เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cloud flow , tears runxundae
day four : wednesday afternoon
  • ผมตื่นในตอนหกโมงเช้าของทุกวันทั้งที่ไม่จำเป็นเลย


    เพราะไม่ได้มีกิจธุระที่ไหนและไม่เคยมีนัดอะไรกับใคร หนึ่งวันของผมจึงผ่านไปเนิบช้าจนคล้ายหยุดนิ่งในบางห้วง เผาผลาญเวลาไปกับหนังสือและภาพยนต์เรื่องแล้วเรื่องเล่า เล่มแล้วเล่มเล่า แต่ก็ไม่เคยเติมเต็มเวลาว่างได้หมดเสียที แม้เที่ยวขับขี่ตระเวนไปตามร้านดีร้านดังของจังหวัดก็ไม่สามารถอิ่มเอมไปกับมันได้ซักครั้ง หากวันไหนโชคดีหน่อยก็ยังมีกราฟไปเป็นเพื่อน อย่างไรก็ตามดูเหมือนวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างผมซักเท่าไหร่


    ฝนพรมลงมาตั้งแต่ช่วงสาย โปรยปรายคล้ายเป็นม่านสีเทาปิดล้อมไว้ไม่ให้ไปไหน วันนี้กราฟมีเรียนตั้งแต่เช้าจึงมีเฉพาะผมที่ติดค้างอยู่ใต้ชายคา คู่เคียงกับความลำพังที่สนิทสนมกันมากขึ้นทุกคืน ลมหอบกลิ่นภูเขาเข้ามาทางประตูเลื่อนหน้าบ้านที่เปิดทิ้งไว้แต่ไม่อาจพัดความรู้สึกที่ติดค้างในใจไปด้วย


    ไม่รู้ตัวว่าเคลิ้มหลับไปบนอาร์มแชร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ จากม่านแปรเป็นกำแพงฝนซึ่งก่อตัวหนาหนักดังอื้ออึงไปทั้งบริเวณจนไม่เปิดให้ซุ่มเสียงไหนเคลื่อนมาถึงโสตประสาทของผมแม้แต่ตอนที่เงาลึกลับกำลังทาบทับบนลำตัว ผมปิดหูปิดตาจมลงสู่นิทราในตอนกลางวันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ได้หลับไหลโดยไม่จำเป็นต้องข่มตา เป็นเสียงลั่นชัตเตอร์จากกล้องโทรศัพท์มือถือที่เขย่าการรับรู้ของผม เสียงกลไกแผ่วเบาฉุดผมจากชั้นที่ลึกที่สุดของความฝัน ร่างกายผมกระตุกเกร็งก่อนสองตาค่อยลืมขึ้นเชื่องช้า เพ่งพินิจอาณาบริเวณที่ผมเคยถูกขังลืมไว้อย่างโดดเดี่ยวแล้วพบว่าไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวอีกต่อไป




    หญิงสาวที่นั่งบนอาร์มแชร์อีกตัวกดปุ่มถ่ายภาพอีกครั้ง หน้าจอโทรศัพท์จับที่แก้วมัคเซรามิคบูดเบี้ยวในมือ ยังมีเสียงฝนบรรยายเป็นฉากหลังกระนั้นสายลมได้เปลี่ยนทิศทางไปแล้ว คลื่นความชื้นที่กระจัดกระ-
    จายอยู่ก่อนถูกกลบด้วยกลิ่นหอมกรุ่นจากชาที่ผมไม่รู้จัก อวลด้วยรสหวานที่เจือมากับร่างบอบบางในชุดเดรสผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อน เสี้ยวใบหน้างามหันเหทิศทางมาประจันกับผมพร้อมรอยยิ้มพิมพ์เดียวกับเมื่อวาน "อากาศดีเนอะวันนี้"


    "พี่พายเข้ามาตอนไหนครับ" ผมเลือกตอบด้วยคำถามแทน หางตาเห็นรถมินิคูเปอร์สีครีมจอดอยู่หน้าทาวน์เฮ้าส์

    "เปิดประตูทิ้งไว้ขนาดนี้ รั้วก็ไม่ได้ล็อค ใครก็เข้ามาได้ทั้งนั้นแหละ" เธอหัวเราะน้อย ๆ ข้อมือเล็กหงายขึ้นมองนาฬิกาข้อมือซึ่งถูกหมุนเข้าหาฝ่ามือแทนที่จะสวมแบบปกติ

    "กราฟไม่ได้บอกเหรอว่าเราจะเข้ามาเอาของ"

    "ไม่ครับ วันนี้มันออกไปตั้งแต่เช้า" ผมตอบ "หาของไม่เจอหรือครับ รีบใช้รึเปล่า พี่น่าจะปลุกผมจะได้ช่วยหาให้"

    "ไม่รีบแล้วล่ะ" เธอยิ้มจาง "เห็นแกหลับสบายด้วย ไม่อยากปลุก"


    ฉับพลันผมรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า พูดตามตรงผมไม่ใช่คนขี้เซา แทบจะไม่เคยเผลอหลับต่อหน้าใครที่ไหน ห้องนอนของผมลงกลอนแน่นหนาเป็นขอบเขตส่วนตัวมาตลอด นานเท่าไหร่แล้วที่หญิงสาวใช้เวลาจับจ้องมายังเขา สำรวจลมหายใจของเขา ผมยกมือขึ้นเช็คที่มุมปากพลางเฉไฉสายตาหนีร่างอุ่นกับรอยยิ้มที่เริ่มกระตุกหัวใจผมอีกครั้ง

