เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
CREEPYPASTA แปลไทยyoon_slytherin
ตอนที่ 1 : Kamikakushi神隠し
  • ตอนที่ 1 : Kamikakushi神隠し

    เรื่องโดย ผู้ใช้เรดดิท: Thirtyfiveowls

    มีคำคำหนึ่งในภาษาญี่ปุ่นซึ่งพูดถึงเวลาที่ผู้คนหายไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่ทราบสาเหตุราวกับถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากโลกโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกต คำนั้นคือคำว่า Kamikakushi (神隠し) . Kami หมายถึงเทพ ส่วนคำว่า kakushi หมายถึงการซ่อนสิ่งของหรือการหลบซ่อนตัว

    ในสมัยก่อนคนเก่าคนแก่มักเชื่อว่าการที่คนคนหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นอาจเป็นเพราะเทพเจ้าที่อยู่ตามภูเขา ป่าไม้หรือผืนน้ำลักพาตัวพวกเขาไป บางครั้งคนเหล่านั้นจะกลับมาเยี่ยงเช่นที่พวกเขาจากไปคือกลับมาโดยไม่รู้วิธีการว่ากลับมาได้อย่างไร หรือบางครั้งพวกเขาอาจถูกพบตัวอีกครั้งในสภาพศพ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะหายตัวไปตลอดกาล

    Studio Ghibli ได้นำคอนเซปต์นี้มารังสรรค์เป็นภาพยนตร์อะนิเมชั่นแนวครอบครัวก็จริง แต่ในความเป็นจริงเบื้องหลังปรากฏการณ์นี้กลับเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงมากกว่าหลายเท่านัก

    ผมอยากจะแชร์เรื่องเรื่องหนึ่งซึ่งฟังมาจากคุณปู่ของผมเองซึ่งเขาเคยใช้ชีวิตในวัยหนุ่มในหมู่บ้านเล็กๆ ในแถบชนบทของประเทศญี่ปุ่น สองปีก่อนที่เขาจะเสียผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนเขาและขอให้เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมนำเรื่องนี้มาโพสต์โดยหวังว่าอาจมีใครสักคนซึ่งเคยได้ยินหรือมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อนมาเจอเพราะนี่เป็นสิ่งที่คอยรบกวนจิตใจคุณปู่ของผมจวบจนช่วงบั้นปลายของชีวิตและผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถค้นหาคำอธิบายได้แทนที่เขาที่จากไปแล้ว

    ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในตอนไหนกันแน่ คุณปู่เองก็จำได้ไม่แน่ชัดเช่นกันแต่คุณย่ามาบอกผมเอาทีหลังว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะพบกับเขาเสียอีก แต่จากความเป็นไปได้มากที่สุดจากการฟังเรื่องของคุณปู่และความสมเหตุสมผลต่างๆ นั้นทำให้ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดในช่วงปลายๆ ยุค 1950

    มันเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับกลุ่มหมู่บ้านอื่นๆ อีกมากมายใกล้เคียงกัน หมู่บ้านเหล่านั้นราวกับจะอยู่รวมกันไปหมดจนนับไม่ถูกว่าจริงๆ แล้วมีอยู่ทั้งหมดกี่หมู่บ้านกันแน่ มีเพียงคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นเท่านั้นที่รู้ข้อมูลต่างๆ ของหมู่บ้านเหล่านั้น

    พวกชาวบ้านที่นั่นนับถือเทพเจ้าเช่นกันแต่ก็ไม่ใช่เทพเจ้าชินโตที่ผมคุ้นเคยเลย แล้วก็ไม่ใช่ Hyakki Yagyo Emaki (ปีศาจญี่ปุ่นซึ่งอยู่ในรูปร่างคล้ายสัตว์ต่างๆ) ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะช่วงเวลา ณ ตอนนั้นด้วย ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะอัญเชิญเทวรูปของเทพเจ้าซึ่งอยู่นอกเหนือศาสนาเข้ามาไว้ในบ้านเสียมากกว่าจึงทำให้เกิดการผสมปนเปกันระหว่างเทพเจ้าจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง

    คุณปู่ยังบอกอีกด้วยว่าในช่วงวัยเยาว์ของเขานั้นเป็นช่วงที่คนกำลังเริ่มจะจากไปไกลบ้านเพื่อหางานทำหรือเพื่อการศึกษาที่ดีกว่าในโตเกียวหรือเมืองใหญ่ๆ เมืองอื่น เศรษฐกิจในเกาะญี่ปุ่นกำลังรุ่งเรืองและผู้คนเริ่มพากันไขว่คว้าชีวิตในเมืองที่ยุ่งเหยิง ทุกๆ คนต่างกำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลอย่างออกรส

    แล้วอยู่ๆ ในวันที่ไม่มีอะไรสลักสำคัญเท่าใดนัก เด็กชายจากหมู่บ้านติดกันก็มาหายตัวไปเสียเฉยๆ 

    คุณปู่จำตอนที่ข่าวนั้นแพร่สะพัดมาถึงหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ได้ดี เขารับรู้ข่าวในช่วงหัวค่ำซึ่งพอมาคิดๆ ดูแล้วเขารู้สึกข้องใจกับช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันหมายความว่าเด็กชายคนนั้นหายตัวไปหลังจากพระอาทิตย์ตกดินซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Omagatoki, 逢魔時 ช่วงเวลาพบปะกับปีศาจ พระอาทิตย์ตกดินเป็นเวลาที่แปลกประหลาดสำหรับคนบางกลุ่มเพราะพวกเขาเชื่อว่าช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่ประตูสู่ปรโลกจะเปิดออก และมนุษย์จะสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าซึ่งออกมาเดินเพ่นพ่านในยามกลางคืน

    แม่ของเด็กที่หายพบของเล่นที่ถูกทิ้งเอาไว้ในทุ่งหญ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากป่ากว้างนัก ชาวบ้านจึงสรุปได้ว่าเด็กชายคงจะเดินเล่นไปไกลมากเกินกว่าที่ควรและหลงทางเข้าไปในป่าแล้ว มีชาวบ้านมากมายเข้าไปในป่าเพื่อตามหาเด็กคนนั้นทั้งคืนและตลอดวันถัดมาแต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเด็กชายคนนั้นอีกเลย เด็กในหมู่บ้านที่โตขึ้นมาหน่อยเอาแต่พูดว่ามันจะต้องเป็นปรากฏการณ์คามิคากุชิอย่างแน่นอน เด็กชายที่หายไปถูกลักพาตัวไปจากทุ่งหญ้านั้นเพราะคงจะไปทำอะไรสักอย่างให้เทพเจ้าผู้รักษาป่าไม้โกรธเข้า พ่อของเด็กชายกลับมาจากจังหวัดเกียวโตและจัดกลุ่มค้นหาเด็กชายอีกครั้งแต่ในตอนนั้นทุกคนต่างรู้ดีว่ามันช้าเกินไปเสียแล้ว

    สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นคือสิ่งที่ประหลาดนัก และผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคุณปู่จำเรื่องราวถูกต้องหรือไม่ แต่จากที่เขาได้เล่าเอาไว้ เพียงสองวันหลังจากพ่อของเด็กที่หายไปกลับมาที่บ้านทั้งครอบครัวนั้นก็ได้หายไปจากที่ที่พวกเขาอยู่อาศัย

    ชาวบ้านค้นหาพวกเขาไปทั่วตัวบ้านรวมทั้งบริเวณรอบๆ เรื่อยไปจนถึงขั้นเข้าไปตามหากันในป่าแต่พวกเขาได้จากไปแล้ว ทิ้งทุกๆ อย่างไว้เบื้องหลัง มีอาหารที่ยังกินไม่หมดอยู่บนเตาแก๊ส เสื้อผ้าที่ยังคงวางทิ้งไว้อยู่บนฟูก อาหารไก่ที่ยังคงวางทิ้งไว้ในสวนหลังบ้าน ราวกับทั้งบ้านเดินหนีจากชีวิตตัวเองขณะที่กำลังดำเนินชีวิตประจำวันอยู่อย่างไรอย่างนั้น

    คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนั้นคิดว่าตัวคุณพ่อของเด็กชายคงจะพาครอบครัวของเขาเข้าเมืองไปแล้วในตอนกลางคืนเพราะพวกเขาคงไม่อยากจะตามหาตัวเด็กชายที่หายไปต่อ แต่ระหว่างกลุ่มของเด็กๆ ในหมู่บ้านนั้นทุกๆ ประเด็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของครอบครัวนี้ได้กลายเป็นตำนานอันน่าสะพรึงกลัวไปเรียบร้อยแล้ว

    คนเก่าคนแก่ที่เชื่อเรื่องผีสางในช่วงนั้นต่างพากันขอพรกับศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ตามไหล่ทางเพื่อขอวอนให้เทพเจ้าที่ปกปักอยู่ในนั้นช่วยปกป้องลูกหลานในบ้านตนเอง

    คราวต่อๆ มานั้นเรื่องก็เกิดขึ้นกับเด็กสาวที่โตขึ้นมาหน่อย เธอคนนั้นโตกว่าคุณปู่ของผมเพียง 2 ปีและกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ ครอบครัวของเธอพากันแตกตื่นและจ้างให้พ่อมดหมอผีมาที่บ้านและทำพิธีกรรมเพื่อตามหาตำแหน่งของเด็กสาวคนนั้น ไม่แน่ใจเท่าไรว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้นแต่ชาวบ้านต่างตื่นกลัวและห้ามไม่ให้ลูกหลานในบ้านออกมาเล่นข้างนอกโดยอ้างว่าอาจมีสัตว์ป่ามาทำร้าย มันกลายเป็นเรื่องใหญ่อยู่พักหนึ่งและชาวบ้านต่างพากันระแวดระวังและคอยมองหาร่องรอยของสัตว์ใหญ่ๆ ที่หลุดเข้ามาในหมู่บ้านแต่คุณปู่ก็จำไม่ได้แล้วว่าชาวบ้านพบเจออะไรที่พอเป็นเบาะแสได้หรือไม่

    สิ่งเดียวที่เขาจำได้แม่นยำก็คือการหายตัวไปของชาวบ้านอย่างไร้ร่องรอยที่ยังคงเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน

    จนกระทั่งจุดจุดหนึ่ง ผู้คนต่างหยุดความพยายามที่จะตามหาเหล่าคนที่หายตัวไปเสียแล้ว

    มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความน่าฉงนเพราะมีหลายครอบครัวที่คิดจากออกไปจากหมูบ้านอยู่แล้ว คนในหมู่บ้านจึงมาเล่าปากต่อปากเองว่าคนนั้นคนนี้ย้ายไปเมืองใหญ่แล้ว บอกว่าคนนี้คนนั้นมีญาติห่างๆ ที่ทำธุรกิจอย่างนั้นอย่างนี้ และทั้งบ้านก็จะจากหมู่บ้านไปเพื่อไปเข้าร่วมงานกับญาติ หรือบางที่ก็พูดว่า จำได้คนนั้นหรือเด็กคนนี้จากครอบครัวนี้ได้ไหม เห็นว่าที่บ้านส่งไปเรียนในตัวเมืองแล้ว อะไรทำนองนี้อยู่เสมอ

    คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านต่างปักใจเชื่อว่าไม่มีใครหายตัวไป พวกเขาแค่ย้ายไปที่อื่น แม้ดูแปลกไปหน่อยที่คนเหล่านั้นต่างเลือกที่จะจากไปในยามพลบค่ำโดยไม่ได้นำข้าวของใดๆ ไปด้วยแม้แต่ชิ้นเดียวอย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับครอบครัวแรกที่หายตัวไป แต่ทุกๆ คนกำลังอยู่ภายใต้ผลกระทบของโลกรอบด้านที่หมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเสียจนไม่ได้นึกถึงความแปลกประหลาดข้อนั้นเลย

