เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
weeklycats’ diaryweeklycats
เป็นอินโทรเวิร์ตแล้วดันอยากไปฟังแจ๊ส (ในบาร์ที่ดิบจัดๆ)
  • หายไปจากการเขียนอะไรไร้สาระในบทความนี้นานมาก (จริง ๆ คือลืมว่าตัวเองเคยเปิดมันไว้ใน minimore + ชีวิตในปี 2021 นี่โคตร Fuck Up)

    ล่าสุด หลังจากยอมรับความห่วยแตกของตัวเองได้แล้ว ก็เลยรับบทเป็นคนเลวต่อแบบไม่รู้สึกผิด ด้วยการไปเที่ยวเชียงใหม่ 4 วัน ใช้เงินแบบเหมือนเอาไปละลายน้ำเล่น (วัดจากมาตรฐานการใช้เงินของเราเอง ไม่ได้วัดจากคนที่รวยที่สุดในประเทศ) แต่ก็ได้อะไรกลับมาค่อนข้างเยอะ 

    เริ่มจาก คุยกับเพื่อนที่อยู่ที่เชียงใหม่แบบงง ๆ ว่า เราอยากไปนะ มีที่ไหนแนะนำบ้างไหม และด้วยความที่เพื่อนเป็นสายฟังดนตรี มันก็เลยอยากพาเราไปพวกร้านที่เป็นบาร์แจ๊ส ซึ่งนี่ก็ตอบตกลงทันที เพราะมันดีกว่าให้ฉันไปเดินขึ้นดอยเป็นไหน ๆ 555555 และแพลนก็มีแค่นี้ 'ฉันอยากไปเม้าท์มอย และเจอเธอที่ร้านเหล้าแถมได้ดูดนตรีสด' เป็นสิ่งที่แค่คิดก็เริ่มรู้สึกแฮปปี้ โดยที่เราลืมไปว่า ตัวกูนั้น เป็นอินโทรเวิร์ต!

    บางคนอาจจะงงว่ามันมีปัญหายังไงเหรอกับไอ้การเป็นอินโทรเวิร์ตแล้วไปนั่งฟังเพลงเนี่ย?

    เราเองก็ไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา ไม่เคยคิดมาโดยตลอด เพราะก่อนหน้านั้นก็เคยไปพวกคอนเสิร์ตมาบ้าง อย่าง One Ok Rock หรือวงเกาหลี ซึ่งเอเนอจี้ในคอนพวกนั้นก็ถือว่าสูบพลังมากพอสมควร แต่อันนี้มันต่างกันมากแบบที่.. โอ้

    (Instagram : Moment's Notice Jazz Club)

    วันแรกเหมือนเป็นน้ำจิ้มเฉย ๆ เพราะเพื่อนพาเราไปที่ Moment's Notice Jazz Club เชื่อว่าคอเพลงแจ๊สหลาย ๆ คนคงเคยไปมาแล้ว โดยเฉพาะคนที่อยู่เชียงใหม่เองก็น่าจะรู้จักดี บรรยากาศร้านก็สบาย ๆ แต่ร้านค่อนข้างเล็กเพราะเป็นตึกบล็อกเดียว ที่นั่งทำเป็นขั้นบันไดขึ้นไปประมาณสามชั้น เพื่อนกับเราเลือกที่นั่งชั้นบนสุด มองลงไปเป็นเปียโนกับพื้นที่ที่มีไว้ให้นักดนตรี

    น่าเสียดายที่ร้านไม่มีเบียร์ผลไม้แบบที่เราชอบ เราก็เลยสั่งอย่างอื่นแทน ช่วงประมาณสองทุ่มเป็นอะคูสติก คนที่มาเล่นคือนักร้องนำจากวง Yonlapa (น้องร้องแล้วก็เล่นดีมาก เคลิ้มเลย) พอหมดช่วงอะคูสติกแล้วก็เป็นวงแจ๊สโดยเฉพาะ วงที่เราไปแล้วเจอคือ Cats Away (เพื่อนบอกว่าร้านที่นั่นจะมีวงในเชียงใหม่เวียนกันมาเล่น)  ประทับใจมาก เพราะแบบไม่คิดว่าจะได้มาเห็นคนเก่ง ๆ เล่นสดแบบเรียลไทม์แถมยัง(โคตะระ)ใกล้ขนาดนี้ แฮปปี้มากกกก ถึงหน้าจะไม่แฮปปี้เหมือนความรู้สึกข้างในก็เถอะ!
     
