เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สายเอเชียrain_blablobly
[The Best] หนังน้ำตาพราก โศกสลดซึมเศร้าอยู่หลายวัน
  • รวมหนังที่ทำให้รู้สึกเต็มไปด้วยความ เศร้า สลดใจไปหลายวัน
    อินจัด จริงจัง ซึมเศร้า เหงาหงอย หลงอยู่ในทะเลลึก
    กว่าจะกลับขึ้นมาจากทะเลได้ ฟ้าก็มืดลงอีกครั้ง

    ต่อจากนี้ เป็นหนังที่สุดของเจ๊ กัยการเสียน้ำตา ตั้งแต่เคยดูหนัง ดูซีรี่ส์เป็น
    เท่าที่จำความได้ และจำว่าเคยเสียน้ำตาไปมากกว่าหนึ่งลิตร
    เศร้าขนาดนอนไม่ได้ ถ้านอนหลับลงตื่นมาตาก็บวมเหมือนโดนต่อย

    ไม่มีการเรียงลำดับ เป็นการรวมหนังที่จดจำได้ถึงความเจ็บปวดนั้น
    และยังตามมาจนถึงวันนี้ ดูกี่รอบก็ยังเรียกน้ำตาได้


    เรื่องแรก เมื่อนานมามากแล้ว

    ไซอี๋ว 1996-1998
    ตอน ปีศาจตะขาบแปลงร่างเป็นหงอคง


    กลับมาดูอีกน้ำตาก็ยังไหลไปกับ เอินเอิน เป็นเรื่องที่เสียน้ำตาให้ในวัยละอ่อน ยังเด็ก-วัยรุ่นตอนต้น 
    ด้วยความที่ชอบทั้งคู่มาก ในเรื่องนะคะ และหยอกล้อต่อเถียงกันอย่างน่ารัก เอินเอิน ก็รักหงอคงมาก
    ส่วนหงอคงนี่ไม่รู้อ่ะ จริงๆ อาจไม่ได้รักก็ได้ 

    ด้วยฉากที่เอินเอินจากไป และดนตรีประกอบฉากนี้ก็ทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกครั้ง

    ย้อนไปชมได้ในนี้ค่ะ ปีศาจตะขาบแปลงร่างเป็นหงอคง

    และเพลงประกอบที่เพราะที่สุด ตามนี้ค่ะ




    เรื่องที่สอง
    1 Litre of Tears / บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร (2005)


    เรื่องย่อจากวิกิพีเดียค่ะ
    ละครเรื่องนี้สร้างขึ้นจากชีวิตจริงของเด็กสาวชาวญี่ปุ่นวัยสิบห้าปีชื่ออะยะ คิโต ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเสียการประสานงานจากสมองน้อยและไขสันหลัง ซึ่งเป็นโรคที่ไร้หนทางเยียวยา กระทั่งตายเมื่อวัยยี่สิบห้า บทละครอ้างอิงบันทึกประจำวันที่อะยะเขียนขึ้นกระทั่งไม่สามารถจับปากกาอีกต่อไปได้

    ส่วนตัว ชอบพระเอกมาก ๆๆๆๆ นางไม่หล่อแต่เศร้า ตาเศร้า ยิ้มกว้าง หน้าแห้ง(เหี่ยว) 
    ทรงก็ง่องแง่ง กลับมาดูตอนนี้บางทีก็รู้สึกเหมือน กรรณ แต่เพราะแบบนี้เลยชอบ --- เรียว นิชิกิโดะ 
    และนางเอกแสดงโดย --- เอะริกะ ซะวะจิริ