    ในส่วนของเด็กสาวที่หายตัวไปนั้น ปู่ของผมได้ยินว่าครอบครัวของเธอก็หายไปด้วยในเวลาต่อมา แต่เขาไม่แน่ใจเท่าใดนักว่าพวกเขาเพียงแค่ ย้ายไป หรือ หายไป เลย

    เหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญ ฉะนั้นเราอาจจะไม่ได้ยินเรื่องทำนองนี้บ่อยนัก แต่โดยทั่วไปผู้คนมักจะรู้จักอย่างน้อยหนึ่งหรือสองครอบครัวที่หายตัวไปในตอนกลางคืนโดยที่ไม่ได้เอาสิ่งใดติดตัวไปด้วยเลย

    สำหรับคุณปู่ของผมนั้น ที่ใกล้ตัวที่สุดคงจะเป็นเพื่อนบ้านของเขานั่นเอง

    เขาเป็นเพื่อนกับลูกชายของเจ้าของบ้านข้างๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ เขาและเพื่อนกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกไม่ไกลจากบ้านของตัวเองเท่าใดนักเพราะต่างถูกกำชับว่าให้กลับบ้านก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ในช่วงเวลาที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม และพระอาทิตย์เป็นสีแดงชาด ตัวคุณปู่ของผมเองนั้นคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะกลับบ้านได้แล้ว และในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเขาก็มองเห็นบางสิ่งที่เหมือนกับมนุษย์ปรากฏตัวอยู่ที่ขอบฟ้าจากจุดที่เขายืนอยู่ ราวกับสิ่งนั้นกำลังบินร่อนอยู่เหนือถนนกรวดหรืออาจกำลังเดินอยู่ก็ได้แต่เป็นเพราะแสงอาทิตย์ตกนั้นส่องสว่างและย้อมทุกอย่างให้เป็นสีเดียวกันไปหมดเขาจึงไม่อาจบอกได้ว่าสิ่งนั้นทำอะไรอยู่กันแน่ แต่เขารู้ดีว่าสิ่งนั้นจะต้องไม่ใช่แค่เพียงคนที่เดินผ่านไปมาอย่างแน่นอนเพราะเขามองเห็นแขนที่มีมากกว่าหนึ่งคู่ มันใช้แขนเหล่านั้นเคลื่อนตัวเองผ่านถนนไปและหลบหายไปกับแสงสีส้มถัดจากรั้วบ้านเพื่อนของเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

    ในตอนนั้นตัวคุณปู่เองก็ไม่ได้ทราบว่าช่วงเวลาที่มองเห็นสิ่งนั้นจะกลายเป็นกุญแจสำคัญขึ้นมาได้ เขาจึงทำตัวปกติราวกับไม่ได้เห็นสิ่งใดทั้งนั้นและบอกเพื่อนไปว่าจะกลับบ้านแล้ว พวกเขาตกลงกันว่าจะไปตกปลาใกล้ๆ ลำธารในวันถัดไป

    เมื่อรุ่งอรุณมาเยือน คุณปู่ก้าวออกจากบ้านตามปกติแต่กลับเห็นพ่อแม่ของตัวเองอยู่ในบ้านของเพื่อนบ้าน พ่อแม่หันมาบอกเขาเพียงว่าเพื่อนบ้านได้หายตัวไปแล้ว ทั้งเพื่อนของเขา พ่อแม่ของเพื่อน และพี่น้องด้วย ทุกๆ คนหายตัวไปหมด คุณปู่จำได้ว่ามันเป็นเรื่องแปลกประหลาดเหลือคณานับที่พวกเขาจะจากไปโดยไม่ได้มาเอ่ยอำลาใดๆ เลยเพราะเราต่างเป็นคนสนิทคุ้นเคยกันมานานแล้ว แม่ของคุณปู่หรือก็คือคุณย่าทวดของผมเองเป็นกังวลอย่างมากและเอ่ยว่าเธอจะไปขอพรที่ศาลและนำอาหารไปไหว้เทพเจ้า