    สรุปว่าคืนนั้นก็จบไปกับการนั่งดูดนตรีจนจบช่วง กลับที่พักนอนก็เที่ยงคืนไปแล้ว อาการอินโทรเวิร์ตยังไม่สำแดงฤทธิ์เท่าไร ฮ่าๆๆ

    วันที่ 2 ไปขับโกคาร์ท ต้องยอมรับเลยว่าการไปขับโกคาร์ทคนเดียวช่วยฮีลได้หน่อย แบบไม่ต้องพูดมาก ไม่ต้องยิ้ม ไม่ต้องแสดงความรู้สึกอะไรเยอะ ก็แค่ขับ ๆ จนครบเวลา สนุก ได้อยู่กับตัวเอง จากนั้นก็ต่อด้วยการไปกินข้าวคนเดียว ดื่มชาวนไป ซื้อตั๋วหนังซ้ำเรื่องที่เคยดูแล้วก็เผลอหลับไปนิดหน่อย แง ตกเย็นไปนั่งเม้าท์กับเพื่อนบนบาร์ที่ดาดฟ้าโรงแรมที่นางพัก ตีหนึ่ง กลับที่พัก สลบ 

    ไอ้วันที่ 3 เนี่ยแหละ!

    คือเหมือนเป็นจังหวะเลย ช่วงที่เราไป วันที่ 30 เมษายนมี International Jazz Day Event พอดี คือร้านที่เป็นร้านแนวแจ๊สก็จะมีวงดนตรีแจ๊สสด ๆ มาบรรเลง ตอนแรกเรากับเพื่อนอยากตามไปดู Cats Away ที่ Mellowship แต่ด้วยความที่ลืมโทรฯจองก่อน ก็เลยอดเพราะคนมาจนเต็มร้านไม่เหลือที่แล้ว สุดท้ายเลยตัดสินใจว่าจะลองไป North Gate เพราะเพื่อนเราก็ไม่เคยไปร้านนั้น (นางบอกว่าร้านนี้จะดิบ ๆ หน่อย เป็นร้านเปิดโล่ง อยู่ติดถนน ถ้าใครเดินผ่านไปมาได้ยินเพลงอยากแวะก็แวะได้เลยไม่ต้องจอง)

    (Instagram : North Gate Jazz Co-op)

    แล้วก็ใช่ มันดิบจริง ดิบในแง่บรรยากาศนะ อ่า..จริง ๆ ก็ไม่ใช่แค่บรรยากาศหรอก ต้องบอกว่านักดนตรีร้านนี้บ้าดีอ่ะ 555555555 ส่งให้พี่สาวดูนางถึงกับแบบ สกรีมว่าอยากมาดูด้วย เราชอบที่เค้าเปิด Jam Session ให้ลูกค้ามาร้องเพลงด้วยได้ แล้วก็มีนักดนตรีจากที่อื่นหรือวงอื่นมาแจม และที่ชอบมากกว่านั้นคือทุกคนบรีฟกันเดี๋ยวนั้นเลย ไม่มีการซ้อมใด ๆ บางจุดแค่มองหน้ากันแล้วก็เข้าใจ ชอบอะไรแบบนี้มากกกกก เพราะรู้สึกว่าถ้าเราไปดูวันถัดไป Performance ที่ได้เห็นก็จะไม่เหมือนเดิม

    ทุกคนเล่นกันเหมือนกินเครื่องดนตรีเข้าไปอ่ะค่ะซิส 5555 กว่าจะได้ขนาดนี้คงผ่านการซ้อมมาเป็นพันเป็นล้านชั่วโมง โคตรจะนับถือ

