้หน้ากันผมกับไปป์ก็ได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณกันว่ายังไงพวกกูก็จะไม่ไปที่ ‘นีมส์’ เด็ดขาดโดยมีเหตุผลเท่ๆที่ว่าไหนๆก็มาฝึกงานต่างประเทศแล้ว เราต้องไปลุยกับแบบคัลท์ๆกันสองคนสิวะ ไปกันเป็นกลุ่มมันไม่สุด มันไม่เท่ มันไม่ถึง มันไม่ได้ไปรับรู้สัจธรรมของการใช้ชีวิตและที่สำคัญเลยนะมันไม่ได้เอาไปตั้งกระทู้เที่ยวในราคาเพียง 250 บาทอะไรหรืออะไรทำนองนั้น (แม่งแพงกว่าราคายางมานิ*#@&^@!)

    'บรรกาศภายในโซนร้านอาหารที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช่บริการและบริการโดยนักศึกษาฝึกงาน (ขอบคุณพี่ฝน (นามสมมติ) สำหรับรูปนะจ๊ะ)

    จากย่อหน้าตะกี้ที่จู่ๆก็มีบุคคลปริศนาโผล่มาบ่นๆอะไรก็ไม่รู้ถึงการตั้งกระทู้ท่องเที่ยวแบบประหยัดกว่าราคา... (ยังอีก!) ขอให้ทุกคนอย่าไปสนใจและมาสนใจในย่อหน้านี้แทนครับ อะมาเริ่มใหม่แต่ไม่ว่ามันจะสบายยังไงหรือสาวในปาร์ตี้จะเยอะยังไงหรือเราจะกระทืบกันตายเพราะเกลียดขี้กัน ผมกับไปป์ก็ได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณกันว่ายังไงพวกกูก็จะไม่ไปที่นีมส์เด็ดขาดก็เพราะว่า ไปฝึกงานที่นีมส์นั้นจะไม่ได้เงิน!! (ที่ต่างประเทศส่วนใหญ่เวลาเราไปฝึกงานแล้วจะได้เงินเป็นค่าตอบแทนที่จะอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าพนักงานประจำซึ่งตีเป็นเงินไทยแล้วก็พอๆกับรายได้ของพนักงานเงินเดือนระดับปริญญาตรีเลยทีเดียว) เหตุผลที่มาฝึกงานที่นี่แล้วไม่ได้เงินก็เพราะว่าที่นีมส์เป็นสถาบันการศึกษาที่ไม่ได้มีนโยบายให้เงินเดือนแก่นักศึกษา ซึ่งทางสถาบันให้เหตุผลว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นถูกรวมเข้าไปอยู่กับค่าที่พักอาศัยและอาหารกินแล้วนั่นเองครับ

    'บรรกาศภายในโซนร้านอาหารที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช่บริการและบริการโดยนักศึกษาฝึกงาน (ขอบคุณพี่ฝน (นามสมมติ) สำหรับรูปนะจ๊ะ) ภาค 2

    โดยสาเหตุหลักๆที่ไม่ค่อยมีใครอยากไปฝึกงานที่นีมส์นั้นก็เป็นเพราะไม่ได้เงินนี่แหละจ่ะ (ทุนนิยมนี่มัน...จริงๆ)

    การจะไปฝึกงานต่างประเทศไกลๆต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมากครับ ในตอนนั้นยังไม่มีปัญญาที่จะหาเงินเองก็ต้องพึ่งน้ำพักน้ำแรงจากคุณพ่อคุณแม่อยู่และพอดีในช่วงนั้นประเทศของเราก็ได้ประสบปัญหาภัยพิบัติร้ายแรงอย่างเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อีกต่างหากแถมบ้านผมกับไปป์ก็ดันโดนน้ำท่วมด้วยกันอีกทั้งคู่เราทั้งสองก็เลยจำเป็นที่จะต้องใช้เงินกันเพื่อเป็นการเก็บตังมาซื้อของเล่น เอ้ย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของที่บ้านครับ จึงเป็นสาเหตุที่พวกผมทั้งสองคนต้องการเงินเดือน (เอ้า ปรบมือ!)

    อย่างที่ทราบกันไปแล้วทั่วหน้าว่าการจะไปฝึกงานที่ต่างประเทศนอกจากที่เราจะต้องเตรียมตัวและเตรียมใจแล้วเรายังจะต้องเตรียมตังค์ไปด้วย ซึ่งในสามปัจจัยหลักนี้ เตรียมตัวไม่พร้อมยังพอได้เตรียมใจไม่ไหวก็ยังพอทน แต่ถ้าไม่ได้เตรียมตังค์มาด้วยนี่ทุกอย่างจบครับอวสานเซลล์แมนแน่นอน เงินนี่มันสำคัญจริงๆ ไหนจะค่าเครื่องบิน ค่ากินอยู่ (ที่แพงสัดๆ) ค่าเดินทางไปนู่นไปนี่ ค่าเที่ยว ค่าซื้อของช้อปปิ้งห่าเหว ค่าสติกเกอร์ไลน์ (สมัยนั้นยังไม่ฮิต) ค่ารักษาพยาบาล ค่ายารักษาโรค ค่าซ่อมบ้านหลังจากโดนทอร์นาโดถล่ม ไหนจะค่า โอ้ยยยย มันเยอะไปแล้ว!

