เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดอกไม้ในโลกกลับตาลปัตรfridae
สถานีต้นทาง


  •  

              มีทฤษฎีทางหลักฟิสิกส์มากมายที่ดูเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แม้จะมีคำอธิบายจากนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากมาย สำหรับฉันหนึ่งในนั้นก็คือโลกคู่ขนาน ที่มีสมมติฐานว่ายังมีเอกภพอีกจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นและสลายไป ซึ่งประกอบด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นจริงทางกายภาพ พูดง่าย ๆ ก็คือมีตัวเราที่เหมือนกับตัวเราแต่ก็ไม่ใช่ตัวเราเสียทีเดียวในอีกหลาย ๆ โลกที่มนุษย์ยังไม่อาจค้นพบได้

     

              ดวงตากลมสวยหากแต่ว่างเปล่า ความคิดในหัวล่องลอยออกไปไกล พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากมี ‘เหมยลี่’  ในโลกอื่น ๆ ที่เกิดจากความเป็นไปได้อีกหลายล้านเส้นทางที่ไม่ได้ถูกเลือก มันจะเป็นยังไง


     


              ‘ สถานีต่อไป สถานีหัวลำโพงประตูรถจะเปิดทางด้านขวา ท่านสามารถเปลี่ยนเส้นไปรถไฟรฟท. ได้ที่สถานีนี้ ’ 

     



              เสียงประกาศจากรถไฟฟ้าใต้ดินที่คุ้นหูดังขึ้นเรียกความคิดที่หลุดลอยไปไกลให้กลับเข้าที่ หกโมงครึ่งเป็นเวลาที่พนักงานแผนกไอทีของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งอย่างฉันเลิกงาน สองขาก้าวออกจากสถานีปลายทางอย่างไม่เร่งรีบในช่วงเวลาย่ำค่ำเช่นนี้


              เส้นทางข้างหน้าทอดยาวไปสู่สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่าบ้านคล้ายเป็นกิจวัตรของหญิงสาวที่พึ่งผ่านพ้นวัยเบญเพสมาหมาด ๆ ต้องพบเจอทุกวัน ‘เหมยลี่ แซ่จาง’ เป็นชื่อที่ป๊าตั้งให้แปลว่าดอกไม้ที่งดงาม หน้าที่ลูกสาวคนโตของครอบครัวคนจีนที่แบกเอาไว้บนบ่ามันหนักกว่าที่ฉันเคยจินตนาการเอาไว้ตอนเด็ก ๆ เสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าแม่ผ่านมันมาได้และเลือกที่จะเดินจากไป ทิ้งมรดกแห่งความอัปยศให้ลูกสาวคนนี้สานต่อ แต่ฉันไม่โกรธแม่หรอกนะ ไม่เคยโกรธเลย กลับดีใจด้วยซ้ำที่แม่ออกจากบ้านหลังนี้ไปได้สักที 



              กลับช้าจังอะเจ้” ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเสียงของหลินน้องชายของฉันก็เอ่ยทัก ‘เลี่ยงหลิน แซ่จาง’ ชื่อนี้ป๊าก็ตั้งให้เหมือนกันแปลว่าผืนป่าแห่งแสงสว่างแต่ตอนนี้เหมือนมันจะมองไม่ค่อยเห็นแสงสว่างสักเท่าไรเพราะตั้งแต่เรียนจบมาก็ยังหางานทำไม่ได้อยู่แต่บ้านผลาญเงินฉันกับป๊าเล่นไปวัน ๆ 


               

              “หิวข้าวอะเจ้” 



              แถมยังไม่เคยช่วยทำอะไรสักอย่างในบ้านหลังนี้



              “แล้วอยู่บ้านว่าง ๆ ก็ไม่รู้จักหากินเองล่ะ” ฉันว่าพลางเก็บของที่น้องชายตัวดีปล่อยทิ้งเกลื่อนกลาดบนพื้น


              “โหยเจ้ พูดอย่างกับน้องเจ้ทำเป็น” 


              “ก็ลองทำดูบ้าง แล้วบ้านเนี่ยอยู่ว่าง ๆ ก็หัดเก็บหัดกวาดมันบ้าง ไม่ใช่รอให้เจ้มาทำคนเดียวแค่ไปทำงานก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว กลับบ้านมายังต้องมาคอยเก็บกวาดให้แกอีก”


              “ค้าบๆๆๆ ขนาดป๊ายังไม่เคยบ่นขนาดนี้เลยอะ” 


              “ก็เพราะป๊าไม่บ่นไงมันถึงเป็นแบบนี้” 

     

              พอพูดถึงป๊าขึ้นมาร่างท้วมของชายวัยเข้าหกสิบก็ก้าวเท้าลงมาจากบันไดชั้นสองพร้อมกับเสียงดังเป็นเอกลักษณ์ในบ้านคนจีน


              “มีอะไรกัน”


