เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดอกไม้ในโลกกลับตาลปัตรfridae
สถานีที่สอง

  •  

     

              แสงอุ่นนวลตาสาดกระทบพื้นเรียกร่างของหญิงสาวให้กลับออกมาจากห้วงแห่งความฝัน นาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า เหมยลี่ผุดลุกขึ้นนั่งงัวเงียบนเตียงในเวลาเดิมทุก ๆ วันราวกับมีนาฬิกาปลุก ฉันใช้เวลาไม่นานในการตระเตรียมตัวเองเพื่อให้พร้อมกับการไปทำงานในเช้าวันใหม่


              ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมในห้องของฉัน


             แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นภาพตรงหน้าของฉันในตอนนี้ภาพที่ฉันเห็นแล้วก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ภาพของหลินน้องชายตัวดีของฉันกำลังจับตะหลิวผัดอะไรสักอย่างบนกระทะในเวลาเช้าตรู่แบบนี้

     

              “หลิน ทำอะไรอะ”

              “ซักผ้าอยู่มั้งเจ้ ก็เห็นอยู่ว่าทำกับข้าวเนี่ย” เลี่ยงหลินหันมาตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ เสมือนสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นกิจวัตร

              “แกเนี่ยนะทำกับข้าว ทำเป็นด้วยเหรอ” นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย แค่ด่ามันว่าลองหัดทำกับข้าวดูบ้างผ่านไปคืนเดียวมันนึกคึกอะไรลุกขึ้นมาทำกับข้าวตั้งแต่เช้าแบบนี้เนี่ย ปกติบ่ายสองมันยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ น้องชายตัวดีของฉันมันกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า

              “เอ้า ก็ต้องเป็นดิ ก็ทำให้เจ้กินอยู่ทุกวัน เจ้นั่นแหละหัดทำกินเองซะบ้างนะจะได้ไม่เป็นภาระน้อง”

              “ห้ะ”

     

              หรือบางทีอาจจะเป็นฉันเองที่กินยาลืมเขย่าขวด นี่มันอะไรกันเนี่ย

     

              “เจ้ไปนั่งที่โต๊ะดิ จะเสร็จแล้วเนี่ย รอหมูสุกแปป” ฉันยืนอึ้งไม่ได้นานก็โดนไล่ให้ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร

              “แล้วป๊าอะ”

              “กวาดใบไม้อยู่หน้าบ้านมั้ง”

              “ห้ะ”

              “เจ้จะห้ะอะไรนักหนาเนี่ย วันนี้เป็นอะไรสงสัยเยอะจัง ป่วยปะเนี่ย” แกน่ะสิป่วยหรือเปล่า หรืออาจจะป่วยกันทั้งบ้านเลยก็ได้ ป๊ากวาดใบไม้อยู่หน้าบ้านเนี่ยนะ เกิดมาจะยี่สิบหกปีแล้วฉันยังไม่เคยเห็นป๊าจับไม่กวาดเลยสักครั้งแล้วนี่เป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ยคนบ้านนี้

     

              หรือว่า

     

              “นี่ปีอะไรแล้ววะหลิน”

              “อะไรของเจ้ ก็ 2022 ไงถามอะไรเป็นนางเอกละครย้อนเวลาเลย” แสดงว่านี่ไม่ใช่การข้ามเวลาไปอนาคตหรือย้อนเวลาไปอดีตเหมือนในหนังสินะ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ ฉันเก็บความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นไม่หยุดในหัวแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารอย่างงง ๆ โดยปกติแล้วทุกเช้าเหมยลี่จะต้องตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้ป๊าและน้องชายก่อนไปทำงานทุกวัน แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย

     

              ‘ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนางสาว ใจรัก จงเจริญ ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้เข้าสู่วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น… ’

     

              เสียงจากโทรทัศน์เรียกความสนใจของฉันให้หันไปดูแล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินข่าวนั้น ข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงแถมภาพการประชุมสภาในข่าวล้วนมีแต่ผู้หญิงที่ขึ้นนั่งตำแหน่งสำคัญ ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะประธานสภา ไหนจะนายกรัฐมนตรี สส. หรือแม้กระทั่งรปภ. หน้าตึกก็ยังเป็นผู้หญิง นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ไม่เหมือนโลกที่ฉันเคยรู้จักเลยสักนิด

     

              “หลิน ทำไมนายกฯเป็นผู้หญิงอะ”

