ตารางงานสัปดาห์ถัดมาออกแล้ว
เราและโจได้ทำงานช่วง 10.00-18.00 น. และได้ day off 2 วันคือวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เชฟสตีฟแจ้งพวกเราว่าปกติจะให้ day off 2 วันติดกัน แต่พวกเราเพิ่งมาทำงานและคิวที่นายจ้างจะพาไปทำบัตรประกันสังคม (Social Security Card - SSO) คือวันพฤหัสบดีนี้ เชฟจึงต้องให้ day off เราแบบนี้ เราเห็นว่าในสัปดาห์นี้ไม่มีคนล้างจานกะดึก ทำให้ทุกวันช่วง 17.00-22.00 น. เป็นช่องว่างสำหรับลงชื่อทำโอที
เสร็จกู!
จังหวะที่เชฟแปะตารางงานสัปดาห์ถัดมา ไม่ถึงเสี้ยววินาที คิมและแดเนียล เด็ก WAT ชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานเป็น Pantry Cook และ Prep Cook วิ่งเข้ามาเขียนชื่อตัวเองในตาราง แต่เอ... ทำไมมันมีชื่อคนอื่นด้วยวะ
คิมและแดเนียลไม่ได้เขียนแค่ชื่อตัวเองลงไป แต่เขียนชื่อเพื่อนชาวฟิลิปปินส์เข้าไปเพิ่มด้วย เตย่าและโรส ผู้ช่วยพนักงานเสิร์ฟรีบวิ่งเข้ามาในครัวแล้วพูดภาษาตากาล็อกใส่เพื่อน ๆ สักพักเตย่าหันมาหาเราและโจแล้วบอกว่าสัปดาห์นี้เตย่าจะได้ช่วยเสิร์ฟกะดึกทำให้ทำโอทีล้างจานไม่ได้ เราและโจขีดชื่อเตย่าทิ้งแล้วใส่ชื่อตัวเองได้เลยนะ
เราเขียนชื่อตัวเองลงไปในตารางวันพฤหัสบดีซึ่งเป็น day off ของเรา โดยวันนั้นเราจะได้ทำงานกับโรส ส่วนโจเขียนชื่อตัวเองในตารางวันจันทร์และจะได้ทำงานกับเตย่า เชฟสตีฟถึงกับเดินมาส่ายหัวว่าทำไมพวกเราต้องมาทำงานใน day off ของตัวเองด้วยนะ
เราและโจจึงตัดสินใจเข้าไปคุยกับเชฟว่าพวกเราขอทำงาน 6 วันเลยได้ไหม ขอ day off วันจันทร์วันเดียวพอ เชฟค่อนข้างตกใจเพราะคนปกติดูจะไม่อยากทำงานถึง 6 วัน/สัปดาห์ และการขอทำงานล่วงเวลาเช่นนี้อาจส่งผลต่อค่าแรงที่มากเกินควร (โตมาถึงเข้าใจ เพราะพฤติกรรมนี้อาจกระทบ KPI ของเชฟได้ว่าบริหารจัดการครัวไม่ดีหรือเปล่า แต่ต้องขอบคุณที่เชฟเมตตาพวกเรามาก ๆ) เชฟไม่ได้รับปากพวกเราในทันที แต่บอกว่าจะเก็บไว้พิจารณาในภายหลัง
วันหยุดครั้งแรกมาถึงเสียที
เราหอบยูนิฟอร์มและเสื้อผ้าใส่ถุงตาข่ายที่ทางนายจ้างแจกให้ตั้งแต่วันแรก พร้อมแผ่นซักผ้ากลิ่นหอมอ่อน ๆ เดินไปยังห้องซักล้าง ห้องซักล้างนี้จะอยู่ชั้นใต้ดินของหอพักชาย อากาศในห้องนี้ค่อนข้างเย็นทีเดียวแต่ก็มีเก้าอี้และโซฟาให้นั่งรอผ้า อุปกรณ์ซักอบรีดที่นี่ครบครันไปหมด ตั้งแต่เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และเตารีด เราหย่อนถุงผ้าลงในเครื่องฝาหน้าพร้อมแผ่นซักผ้าที่เตรียมมา บนเครื่องอบผ้ามีกองเสื้อผ้าที่อบเสร็จใหม่ ๆ กองอยู่ แต่เครื่องอบผ้าทุกเครื่องเต็ม
สงสัยจะลืมว่ามีคนรอต่อคิว...
เราเดินสำรวจห้องซักล้างและไปหยุดอยู่หน้าเคาท์เตอร์วางของ มีหนังสือ แผ่นพับอุทยาน เศษเหรียญ ถุงเท้า และโหลพลาสติกวางอยู่
ในโหลพลาสติกเต็มไปด้วยถุงยางอนามัยใส่ในซองหลากสี
โอ้โห ชีวิตแฟนซีสุด ๆ
เราเคยเห็นซองใส่ถุงยางอนามัยสมัยเรียนวิชาสุขศึกษาตอนม.2 เนื่องจากเราเรียนห้องพิเศษภาษาอังกฤษ ตอนนั้นครูชาวอเมริกันให้พวกเรานำแตงกวามาที่ห้องเรียน และให้พวกเราลองไปซื้อถุงยางอนามัยด้วยตนเอง จากนั้นครูถึงสอนใส่ถุงยางอนามัยในห้องเรียน สำหรับเด็กม.2 วัยกลัดมันนับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและท้าทายที่สุด ซองถุงยางอนามัยที่เราเคยเห็นจะมีสีเรียบ ๆ เช่นสีทอง สีดำ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรากลับเป็นซองที่มีลายการ์ตูนน่ารัก สีสันสดใส หลากสี หลากรส
โจและอลิสันเดินเข้ามาในห้องซักล้างพอดี เราชี้ให้โจดูของในโหล
ผ้าของเราซักเสร็จแล้ว เราเดินไปย้ายถุงผ้าใส่ในเครื่องอบผ้าแทน ไม่กี่อึดใจ กลุ่มวัยรุ่นอเมริกันและโดมินิกันเดินกลับเข้ามาเก็บผ้าที่อบแล้วของตัวเอง
ฟี้...
