เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Silent NightSarut Ratanavijit
4/4 : SILENT NIGHT
  • หลังจากแยกกับหญิงสาว ผมกลับไปบาร์เพื่อไปเอาสมุดที่ลืมไว้...ระหว่างทางภาพของเธอปรากฏซ้ำแล้วซ้ำแล้วผ่านใบหน้าของผู้คนที่เดินไปมาอยู่ริมถนน...เธออาจจะเป็นคนๆ นั้นที่ผมรู้จัก ไม่ก็อาจเป็นแค่ใครคนอื่นที่บังเอิญมีใบหน้าคล้ายกัน หรืออาจเป็นเพียงภาพมายาจากอดีตที่ได้หวนย้อนกลับมาหาในค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์

    แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ได้ย้ำเตือนว่า ผมยังอยากจดจำภาพและความเจ็บปวดในห้วงเวลา ซึ่งเราได้มาพบกันและจากกันอีกครั้งให้คงอยู่ตลอดไป แต่น่าเศร้าที่มันจะลบเลือนหายไปในสักวันหนึ่ง


    --- 


    ไฟในบาร์เปิดสว่างทั่วบริเวณ เผยให้เห็นร่องรอยของผู้คนที่เหยียบย่ำเข้ามาและสัมผัสได้ถึงละอองของบทเพลงที่ยังคงอบอวลอยู่ไม่หายไป

    ลูกจ้างสองคนกำลังเก็บกวาดของต่างหน้าของบรรดาแขกที่ทิ้งไว้นักร้องนั่งสูบบุหรี่อยู่ขอบเวที ขณะที่คนอื่นในวงกำลังเก็บเครื่องดนตรีของตน เจ้าของบาร์สาละวนกับผลประกอบการที่เขาทำได้ในคืนนี้


    “นึกว่าจะไม่กลับมาเอาของซะแล้ว” เจ้าของบาร์พูดเหน็บแนมเมื่อเห็นผมเดินมานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์

    “ขอโทษทีครับ เมื่อค่ำรีบออกไปจนลืมสมุดไว้”

    “แล้วที่ตามไปเป็นไงบ้าง? ได้เรื่องมั้ย?” เจ้าของบาร์หยิบสมุดมาวางไว้ข้างหน้าผม

    ผมส่ายหน้า และมองไปที่ที่หญิงสาวเคยนั่ง

    “ดื่มอะไรหน่อยมั้ย?” เขาเปลี่ยนเรื่องหลังจากสังเกตว่าสีหน้าผมแฝงไปด้วยความผิดหวัง

    “ขอแค่น้ำเปล่าก็พอครับ”

    ผมยังคงมองไปที่เก้าอี้ของหญิงสาว...เจ้าของบาร์เดินมาวางแก้วน้ำไว้ข้างสมุดและนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ที่ห่างไปหนึ่งตัว

    “ตอนที่เธอลืมสมุดทิ้งไว้ ฉันถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาอ่าน...เห็นว่ากำลังเขียนถึง ‘หญิงสาวที่มากับความเงียบ’ หรอ...แล้วคิดว่าเรื่องนี้จะจบยังไง”


    ผมนั่งเงียบไปครู่หนึ่งพยายามคิดถึงเรื่องราวที่พบเจอมาตลอดคืน

    “ยังไม่รู้เลยครับ”

    “อืม...ฉันคิดว่าเธอน่าจะเขียนไปตามความรู้สึกของเธอก็น่าจะพอนะ” เจ้าของบาร์ว่า จากนั้นเดินกลับไปนั่งคิดคำนวณเงินต่อ

    หลังจากความชุ่มชื้นของน้ำดื่มได้กลบความเหนื่อยล้าในค่ำคืนนี้ให้เบาจางลง...ผมเปิดสมุดคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่และเริ่มจรดปากกาเขียนต่อจากประโยคที่ค้างเอาไว้ก่อนกาลเวลาจะบิดเหตุการณ์ทุกอย่างให้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไป 


    ---


    เวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าใดไม่ทราบได้ คล้ายกับบรรยากาศความว่างเปล่าของบาร์ได้ดูดกลืนเส้นเวลาไปหมดสิ้น ผมนั่งถักทอและแต่งแต้มเรื่องราวลงในสมุดเล่มนั้น ประโยคหนึ่งสู่ประโยคที่สองเขียนไปเรื่อย ๆ โดยไม่หยุด ผมได้หลุดเข้าไปในโลกอีกมิติหนึ่งที่มีแค่ผมกับหญิงสาวและมีสมุดเชื่อมเราสองให้เข้ามาพบกัน…


    ประตูบาร์ถูกเปิดออก นำพาเสียงความสับสนวุ่นวายภายนอกเล็ดลอดเข้ามาพร้อมกับคนๆ หนึ่ง...เจ้าของบาร์ตะโกนบอกว่าร้านปิดแล้วจากหลังเคาน์เตอร์บาร์ แต่ดูเหมือนคำประกาศนั้นไม่ส่งผลใด ๆ ต่อคนนั้นเลย เสียงฝ่าเท้ากระทบกับพื้นเป็นจังหวะที่คุ้นเคย ผู้มาใหม่เดินมานั่งที่เดียวกับหญิงสาว การมาของคน ๆ นั้น ดึงดูดและเรียกร้องให้ผมเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ประกายตาแห่งความอิ่มเอิบเบิกกว้าง...ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏให้ผมเห็นอีกครั้ง

     

    -จบ-

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in