              “เจ้ถามอะไรแปลก ๆ อีกละ ก็เป็นผู้หญิงมาตลอดนะ มีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่จะได้เป็นนายกฯอะ ประเทศไทยอะเนาะ” นี่เรากำลังหมายถึงประเทศไทยเดียวกันอยู่จริง ๆ ใช่ไหม

              “แล้วลุงตู่อะ” ฉันถามออกไปขณะที่น้องชายกำลังทยอยยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะ

              “ลุงตู่ไหนวะเจ้ ตู่ภพธรเหรอ เขาก็เป็นนักร้องดิ”

              “ไม่ใช่ดิ ลุงตู่อะ ไม่รู้จักลุงตู่เหรอ เขาเป็นนายกฯตั้งนานนะตั้งแต่เจ้ยังอยู่มัธยมจนเรียนจบมีงานทำแล้วเขาก็ยังอยู่อะ”

              “มีนายกฯอยู่นานขนาดนั้นด้วยเหรอวะเจ้ ไม่เคยได้ยินนะ”

     

              เหมือนยิ่งถามยิ่งต่อความสงสัยของฉันให้มากกว่าเดิมเป็นอีกครั้งฉันอยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่

     

              “กินดิเจ้จะได้ไปทำงาน” หลินพูดเมื่อยกกับข้าวมาวางครบแล้วก่อนทำท่าจะเดินออกไป

              “แล้วแกจะไปไหน”

              “ไปเรียกป๊ามากินข้าว เดี๋ยวจะไปชงกาแฟด้วยเจ้เอาปะ”

              “แกชงเป็นด้วยเหรอ”

              “ถามอะไรแปลก ๆ อีกละเจ้ ก็ชงให้กินทุกวัน อเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตาล รอแปปเดี๋ยวมา”

     

              เป็นอีกครั้งฉันต้องถามตัวเองในใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

     



              อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาเข้างาน สองขาของฉันก้าวยาว ๆ ราววิ่งแข่งกับเข็มวินาทีบนนาฬิกาข้อมือนับว่ายังเป็นโชคดีที่ฉันยังคงทำงานเป็นพนักงานในแผนกไอทีของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเหมือนเดิมเพื่อนร่วมงานก็ยังเหมือนเดิม

     

              “ลี่!”

     

              มั้งนะ

     

              “ฝ้าย”

              “ทำไมวันนี้มาซะเกือบสายเลยเนี่ยคุณพนักงานดีเด่น” ทันที่ตอกบัตรเข้าทำงานด้วยเวลาอันฉิวเฉียด ฝ้ายหนึ่งในแผนกบัญชีเพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุดของฉันก็เข้ามาทัก

              “ตื่นสายอะดิ” ฉันโกหกไปคำโต “แล้วแกมาทำไรไอที หาซัพพอร์ตเหรอ”

              “อะไรของแกวะลี่ ก็ฉันอยู่ไอที”

              “ห้ะ”

              “ห้ะอะไร”

     

              นี่แค่เรื่องที่บ้านยังทำฉันอึ้งไม่พออีกหรือไงนี่ฉันต้องมารับข้อมูลใหม่อีกแล้ว ฝ้ายอยู่แผนกไอที

     

              “เป็นอะไรปะเนี่ยลี่”

              “เปล่าๆๆๆ เมื่อคืนนอนดึกมั้งเลยเบลอ ๆ ”

              “เบลอเกินไปนะ จำเพื่อนไม่ได้เนี่ย” ฝ้ายพูดขำ ๆ ก่อนจะผละตัวกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

     

              เมื่อได้เวลาเข้างานพนักงานคนอื่น ๆ ที่ลงไปซื้อกาแฟข้างล่างบ้างก็ลงไปหาเสบียงมาตุนสำหรับลุยงานในวันนี้ก็เริ่มทยอยเข้ามาให้ห้องไอทีเรื่อย ๆ

     

              “อ้าวลี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ กาแฟไหม”

              “เอ่อ ลี่กินมาจากบ้านแล้วพี่ เอาเลยค่ะ ๆ ”

     