    "ปอนด์ใช้ห้องนอนหน้าบ้านของเราอยู่ใช่ไหม ขอเข้าไปเอาของหน่อยนะ"

    ผมตอบรับคำก่อนจะลุกเดินตามหญิงสาวไปที่บันไดอย่างว่าง่าย - ของเรา - หมายถึงอะไรกัน และทำไมของที่เธอต้องการถึงอยู่ภายในห้องนอน ภายในบ้านของกราฟ


    "พี่พายเคยอยู่ที่นี่หรือครับ" ผมกลั้นใจถามระหว่างที่เราก้าวอยู่กลางขั้นบันได

    "ก็อยู่มาตั้งแต่ปีหนึ่ง นับถึงตอนนี้ก็เจ็ดแปดปีได้"

    ผมเผลออุทานเสียงหลง "นี่พี่กับกราฟ ?" 

    "ไม่ใช่ซิ" เธอส่ายหน้าเป็นพัลวัน "เราให้กราฟมาอยู่แทนหลังเรียนจบ ของใช้ในบ้านก็ของเราทั้งนั้น"

    "ผมคิดว่าเจ้าของเขาให้เช่ามาด้วย"


    "ก็เรานี่ไงเจ้าของบ้าน"


    เธอตอบด้วยน้ำเสียงติดตลกแต่มีความจริงจังในสายตา วินาทีนั้นผมถึงได้เข้าใจว่าเพราะอะไรเมื่อผมเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่กราฟที่มีสถานะเป็นเจ้าบ้านถึงใช้ห้องนอนเล็กที่อยู่เยื้องไปภายใน แทนที่จะเป็นห้องนอนใหญ่หน้าบ้านที่มีพื้นที่กว้างกว่า ไหนจะข้าวของรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวหลายชิ้นที่ผมไม่คิดว่าคนแบบกราฟจะมี ไม่ว่าทีวี ตู้เย็น เครื่องเล่นซีดีพร้อมชุดลำโพง ไหนจะอาร์มแชร์บุผ้าสองตัวในโถงรับแขก ชุดโต๊ะทานข้าวสี่ที่นั่งซึ่งทำจากไม้เก่า และของตกแต่งเล็กน้อยอีกหลายชิ้น ดังนั้นแม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันผมก็เอื้อมมือจับลูกบิดประตูและเปิดเผยอาณาเขตซึ่งเคยเป็นส่วนตัวให้กับเธออย่างไร้สติ


    พวกเราเรียกมันว่าห้องนอนใหญ่แต่ทั้งหมดเป็นเพียงกรอบเหลี่ยมหน้ากว้างสี่เมตรเท่านั้น สุดปลายห้องมีประตูเลื่อนกระจกที่เปิดสู่ระเบียงหน้าบ้าน ภายในมีเตียงเดี่ยวตั้งโดดเด่นอยู่กลางห้อง ฝั่งปลายเตียงถูกถมด้วยกองหนังสือ แผ่นซีดีเพลงและดีวีดีหนังมากมายที่วางซ้อนกันเป็นชั้น บนผนังติดกรอบเฟรมไม้คละขนาดซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปวาดทัศนียภาพที่กำกับวันที่ไว้แต่ไม่ระบุชื่อศิลปิน แทรกด้วยภาพพิมพ์ลายกราฟฟิกหลายหลากสีที่ระบุอักษรตัวพีสองตัวที่มุมกระดาษไว้ มีภาพบุคคลหนึ่งเดียวใจกลางกำแพงผืนใหญ่ซึ่งผสมผสานเทคนิคทั้งสองเอาไว้ ภาพหันข้างของหญิงสาวผมสั้นที่แหงนมองท้องฟ้า เธอหยุดมองผนังฝั่งนั้นเงียบเชียบยาวนานจนผมไม่กล้าขยับตัวก่อนจะค่อย ๆ ปลดรูปวาดลงมาทีละชิ้น


    เธอลงมือด้วยใบหน้าสงบ ริมฝีปากบางปิดสนิทเป็นเส้นตรงส่งให้ความหวานบนใบหน้าลดลงเล็กน้อยแต่นั่นทำให้เห็นได้ชัดว่าเธอคงเป็นผู้ใหญ่กว่าผมอย่างแท้จริง ทุกการขยับตัวไม่มีแววลังเล แขนเล็กเอื้อมขึ้นลงขยับย้ายกรอบภาพ ผมยื่นมือรับมันมาวางซ้อนกันบนพื้นได้เกือบสิบภาพ ฉับพลันแสงจากฟ้าสว่างวาบพร้อมเสียงครืนดังลั่นส่งให้หญิงสาวเผลอสะดุ้งโหยง เป็นตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าเรากำลังยืนเคียงไหล่ในห้องนอนร่วมกัน - สองต่อสอง - คิดแล้วอาการประหม่าก็กลับมาอีกหนจนต้องนึกถึงเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์อึกอักนี้เสียก่อน



    ทั้งที่อยู่ชิดใกล้หญิงสาวที่ชวนให้หัวใจเคลื่อนไหวจนแทบคลุ้มคลั่ง
    ไม่รู้เหตุใดผมกลับหวนนึกถึงหญิงสาวอีกคนที่ทำให้ผมต้องปวดหัวใจ


    บ่ายวันนี้หัวใจผมทำงานหนักเหลือเกิน





    .
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in