เสียงนี้คุ้น ๆ เราที่กำลังนอนเล่นตรงโซฟาหันไปมองเสียงนั้นพร้อมนึกในใจว่า... กูว่าแล้ว
กลุ่มนั้นเอาถุงยางอนามัยมาเป่าเล่นเหมือนลูกโป่ง
ภาพห้องเรียนสุขศึกษาตอนม.2 วันนั้นกลับมาอีกรอบ หลังเรียนเสร็จ เพื่อน ๆ ผู้ชายเอาถุงยางอนามัยมาเป่าเล่น บางคนเอาน้ำใส่ถุงยางอนามัยแล้วขว้างใส่กันเหมือนลูกโป่งน้ำ ไม่ต่างกันเลยนะพวกแก ชีวิตติดตลกสุด ๆ
โจและอลิสันนั่งขำกันอยู่สองคน
สัปดาห์แรกของพวกเรายังไม่มีอะไรมาก และยังไม่ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานเท่าไรนัก งานล้างจานของพวกเราแทบไม่ได้คุยกับใครจริงจังเลย เฮนรี่เริ่มวางใจให้พวกเรารันงานเองแล้ว มิน พี่วิว และนก สาวไทยในครัวให้คำแนะนำและช่วยเหลือพวกเราดีมาก บางครั้งเวลาเตรียมอาหาร จะมีของเหลือแต่ยังคุณภาพดีอยู่ แก๊งคนไทยก็จะนำมาแบ่งให้เราและโจได้ลองชิม เช่น Deviled eggs (ไข่ปีศาจ เป็นไข่ยัดไส้ทีี่ทำมาจากไข่ต้มสุกปอกเปลือก ผ่าครึ่ง ส่วนไข่แดงจะถูกนำไปผสมกับมายองเนสหรือมัสตาร์ดแล้วนำมาบีบใส่เป็นไส้) หรือเศษแซลมอนรมควันที่รูปร่างไม่เป็นชิ้นจนไม่สามารถเสิร์ฟลูกค้าได้
สำหรับเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ พวกเรายังกล้า ๆ กลัว ๆ ในการคุยกัน ส่วนใหญ่จะมองหน้าและยิ้มให้เวลานิคหรือแดเนียลทีม Prep Cook นำเขียงหรือภาชนะมาให้เราล้าง จะมีก็แต่อังเดรที่ประจำอยู่ Line Cook ที่ชอบเอาเมนูแปลก ๆ มาใส่ปากเรา หากวันไหนเดินผ่านแล้วเห็นอังเดรหยิบอะไรใส่ปาก อังเดรจะรีบป้อนพวกเราทันที
เพื่อนร่วมงานชาวอเมริกันคนอื่นพวกเราก็ยังไม่ได้คุยด้วยมากเท่าใดนัก รวมถึงพนักงานเสิร์ฟและผู้ช่วยเสิร์ฟมาก แม้จะพยายามอ่านป้ายชื่อและชวนคุยแต่ก็ยังจำหน้าไม่ได้อยู่ดี จะมีัก็แต่แซม ผู้จัดการพนักงานเสิร์ฟที่ชอบเข้ามาเก็บจานด้วยตัวเอง และเคธี่ ผู้ช่วยเสิร์ฟสาวอเมริกันผมทองร่างเล็กที่มักได้รับหน้าที่นำขยะเศษอาหารของหน้าบ้านไปทิ้ง
" I f*cking hate this job! Why do I have to do this every time! "
เคธี่ตะโกนไปหัวเราะไปตลอดทางพร้อมแบกถุงขยะราวกับซานตาคลอสที่กำลังจะไปแจกของขวัญเด็ก ๆ
จะมีก็แต่ เจเนซิส สาวโดมินิกันตรงครัวเย็นที่เรารู้สึกไม่ถูกชะตา เจเนซิสไม่เคยยิ้มหรือทักทายพวกเราเลย เวลานำของมาล้างก็จะวางทิ้งไว้ตรงชั้นวางของแถวท้ายเครื่องล้างจาน ไม่มีการเรียกหรือบอกให้เรารู้ด้วยว่ามีของต้องล้างนะ บางทีเวลายุ่งมาก ๆ กว่าจะหันไปเจอก็คือกองเต็มชั้นวางแล้ว เราเคยรวบรวมความกล้าเดินไปบอกเจเนซิส แต่ก็ไม่เป็นผล เจเนซิสส่งสายตานิ่ง ๆ กลับมาแทน
ฮึบไว้ก่อน เรื่องนี้ต้องถึงเชฟสตีฟแน่นอน!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in