              เรื่องน่าตกใจในเช้าวันนี้ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นเพราะสมาชิกในแผนกไอทีที่เคยเป็นผู้ชายทั้งหมดและมีเหมยลี่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในแผนกตอนนี้กลับกลายเป็น ฝ้ายบัญชี พี่ส้ม พี่เอ๋ น้องนาการตลาดกำลังเดินเข้ามานั่งอยู่ที่โต๊ะทีมไอทีซัพพอร์ต นี่มันอะไรกันเนี่ยแผนกไอทีกลายเป็นแผนกหญิงล้วนไปตั้งแต่เมื่อไรแล้วหัวหน้าทีมจะยังเป็นพี่ชัยคนเดิมไหมหรือว่าฉันต้องเตรียมรับมือกับข้อมูลใหม่อีกแล้วฉันยังคงตกใจไม่หายกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดคิดแต่ยังคงมีอีกสิ่งที่น่าจะยังเหมือนเดิมโต๊ะทำงานเยื้องกับฉันยังคงเขียนชื่อเขาคนนั้น ‘ทิวากร ปโณชัย’ ผู้ชายใส่แว่นพูดน้อยคนนั้นถึงแม้ว่าจะต้องทำงานด้วยกันบ่อย ๆแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าที่ควรเพราะเขาพูดไม่เก่งและฉันเองก็เช่นกัน

     

              ฉันดีใจที่เขายังอยู่แต่เรื่องที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงของเขาก็คงจะเป็น

     

              “แต่ผมส่งรีพอร์ตให้ทีมโปรเจคไปแล้วจริง ๆ นะครับ”

              “ก็ถ้าส่งไปแล้วจริง ๆ ทางทีมเขาจะมาทวงจากพี่ไหมคะ แทนที่จะมาเสียเวลาแก้ตัวกับพี่เอาเวลาตรงนี้ไปส่งรีพอร์ตใหม่ดีกว่าไหมคะ” เสียงของพี่หวาหัวหน้าแผนกการตลาดที่เปิดประตูเข้ามากระทันหันตามด้วยร่างของชายหนุ่มที่ฉันคุ้นตาเพราะอยู่แผนกเดียวกันมาสี่ปี

              “ครับ ผมขอโทษด้วยครับพี่หวา”

              “พี่ไม่ใช่คนที่น้องทิวต้องขอโทษค่ะ คนที่ควรจะไปขอโทษคือทีมโปรเจคที่เขาต้องมาเสียเวลารอรีพอร์ตจากน้อง”

              “ครับ ผมขอโทษที่ทำให้ทางทีมกับพี่หวาต้องเสียเวลาด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบส่งให้ใหม่เลยครับ”

              “คราวหลังอย่าให้พี่ต้องมาดุน้องทิวเรื่องนี้อีกนะคะ”

              “ครับพี่หวา ขอโทษอีกครั้งนะครับ”

     

              สิ้นเสียงของทิวทั้งห้องก็ตกสู่ห้วงความเงียบพี่หวาเดินเข้าไปนั่งในโซนของหัวหน้าแผนกไอที ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่ฉันจะต้องตั้งรับมันจะมาเร็วกว่าที่คิดพี่หวากลายเป็นหัวหน้าแผนกไอทีคนใหม่ของฉัน

     

              ทันทีที่ร่างระหงของพี่หวาพ้นไปจากโซนของลูกทีมไอที ทุกคนก็ลุกจากโต๊ะของตัวเองไปหาทิวเพื่อถามไถ่ที่มาที่ไปของสงครามที่เกิดขึ้นในห้องไอทีแห่งนี้

     

              “ไอ้ทิวโดนพี่หวาด่าอีกละ สนามอารมณ์ชี” ในขณะที่ทุกคนกำลังไปมะรุมมะตุ้มอยู่กับทิว ฝ้ายก็เดินอ้อมมาที่โต๊ะของฉันและกระซิบเบา ๆ

              “อีกแล้วนี่แปลว่าโดนบ่อยเหรอ”

              “ก็ใช่ดิ สงสารมันนะ ปกติผู้ชายก็ไม่ค่อยเหมาะกับงานไอทีอยู่แล้วอะ พอทำอะไรผิดนิดผิดหน่อยพี่หวาชีก็วีนใหญ่วีนโตละ”

     

              ฉันฟังคำบอกเล่าจากฝ้ายในขณะที่สายตาก็จดจ้องไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงข้ามเยื้องไปทางซ้ายภาพของทิวที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังรีบเร่งแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองที่ถูกคลื่นพายุของพี่หวาสาดซัดเสียจนดูไม่ใช่เขาเลย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นโลกใหม่ที่ฉันไม่คุ้นเคย บทบาทของทุกคนในชีวิตฉันเปลี่ยนไปแทบจะทั้งหมดแต่ตัวตนของคนเหล่ายังอยู่ไม่เหมือนกับทิว เขาเปลี่ยนไปมากกว่าเมื่อก่อนที่ฉันเคยรู้จัก

     

              เพราะยิ่งฉันมองไปที่เขาในตอนนี้ก็ยิ่งเห็นภาพในอดีตของตัวเองทับซ้อนอยู่ตรงนั้น




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in