    ส่วนใหญ่พ่อแม่ของเราจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเทอม (ที่หนักหน่วง) เป็นประจำให้เราอยู่แล้วแต่สำหรับการมาฝึกงานในครั้งนี้จำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีกไหนจะค่าเครื่องบินไปกลับสำหรับการเดินทาง ไหนจะต้องออกค่าเงินติดกระเป๋าไว้ให้ลูกใช้ซื้อกระเป๋าชาแนลและเข็มขัดหลุยส์ใช้กันอีกรวมๆกันแล้วคงจะบินเที่ยวรอบโลกได้สักสิบแปดรอบ (เว่อไป) ถึงแม้ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงปรี๊ดแต่เพื่อลูกท่านก็ยังอุตส่าหามาให้เราได้ใช้กัน (พึ่งจะมาคิดได้เอาก็ตอนเริ่มเขียนต้นฉบับนี่แหละ)

    เพราะฉะนั้นวิธีที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายของคุณพ่อคุณแม่เราได้ก็คือไอเงินที่ได้มาจากการฝึกงานนี่แหละ เพื่อไม่เป็นการรบกวนคุณพ่อคุณแม่ของเราจนเกินไปเงินเดือนสำหรับนักศึกษาสามารถช่วยท่านได้ครับ เราจะรู้สึกได้ว่าเงินก้อนที่เราได้มาตอนสิ้นเดือนนั้นมีค่ากับเราขนาดไหนกว่าที่จะได้เงินมาในแต่ละครั้งเราต้องผ่านต้องเจออะไรมาบ้าง ต้องเหนื่อยจนร่างระเบิดไปไม่รู้ตั้งกี่รอบจะหยิบจะจ่ายเงินแต่ละครั้งก็คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายขี้เกียจคิดก็เลยใช้ๆแม่งไปเลยก็แล้วกัน (อ้าวสัส)

    'ใครก็ไม่รู้กำลังทำ Chocolate อะไรสักอย่างอยู่' (ขอบคุณแนท (นามสมมติ) สำหรับรูปนะจ๊ะ)

    ถ้าจะวัดกันตามตรงแล้วรายชื่อของผมไปตกอยู่ในกลุ่มคนที่ต้องไปฝึกงานที่นีมส์แน่นอนเพราะอะไรหลายๆที่เกี่ยวข้องมันดูเอื้อซะเหลือเกิน อย่างที่บอกไปแล้วว่า เกรดวิชาฝรั่งเศส 3หน่วยกิจของผมนั้นก็ห่วยแตกสุดๆอะไรๆก็เป็นใจต่อการที่จะต้องเก็บกระเป๋าไปที่นีมส์ขนาดมองออกไปนอกหน้าต่างก็ยังเห็นเมืองนีมส์กำลังกวักมือเรียกให้เดินเข้าไปหา เพราะฉะนั้นแผนการที่จะประหยัดที่กูอุตส่าเขียนมาตั้งเยอะนั้นก็เกือบที่จะไม่ได้ทำ

    ตอนที่ถูกอาจารย์เรียกไปสัมภาษณ์ถึงเจตนารมณ์ว่ามึงอยากจะไปโลดแล่นอยู่ที่จังหวัดไหนเมืองไหนในประเทศฝรั่งเศส ใจจริงๆแล้วอยากจะตอบไปว่าปารีสแต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดไว้ในใจ ขืนตอบไปมีหวังโดนอาจารย์ด่าแน่นอน (จะไปปารีสแล้วทำไมไม่ตั้งใจเรียน ภาษาห่วยขนาดนี้ไม่ได้ๆไปเมืองอื่น - จินตนาการว่าอาจารย์ต้องด่าแบบนี้แน่ๆ)

    'ขนมอะไรสักอย่างที่ถูกกระทำโดยนักศึกษาฝึกงาน' (ขอบคุณแนท (นามสมมติ) สำหรับรูปนะจ๊ะ)

    แต่ผมแอบบอกอาจารย์ไปว่า ตอนนี้ที่บ้านเดือดร้อน บ้านน้ำท่วมไม่สะดวกเรื่องค่าใช้จ่ายเลย จึงจำเป็นต้องไปฝึกงานยังที่ที่ทางโรงแรมเค้าให้เงินด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้นและสกิลการเกลี้ยกล่อมอาจารย์ระดับเซียนจึงทำให้อาจารย์จดโน๊ตเพิ่มไปด้วยว่าเด็กคนนี้ต้องการเงินเดือน (อิอิ)

    เมืองที่ผมกับไปป์เลือกที่จะไปกันก็คือเมืองลีลล์ (Lille) ครับอยู่ทางตอนเหนือ เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวที่เด่นๆก็จะเป็นพวกโบสถ์ ดูอลังการงานสร้างมากเลยทีเดียวและที่สำคัญเมืองนี้ติดกับประเทศเบลเยี่ยม อีกทั้งประเทศเบลเยี่ยมก็พูดภาษาอังกฤษกันด้วย (เย้ รอดแล้ว)

    และที่เล่ามาทั้งหมดนี่ก็คือเบื้องหลังของเหตุการณ์ว่าทำไมผมถึงรอดจากเงื้อมมือของเมืองนีมส์มาได้และเมืองที่ผมจะต้องไปฝึกงานตลอดสามเดือนต่อจากนี้ก็คือเมือง…….

    ย่อหน้าสุดท้ายในบทนี้รบกวนให้ทุกคนพลิกย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายของบทที่แล้วใหม่ครับนั่นแหละครับ จบเหมือนกันเป๊ะๆ

    อยากไปปารีสจัง TT

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in