    เวลาถัดมาในปีเดียวกันครอบครัวของคุณปู่ย้ายถิ่นฐานไปที่โตเกียวที่เขาพบกับคุณย่าและย้ายมาปักหลักอยู่ที่อเมริกาในเวลาต่อมา เขาไม่ได้เอะใจเลยจนกระทั่งในเวลาต่อมาเขาก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เขาเห็นในวันนั้นและเหตุการณ์ที่คนในหมู่บ้านที่เคยอยู่พากันหายตัวไปเรื่อยๆ อย่างไร้ร่องรอย

    เขาบอกว่ามันเป็นเพราะเทพเจ้าที่คนในหมู่บ้านกราบไหว้รู้สึกเคยชินกับการไหว้เจ้าที่ผู้คนนำอาหารมาให้และไม่ต้องการให้ชาวบ้านย้ายออกไป เทพเจ้าที่พวกเขากราบไหว้นั้นไม่ใช่เทพเจ้าที่มีพลังอำนาจและไม่มีความสามารถมากพอที่จะบันดาลสิ่งใดได้

    Kamikakushi คือวิธีที่พวกเขาจะสามารถเก็บผู้คนไว้ที่เดิมได้เพื่อที่ธูปบูชาของพวกเขาจะไม่มีวันมอดดับและพวกเขาจะมีของสักการบูชาที่ไม่มีวันลดน้อยลงไป

    กลุ่มหมู่บ้านเหล่านั้นได้หายไปนานแล้วและถูกแทนที่ด้วยเมืองเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายความเป็นมาอันยาวนานหรืออาจแทนที่ด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแต่เดิมเล็กน้อยโดยที่ผู้อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นใช้ชีวิตชนบทอย่างสงบสุข ไม่มีใครรับรู้ถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นกับพวกชาวบ้านที่จากไป

    คุณปู่เคยคิดว่าจะลองติดต่อใครบางคนที่ยังอยู่ที่นั่นเพื่อถามถึงเรื่องของครอบครัวที่หายไปเหล่านั้น แต่ก็ไม่เคยทำ ผมเองไม่ทราบว่ามันเป็นเพราะเขาจะกลัวสิ่งที่ตนเองจะไปค้นพบเข้าหรือกลัวที่อาจจะต้องรับรู้ว่าคนที่ยังอยู่พวกนั้นก็ได้หายตัวไปด้วย

    หากมีใครรู้จักคนในครอบครัวที่ได้พบเจอกับเรื่องราวทำนองนี้มาก่อนหรืออาจจะเป็นตัวคุณเองก็ได้ที่ได้พบเห็นเรื่องราวแบบนี้ผ่านมาในชีวิตได้โปรดติดต่อผมด้วยจะเป็นการดีอย่างยิ่ง ผมได้ลองค้นคว้าเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้มาก่อนแล้วในยุคสมัยปัจจุบัน บันทึกส่วนใหญ่มีรายละเอียดที่ครบครันและมากมายหลายแง่มุม บางบันทึกเกี่ยวกับตำนานตามเมืองต่างๆ แต่ผมต้องการจะตามหาบันทึกหรือประสบการณ์ส่วนบุคคลเสียมากกว่า

    ขอบคุณครับ


    Link to Original (Untranslated) Story : https://www.reddit.com/r/nosleep/comments/cah8jm/kamikakushi神隠し/


    สวัสดีค่ะ 

    ผู้แปลเองนะคะ หากมีข้อติชมอะไรสามารถคอมเมนต์บอกไว้ได้เลยนะคะ

    ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านค่ะ

    ป.ล. เพื่อนๆ สามารถติดตามเราผ่าน ReadAWrite ได้ด้วยนะคะ

    https://www.readawrite.com/a/ebe9f3f69ccc56dd53f364f9f3c8bdd2

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in