    จำความโศกเศร้าได้ว่า
    ตอนนั้นกำลังเรียนมหาลัย ปี 4 มั้งนะ และมีพี่แนะนำให้ดูเรื่องนี้ บอกว่า เศร้ามาก สงสาร
    เลยลองดูบ้าง โหหหหหหหห พี่!! เอาซีรี่ส์อะไรมาให้ดูเนี่ย ทำไมมันเศร้า รันทด หดหู่ขนาดนี้
    ชื่อเรื่องคือ บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร แต่อิคนดูนี่ ไหลพรากมากกว่า 1 ลิตรเรียบร้อย
    ดูจบไม่เป็นอันไปเรียน ภาพ เพลง ความรู้สึก ความเจ็บปวดจากหนัง มันติดตา ติดความรู้สึก
    หลังดูจบสลัดความรู้สึกเศร้านั้นทิ้งไม่ได้ อินไปหลายวัน การไม่ตื่นรู้มันเป็นแบบนี้นี่เอง 
    สติเราจะหายไป หลงอยู่ในความโศกเศร้าที่สร้างขึ้นมา เป็นซีรี่ส์

    ส่วนเพลงประกอบที่คิดว่าเศร้าแต่เราไม่เลือกแปะโชว์ ก็คือเพลงหลักของเรื่อง only human
    ส่วนตัวรู้สึกเศร้ากับเพลงนี้มากกว่า มันให้ความรู้สึกว่ามีความหวัง แต่สุดท้ายก็พังทลาย
    ปราสาททรายมาก

    Konayuki Remioromen


    จากเรื่องนี้ไว้ด้วยฉากน้ำตาจากเรียว
    จิ๊กภาพมาจาพันทิพย์ค่ะ



    เรื่องที่สาม
    Bu Bu Jing Xin (ปู้ ปู้ จิง ซิน) / 
    เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ / ผ่ามิติลิขิตสวรรค์ (2011)


    เรื่องนี้คิดว่าโด่งดังพอสมควร ดูจากที่มีแบบซับไทยตามเว็บ ตามเพจ ก็ได้มีซื้อลิขสิทธิ์มาลงจอแก้ว และมีคนเขียนรีวิวนับไม่ถ้วน 


    เรื่องนี้ได้รับคำแนะนำให้ดูโดย พนักงานร้านเช่าหนังสือ บังเอิญไปเช่าหนังสือแล้ว พนักงานร้านกำลังเสพเรื่องนี้อยู่ แล้วก็สปอยล์ให้ฟังว่าสนุกมาก เศร้าด้วย ต้องดู เท่านั้น เลยมาลองดูบ้าง
    โอ้โหหหห ถอนตัวไม่ขึ้น มันลึกมาก ความเจ็บปวด ความรันทดของเรื่องนี้ ทำไมมันลึกขนาดนี้
    น้ำตาระหว่างทางที่ไหลพรากนั้น ไม่สามารถประมาณได้ว่าหมดไปกี่ลิตร และยิ่งตอนจบ 
    จบแบบไม่สมหวังของจีนนี่มัน มันน่าด่าจริงๆ จะให้ทรมานขนาดไหนกัน บอกได้แค่ว่า
    เรื่องนี้ ทรมานใจสุดๆ ฆ่าได้ก็ฆ่าค่ะ แต่อย่าทรมานใจกันแบบนี้ 
    รู้ตัวอีกที เพื่อนมาหาที่ห้อง ตาบวม หน้าบวม ปากแดง ยิ่งกว่ากินส้มตำเผ็ดที่สุดในโลกมา


    เมื่อภาคนี้จบลง ก็มีภาคต่อในส่วนที่เป็นปัจจุบัน ชื่อเรื่องว่า Bu Bu Jing Qing  ซึ่งกำลังดูค้างไว้กลางทาง ยังไม่กลับไปตามต่อเลย จัดเลยไหมคืนนี้ ไหนๆ พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้ว ยาวๆ เลยไหม 555

     Bu Bu Jing Qing

    นอกจากนี้ เพลงประกอบเรื่องนี้ ก็เพราะพริ้งหลายเพลง และที่สุดของเจ๊คือเพลงช้าเพลงนี้ค่ะ

    Yan Yidan - Three Inches of Heaven




    เรื่องที่สี่
    Daisy / ล่าหัวใจใยตัวร้าย (2006)


