เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storychinneythesloth
บายเนียร์
  • 14/07/54

    บายเนียร์

    พูดจริงๆว่าตอนนี้สติของผมเริ่มจะพร่ามัว รับรู้อะไรได้ไม่ชัด 

    เป็นความพร่ามัวในแบบที่คุ้นเคย นั่นคือกำลังมึนได้ที่แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นกับหมดสติ สายตายังพอบอกให้รู้ได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ต่างจากปกติก็แค่ความยับยั้งชั่งใจที่กำลังลดลงอย่างฮวบฮาบ ใช่แล้ว เป็นความคุ้นเคยทุกครั้งหลังโลกของแอลกอฮอล์ 

     

    ถึงอย่างนั้นหูที่เริ่มจะอื้อก็ยังคงได้ยินเสียงหลายอย่างปะปนกัน ผมรู้สึกได้ว่าฝนกำลังลงเม็ดลงมาแผ่วเบากระทบผมเปียกลู่ของตัวเอง ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้อยู่ภายใต้ร่มคันไหน ผมรู้ว่าผมนั่งอยู่บนม้านั่งกลางแจ้งท่ามกลางฝนพรำในตอนกลางคืน หมู่คนมากมายที่หน้าตาคุ้นเคยราวกับรู้จักกันมาหลายสิบหลายร้อยปีกำลังเดินง่วน พูดคุยและหัวเราะ เหนือไปกว่านั้นเสียงของวงดนตรีที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนั้นกลบเสียงอื่นจนแทบจะหมด

     ราวกับว่าโลกกำลังดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเหมือนภาพสโลว์โมชั่นจนผมเริ่มทึ่งในฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ร่างทุกร่าง  วัตถุทุกสิ่ง หรือแม้แต่เสียงเพลง กลิ่น  สัมผัส  ทุกอย่างเชื่องช้ายิ่ง อ้อยอิ่งราวกับไม่อยากจะรีบจากไป ผมเห็นร่มหลายคันกางอยู่เหนือม้านั่งไม้กลางแจ้งในสถานที่ที่คุ้นเคยยิ่งกว่าบ้าน รอยสีบนพื้นก็คุ้นตาแม้ว่ามันจะถูกผลัดเปลี่ยนไปทุกที ใบหน้าของคนข้างเคียงที่นั่งไหล่เบียดไหล่อยู่กับผมหันไปทางซ้ายทีหนึ่ง ขวาทีหนึ่งอย่างช้าๆ และแม้แต่เม็ดฝนผมก็เห็นการเคลื่อนไหวของมันแจ่มชัด แสงไฟสปอร์ตไลท์เจือจางย้อมทุกอย่างเหมือนภาพฟิล์มภาพยนตร์

     

     

    เชื่องช้า เงียบเหงา  อบอุ่น และสะเทือนไปถึงกลางดวงใจ 

     

     ผมรู้ว่าผมกำลังนั่งตัวโยนๆอยู่บนโต๊ะที่กำลังมีการส่งแก้วผ่านกันไปมา เสียงหัวเราะดังร่วน ผมจำได้ว่าไอ้กัมปนาทหันมามองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะเรียกคนอื่นหันมาดูผม และพวกมันก็พากันหัวเราะ อย่างที่ทำประจำตอนที่พวกมันคิดว่ามอมเหล้าผมได้สำเร็จนั่นแหละ แต่ฝันไปเหอะ  ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าผมยังไม่เมา และคืนนี้ก็ยังอีกไกลกว่าที่ผมจะไปที่หาดนอร์มังดี(อย่างที่พวกมันชอบล้อเสมอๆ) ผมเพียงแต่กำลังใช้สมองที่มีสติอยู่ประมาณสองในสามเก็บภาพทุกอย่างไว้ให้ได้มากที่สุดต่างหาก

     

    คุณครับ ผมบอกอยู่หลายที  ทั้งที่คนอื่นบอก ผมบอกเอง  บอกกับคนอื่นหรือแม้แต่บอกกับตัวเอง ว่าผมมันคนใจดำ ที่คิดอย่างนั้นก็เพราะว่าผมเป็นคนพูดน้อย และค่อนข้างจะใส่ใจหรือแสดงออกอะไรต่อมิอะไรน้อยไปหน่อย แต่นั่นไม่ได้แสดงว่าผมไม่รู้สึกหรอกนะ ผมไม่มีแม่มาแต่เด็ก และก็เพิ่งจะไม่มีพ่อเมื่อไม่นานมานี้ รอบข้างของผมมันไม่เคยมีความหมายอะไรหรอก แต่คุณรู้ไหมว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกเหมือนว่าผมเสียใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในการที่จะต้องเดินจากที่ที่หนึ่งไป

