เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เก็บมาเล่าAlizz N Triburut
วันที่ฉันเห็นค่าตัวเอง
  •          ฉันเชื่อว่าทุกคนต่างก็ต้องเผชิญกับปัญหา หรือว่าความผิดหวังในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว การงาน การศึกษา หรือเรื่องสุขภาพ ฯลฯ    ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหาและผิดหวังในชีวิตฉันจำได้ว่า ณ เวลานั้น ฉันพังมากๆ และได้แต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง    ณ เวลานั้นฉันจำได้ว่าการไปเยี่ยมญาติพี่น้องที่ต่างจังหวัดเป็นสิ่งที่ที่แย่ที่สุด   แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆก็มักจะอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมพบใครเลยเพราะกลัวว่าจะถูกถามในเรื่องที่ลำบากใจที่จะพูด ด้วยความที่เห็นว่าคนรอบข้างประสบความสำเร็จยิ่งทำให้ฉันยิ่งเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่น   คิดอยากเอาชนะ มองคนอื่นในด้านลบไปเสียหมด ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงกลายเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  ทำให้ เกิดความขัดแย้งกับแม่ซึ่งแม่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันจึงไม่อยากออกไปพบญาติพี่น้อง  หมกตัวอยู่แต่ในบ้านทำไม  ทั้งๆที่มาแล้ว”   

          ฉันเป็นแบบนี้หลายปีทีเดียว แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่ฉันกำลัง เดินอยู่ในงานสัปดาห์หนังสือ ตาของฉันก็เหลือบไปเห็นบูธหนังสือของสำนักพิมพ์อักขระบันเทิง  จึงรีบเดินไปดู ขณะที่เลือกหนังสืออยู่นั้นฉันก็เห็น หนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า  8 บรรทัดเปลี่ยนชีวิตจึงซื้ออ่าน  ครั้งแรกที่อ่านก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก ว่ามันเป็นอย่างไร มันจะเปลี่ยนชีวิตเราได้จริงหรือ  แต่เมื่อฉันได้อ่านซ้ำๆ  ทำให้ฉันเข้าใจสิ่งทีผู้เขียนต้องการจะสื่อถึงผู้อ่านทำให้ฉันเริ่มมองตัวเองมากขึ้น และนำสิ่งที่ได้มาปรับใช้กับชีวิตตัวเองนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันเริ่มยอมรับตัวเอง และคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยประสบกับความผิดหวัง  ไม่ใช่แค่หนังสือเท่านั้น รายการวิเคราะห์สังคมทางทีวีและครอบครัวก็มีส่วนในการเปิดและเปลี่ยนมุมมองของฉันเหมือนกันแม้ว่าในช่วงแรกจะยากก็ตาม จากการที่ได้อ่านหนังสือ ดูทีวี และพูดคุยกับครอบครัวบ่อยๆ  ทำให้เกิดความคิดและเห็นชีวิตที่หลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฉันชื่นชอบบางคน หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเมื่อได้ไปอ่านประวัติของเขาแล้วพบว่าบางคนก็ไม่ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกด้าน  ทำให้ฉันคิดว่า  ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่อง จากที่ไม่เคยเห็นค่าในตัวเองก็กลับมาเห็นค่าของตัวเองมากขึ้นเพราะฉันคิดว่า อดีตก็ คือ  Past  tense  มันผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้  ส่วนFuture ก็คือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง   เราควรอยู่กับ Present ที่เป็นปัจุบันและทำมันให้ดีที่สุด

       ฉันอยากจะให้เรื่องราวของฉัน เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ไม่สมหวังในชีวิตหรือในเรื่องบางเรื่องคงไม่มีใครต้องการที่จะให้เกิดความผิดพลาด   ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน การศึกษา  หรือชีวิตคู่ ฯลฯ   แต่ถ้าผิดพลาดไปแล้ว    ก็ไม่ควรที่จะโทษตัวเองหรือโทษคนอื่นไม่เอาตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น เพราะว่าเราก็คือเรา เขาก็คือเขา มันคนละคน  ต้นทุนที่มีมาแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน  แทนที่จะโทษตัวเองหรือคนอื่น  เราควรหันมายอมรับตัวเองมากขึ้น  และอภัยให้ตัวเอง เพราะว่าปัญหาบางปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in