    เรื่องนี้เพิ่งดูอีกรอบเมื่อวาน ถามว่าห้ามน้ำตาไหลได้ไหม บอกเลย สบายมาก
    ไหลพราก สะอื้นไปอีก คือดูกี่รอบๆ ก็ห้ามไม่ให้รู้สึกอินตามได้ เรื่องนี้ชอบพระเอกและนางเอก
    ชอบเนื้อเรื่องไม่เวิ้นเว้อ ไม่ลึก มือปืน ตำรวจ หญิงสาว และดอกเดซี่ 
    และมีประโยคที่ชอบมากที่พระเอกได้พูดไว้ ประโยคนี้ทำเอาเศร้าไปเลย 
    ตามภาพด้านล่างค่ะ


    นอกจากเนื้อเรื่องที่ไม่สมหวังด้วยการตายจาก เพลงประกอบที่ปล่อยมาในช่วงพีคนี่มันสุดจริงๆ 

    ถึงเจ๊จวน (จวนจีฮุน) จะเคยเล่นเป็นยัยตัวร้ายทำร้ายคนมาแล้วหลายเรื่อง แต่ส่วนตัวแล้ว ยกให้เรื่องนี้คือเดอะเบสของการทำร้ายจิตใจ เป็นที่สุด และมอบเพลงประกอบที่ปาดคอเลยก็ได้นะ อย่าขนาดนั้น

    Daisy : Hey




    เรื่องที่ห้า สุดท้าย
    Lone Survivor / ฝ่าแดนมรณะพิฆาตศัตรู (2013)


    บอกอาการของเรื่องนี้ว่า 
    หลังดูจบซึมเศร้าไป 3 วัน ไม่อยากกินข้าว ไม่มีความสดชื่น ชีวิตประจำวันแห้งเหี่ยว 
    ติดลึกลงไปในกระบอกปืน เหมือนถูกยิงจนอาการโคม่า เรื่องนี้ร้ายในแบบไม่ใช่หนังรัก
    จำได้ว่า ตอนนั้นเขียนถึงเรื่องนี้และแอบด่าในใจด้วยว่า ไม่ต้องทำให้สมจริงก็ได้
    คือ ระหว่างที่ดูไปจนดูจบ เราไม่รู้สึกเลยว่า มันคือภาพยนตร์ ด้วยการให้ภาพ เสียง บรรยากาศของเรื่องที่ดูธรรมชาติมากๆ ไม่ได้บิ้วให้เราต้องรู้สึกกับหนังด้วยมุมกล้อง ด้วยเสียงดนตรี หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นตัวช่วยให้อารมณ์กับหนังได้มาก เราด่าเพราะ เราไม่รู้สึกถูกยัดเยียดความรู้สึกเศร้า หรือต้องเห็นใจ หรือต้องรู้สึกอะไรก็ตามกับเรื่องนี้ เพราะหนังได้ทำออกมาโดยที่กัดกินความรู้สึกของเราไปจนหมดสิ้น รู้ตัวอีกที หนังจบแต่อารมณ์ไม่จบ น้ำตาหนอ หนูไหลไม่หยุดเลย ตาบวมขั้นสุด นอนซมซานไปหลายวัน กว่าจะฟื้นคืนสติ ต้องทบทวนตัวเองอยู่นาน ว่า เห้ย นี่มันหนังนะ แม้จะสร้างจากโครงเรื่องจริง แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ทั้งหนังที่ดูจบ และชีวิตจริงของบุคคลในภาพยนตร์เรื่องนี้ 


    ตื่นเถิด


    Waking Up - Lone Survivor Soundtrack
    นี่คือเพลงที่เราจดจำ หดหู่ ระลึกถึงเสมอ เมื่อต้องต่อสู้กับอะไรบางอย่าง เพียงลำพัง



    จบไว้ด้วยหนังที่ไม่ใช่สายเอเชีย และ 1 Litre of Tears ไม่พอสำหรับน้ำตาที่เสียไป
    จากกันตรงนี้ค่ะ ไม่มีอะไรรบกวนใจกัน 


    ตื่นเถิด แม้ต้องอยู่เพียงลำพัง


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in