     

    ทางเดินของคนเราอาจจะมีหลายขั้น หลายทอด ที่เราอาจจะต้องเคลียร์มันให้ผ่านไปที่ละเปลาะ ระหว่างที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเอาชนะบอสปีศาจในด่านนี้ไปได้อย่างไรดีก็อาจจะต้องมองล่วงหน้าไปก่อนด้วยว่าแล้วด่านหน้าจะเจออะไร เพื่อที่จะได้เตรียมตัวก้าวไปได้อย่างทันท่วงทีและปลอดภัยที่สุด และในขณะที่กำลังคิดถึงปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาที่ไกลกว่านั้นก็ยังอาจจะต้องคิดไปยังปัญหาระยะยาวที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น แม่งคงจะน่าปวดหัว แต่ก็เป็นเรื่องจริง

     บัดนี้ผมกำลังฆ่าบอสตัวหนึ่งได้เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างกำลังเฉลิมฉลองอยู่ในปราสาทที่พระราชาและประชาชนกำลังตบรางวัลเลี้ยงส่งชื่นชมผมอยู่ และฮีโร่ของพวกเขาก็กำลังเมา นั่งตัวโยนตากฝน กางร่มกินเหล้ากันอย่างเพี้ยนที่สุด และถึงแม้ว่าเส้นทางนี้จะดูยาวนานสักเพียงไร แต่ตอนนี้มันก็ได้มาถึงสุดทางแล้วจริงๆ ไม่มีทางสำหรับไปต่อในด่านนี้แม้ว่าผมจะอ้อยอิ่งสักแค่ไหน และแม้ว่าเส้นทางต่อไปจะน่ากลัวและอาจจะโหดร้าย แต่ผมก็จะหยุดเดินไม่ได้หากยังอยากเดินออกไปให้ได้ไกลยิ่งกว่านี้  ไปให้ถึงที่สุดของเส้นทางสายยูโทเปียนั้น

     

    ก็คงจะมีแต่ความรู้สึกรำพึงรำพันกระมังที่ยังทำได้ในเวลานี้ สติของผมลดลงเหลือเพียงครึ่งแล้วภาพยิ่งฉายช้าลงอีก วงดนตรีหน้าใหม่ สมัครเล่นอย่างที่สุดได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นวงที่สาม พลทหารปี่สก็อตถูกยกออกมาเป็นลังที่เท่าไหร่ก็ไม่กล้าจะนับ ผู้คนหน้าคุ้นทั้งชายหญิงแวะเวียนเดินทักทายกันและกัน มีบ้างที่ตบไหล่ผมแรงๆและไถ่ถามเหมือนเป็นห่วงว่าเมาแล้วหรือยังหลังจากที่พยายามกรอกเหล้าเข้าปากผมไปแล้วเป็นลิตร 

     

     และเหมือนอย่างกับวางแผนเอาไว้แล้ว เมื่อสติผมลดลงเหลือเพียงเสี้ยว In My Life  ของ The Beatles ก็ถูกบรรเลงขึ้นบนเวทีอย่างพอเหมาะพอเจาะเป็นที่สุด เนื้อเพลงละมุนเนิบนาบของมันไม่ไพเราะนักเมื่อออกจากปากของนักดนตรีจำเป็นที่หาได้แถวนั้น แต่กลับเกาะกินเข้าไปในใจของไอ้ขี้เมาคนนี้ได้เสียสนิท ตัวโน้ตทุกตัว  เนื้อเพลงทุกคำ เชื่องข้ายิ่งกว่าเดิมสักร้อยพันเท่าได้ ฝนนั้นแทบจะหยุดเม็ด และเสียงทุกอย่างดูขาดหายสิ้น

     

    และภาพสุดท้ายที่ผมจำได้ในวันนั้นก็คือภาพของกัมปนาทและเพื่อนๆอื่นที่หันกลับมามองทางผมอย่างงุนงง แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะกันอย่างเมามันสนุกสนานอย่างกวนประสาทเท้าเป็นที่สุด

     


    “เฮ้ย! กร นั่นมึงจะนั่งร้องไห้ทำไม!” 

     

     ผมจุดรอยยิ้มยียวนใส่เมื่อมองเห็นหยดน้ำที่หางตาของพวกมันไม่ต่างกัน 

    ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำมืด



    ผมจะคิดถึงพวกมัน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in