              “ก็เจ้ดิป๊า บอกหลินอยู่บ้านว่าง ๆ ให้หัดเก็บกวาดบ้านซะบ้าง” เมื่อได้ยินลูกชายสุดที่รักว่าดังนั้นสายตาคมกริบของป๊าก็เบนเข็มมาทางฉันทันที


              “งานบ้านมันหน้าที่ลื้อนะอาลี่จะไปใช้น้องมันทำไม”


     


              แล้วใครเป็นกำหนดว่างานบ้านเป็นหน้าที่ของผู้หญิง 

              เป็นหน้าที่ของฉันคนเดียวในบ้าน

     



              “เพราะป๊าเป็นแบบนี้ไง ให้ท้ายมันตลอด มันถึงทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง งานการก็ไม่รู้จักหา”


              “อาหลินอีเป็นผู้ชาย เดี๋ยวมันก็หาได้ลื้อจะไปเดือดร้อนอะไรกับน้องนักหนา”


              “เดือดร้อนอะไรเหรอป๊า มันจบมาจะปีนึงแล้วนะไม่มีงานทำลี่ก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แต่นี่ลี่ต้องทำงานงก ๆ หาเงินมาเลี้ยงมัน ผ้าก็ต้องซักให้มัน ข้าวก็ต้องหาให้มันกิน เป็นลูกชายหรือลูกเทวดาอะ”


              “อาลี่!” เสียงตะหวาดดังออกมาจากปากผู้เป็นพ่อหวังจะให้ฉันหยุดพูดอะไรแบบนี้ออกมาสักทีแต่ฉันไม่หยุดหรอก


              “ในสายตาป๊าไอ้หลินมันทำอะไรก็ดีไปหมดเลยดิ เรียนก็เกือบไม่จบ หางานทำก็ไม่ได้ เป็นลูกชายที่ดีมากเลย ลี่อุตส่าห์สอบเข้าคณะที่ป๊าอยากให้เข้า ได้เกียรตินิยม ทำงานงก ๆ ทุกวัน บ้านก็ดูแลจัดการให้หมด ยังสู้ไอ้หลินที่นั่งกระดิกตีนเป็นคุณชายไปวัน ๆ ไม่ได้เลยมันเพราะอะไรอะป๊า! เพราะอะไรวะ แค่ป๊ามองลี่เป็นลูกคนนึงยังทำไม่ได้เลยอะ!”


              “หุบปากซะอาลี่!” สิ้นเสียงนั้นทั้งบ้านก็เงียบลงถนัดตา 

         

         

               .


               .


               .



              มันผิดตั้งแต่ลื้อเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้วอาลี่” 



              ป๊าพูดออกมาเพียงแผ่วเบาแต่มันกลับดังก้องในหัวใจของฉัน ช่างเป็นคำตอบที่น่าขำสิ้นดี



              “เพราะป๊าเป็นแบบนี้ไงใครเขาถึงไม่อยากอยู่ด้วย ที่แม่ทิ้งไปก็เพราะป๊าเป็นแบบนี้แหละ ไม่ต้องโทษใครหรอก” 

     


              ฉันทำมันลงไปแล้วจริง ๆ ทั้งที่ผ่านมาฉันเลือกที่จะเงียบมาตลอด แต่วันนี้ฉันโยนมันใส่เขาไปหมดแล้ว ภูเขาลูกใหญ่ที่ทับถมอยู่ในหัวใจของฉันมาตลอดแต่คำ ๆ นั้นมันยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉันเหมือนกับเครื่องเล่นเพลงที่ยังเล่นแต่เพลงเดิมซ้ำ ๆ ภายในห้องสี่เหลี่ยมเงียบเชียบที่มีแค่ฉันและเสียงนั้นดังอยู่ในหัว 
             



              แค่เกิดมาเป็นผู้หญิงในโลกนี้ก็นับเป็นความผิดแล้วเหรอ 



              ฉันเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาด้วยคำถามเดิม ๆ พลันนึกถึงภาพของแม่ขึ้นมาในความทรงจำ สิ่งที่แม่ต้องเจอในบ้านไทยเชื้อสายจีนหลังนี้ ทั้งป๊า ทั้งอาม่า ทั้งอากง ลูกสะใภ้อย่างแม่ต้องเจอกับอะไรบ้าง แล้วแม่ผ่านมันมาได้ยังไง ฉันยังคงจินตนาการไม่ออก ถ้าเอกภพคู่ขนานมันมีจริง ๆ ตัวฉันในโลกที่ไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้มันจะเป็นยังไงกันนะ มันจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรือเปล่า แต่เอาเข้าจริงมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกแล้วล่ะ บางทีถ้าไม่ต้องเกิดมาเป็นผู้หญิงในโลกเฮงซวย ๆ แบบนี้คงจะดีกว่า




               .



     

              แต่เหมยลี่ไม่อาจรู้เลยว่าเส้นทางที่เธอเลือกในวันนี้จะทำให้เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง โลกที่เธอเคยรู้จักมันก็กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว

     

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in