    มีหลายจุดที่โดนเสียงกลองกับดับเบิ้ลเบสดูด หัว Blank ไปเลย ถึงขั้นที่ว่าพี่เจ้าของร้านพูดกับเราจะให้ช่วยสั่งน้ำให้เพราะบาร์เทนเดอร์ไม่ได้ยินเค้าเนื่องจากเสียงดนตรีกลบ แต่เรามึน ไม่รู้ว่าเค้าวานเราอ่ะ เหมือนตกใจหลุดจากภวังค์ละสิ่งที่คิดก็คือ เค้าไม่น่าคุยกับเรา เลยไม่ได้ช่วย (แต่แฟนเพื่อนเราเค้าสังเกตเห็นเลยช่วยแทน) 

    ป.ล. ถ้าพี่มาอ่านบล็อกไร้สาระอันนี้อยากบอกว่าขอโทษนะคะ ตอนนั้นดนตรีทำให้สติหลุดไปแล้ว 555555555555

    ร้านนี้ดิบจริง คนเยอะ แต่ก็สนุกมากกกกกก อากาศร้อนฉิบหายด้วย แต่ทุกคนทนได้เพราะมันสุดอ่ะ ไม่รู้จะบรรยายยังไง แล้วก็ใช่ค่า หลังจากนั้นไม่กี่นาที พลังงานเราก็หายวูบไปเลย หลังจากสติหลุดแล้วอาการเริ่มแย่ ต้องเดินออกไปสูดอากาศ แล้วกลับเข้าไปดูใหม่ เอเนอจี้ในร้านมันล้นมาก เราต้องเดินออกไปนอกร้านถึงสองครั้งเลย ร่างกายต้องการความสงบอย่างแรง 

    ถึงขั้นว่า พอกลับมาที่พักแล้วยังต้องนั่งนิ่ง ๆ อีกเป็นชั่วโมง หัวนี่ชาไปหมด สิ่งที่รับรู้คือ โอเค ดนตรีดี บรรยากาศสนุก แต่ร่างกายฉันเอาแต่จะชัตดาวน์ จำได้ว่านั่นคือโมเม้นท์ที่มีความสุข แต่มันหายไปเร็วมาก หน้าตาคือไม่รับแขกแล้ว กล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ทำงาน ไม่อยากคุยกับใคร ไม่อยากคิดคำพูดอะไรเลย ในขณะที่เพื่อนเรามันแทบไม่มีอาการอะไรเลยอ่ะ หน้ามันจอยมากกกกก สายตามันเป็นประกายที่บ่งบอกถึงความสุข ก่อนกลับจากร้านมันยังคุยอะไรได้โดยที่ทุกอย่างดูปกติ (นี่รู้สึกว่านางต่อได้อีกด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นไปด้วย ฮ่า)

    บางทีก็สงสัยนะว่าเหนื่อยง่ายเพราะร่างกายอ่อนแอหรือเพราะเราเป็นอินโทรเวิร์ตจริง ๆ แต่พอลองคิดว่า เรายังสามารถไปนั่งร้านกาแฟเพื่ออ่านหนังสือหรือวาดรูปได้เป็นวัน ๆ (ทั้งที่คนก็นั่งเต็มร้าน) โดยไม่มีเอฟเฟคแบบนี้ตามมาเลยคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องปัญหาสุขภาพละ บรรยากาศของร้านที่มีดนตรีสดกับร้านกาแฟมันปล่อยเอเนอจี้ที่แตกต่างกัน นี่มองว่าตัวเองอาจจะไม่ไหวกับสถานที่ที่มีพลังงานล้น ๆ เพราะเป็นอินโทรเวิร์ตจริง ๆ ข้อนี้แอบอิจฉาเพื่อนนิด ๆ เหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าไปเชียงใหม่รอบหน้าจะไปดูดนตรีกับมันอีกไหม คงตอบว่า ไป และจะต้องลากพี่สาวไปด้วย ฮ่า ถึงร่างกายจะไม่จอยยังไงก็จะไปว้อย! (เสร็จแล้วค่อยกลับมาชาร์ตพลังในแบบของตัวเองอีกที TT)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in