เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
30 Days : Reading Challenge Seriesyeonways
Day 2 : หิมาลัยไม่มีจริง 1
  • สำหรับวันที่ 2 เราเลือกที่จะหยิบ "หิมาลัยไม่มีจริง" ของคุณนิ้วกลมมาอ่าน จากกองหนังสือทั้งหลายของเรา หนังสือเล่มนี้น่าจะออกมานานแล้ว และพอเห็นปกก็ชอบเลย รู้สึกว่าปกสวยมากก และเกิดความรู้สึกอยากอ่านขึ้นมา แต่ก็มีข้ออ้าง และเหตุผลต่างๆมากมาย ทำให้ไม่ได้อ่านเสียที

    เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดของวันนี้ รวมถึงอยากค่อยๆอ่านและค่อยซึมซับบรรยากาศ และการบรรยายของคุณนิ้วกลม วันนี้ก็เลยอ่านได้แค่ 61 หน้า ชื่อของตอนนี้จึงมีห้อยท้ายเลข 1 และคาดว่าจะยังคงอ่านเล่มนี้ต่อไปอีกซักพัก ไม่เปลี่ยนเล่ม

    เมื่อสมัยยังเรียนอยู่ น่าจะเคยเห็นทวิตหรือข้อความที่บอกว่า ตัวเขาเป็นคนที่อ่านทุกอย่างแม้กระทั่งคำนำ เราในตอนนั้นรู้สึกว่าเออ เท่ว่ะ ก็เลยเลียนแบบการอ่านทุกอย่าง ทุกตัวอักษรที่ไม่ว่าจะเป็น สำนักพิมพ์เขียน บรรณาธิการ คำนิยมต่างๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ซึ่งรู้สึกดีมากที่อ่าน หนังสือเล่มนี้ของคุณนิ้วกลม ทำให้เราอยากค่อยๆนั่งอ่าน ค่อยๆซึมซับ ค่อยๆตีความสารที่คุณนิ้วกลมต้องการจะสื่ออยู่ในแต่ละประโยค แต่ละคำ และแต่ละบท รวมถึงอยากจะบันทึกความรู้สึกที่ตัวเองรู้สึกหลังจากอ่านแต่ละบทแต่ละตอนของหนังสือเล่มนี้เอาไว้ เป็นความทรงจำ

    คำนิยม โดย พระไพศาล วิสาโล และ ดร.สรณรัชฏ์ กาญจนะวนิชย์

    ในส่วนของคำนิยม เป็นเหมือนคำบอกเล่าสิ่งที่ได้ และสิ่งที่ทั้งสองท่านเห็นจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ท่านหนึ่งในฐานะพระภิกษุ และท่านหนึ่งในฐานะผู้ที่มีความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับคำนิยมของ พระไพศาล วิสาโล เป็นเหมือนไกด์นำทางในการอ่านหนังสือเล่มนี้ และชี้ให้เห็นถึงความลุ่มลึกและความหมายของการเดินทางเพื่อ "รู้จักตัวเอง" ทำให้เราอยากอ่าน อยากรู้ว่าคุณนิ้วกลมเขียนบรรยายแต่ละพาร์ทของการเดินทางว่าอย่างไร? เขาซ่อนอะไรไว้ในการบรรยายผู้คน สภาพแวดล้อม และสิ่งที่เขาเจอ

    และในส่วนของคำนิยมของ ดร.สรณรัชฏ์ กาญจนะวนิชย์ ด้วยความเป็นดร. และน่าจะเป็นอาจารย์ สิ่งที่เขียนจึงมีทฤษฎี มีการวิเคราะห์ และมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแทรกเต็มไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่เขียนแล้วทำให้เราอยากอ่านหนังสือเล่มนี้มากขึ้น ก็คือการที่พูดถึงประเด็นของสิ่งแวดล้อมกับมนุษย์อย่างพวกเรา เป็นการเกริ่นนำประเด็นที่ชวนให้ขบคิด และตั้งคำถามแก่ตัวเองว่าตัวเองเป็นเช่นไร กำลังปฏิบัติตัวแบบไหนต่อโลกใบนี้อยู่กันแน่?

    จากผู้เขียนถึงผู้อ่าน

    เราคุ้นเคยกับคุณนิ้วกลมดี ในฐานะนักเขียนที่มีชื่อเสียง และรู้สึกว่าเคยอ่านหนังสือของคุณนิ้วกลมอยู่บ้าง แต่อาจจะเพราะช่วงวัยที่อ่าน หนังสือเหล่านั้นเลยผ่านสายตาเข้ามา และผ่านไป ไม่ได้หลงเหลือไว้ในความทรงจำ กลับเป็นเสียงของเขามากกว่าที่เราคุ้นเคย เพราะเราฟังพอดแคสต์ "ความสุขโดยสังเกต" ของเขา เพื่อหาสิ่งที่มาเยียวยาบาดแผลจากการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การอ่าน "จากผู้เขียนถึงผู้อ่าน" ทำให้เรียนรู้คุณนิ้วกลมมากขึ้น และได้เห็นลีลาการเขียนที่เมื่ออ่านไปแล้วรู้สึกชื่นชมเป็นบ้า เพราะยามที่เราอ่านงานของเขา เรารู้สึกลุ่มลึก เป็นสายน้ำนิ่งที่ชวนให้อยากรู้ อยากเข้าไป อยากลุ่มลึกได้เท่าลีลาการเขียนของเขา สิ่งที่เขาเขียนในหัวข้อนี้ที่สะดุดใจเราคือเรื่อง ตัวตนของเรา เขาเล่าถึงเรื่องที่ว่าเซลล์ของคนเราสลายและสร้างใหม่อยู่ตลอดเวลา และเราในวันนี้ไม่ใช่คนเดิมกับเราเมื่อ 9 ปีก่อนโดยสิ้นเชิง เราเองเคยอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้อยู่ จำได้ว่าชื่นชอบมากอยู่ช่วงนึง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่ได้ไปนึกถึงอีก แต่พอกลับมาอ่านเจอก็ยังรู้สึกชอบอยู่ดี เพราะมันทำให้เราได้เตือนตัวเองว่า "ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน" สิ่งที่เรามี และสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เรายึดถือ และสิ่งที่เราพยายามจะเป็นเจ้าของ สุดท้ายแล้ว ไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่มีอะไรที่คงทนถาวร สิ่งที่ฉันเขียนในวันนี้ ในกาลเวลาอันยาวนานข้างหน้า ก็อาจจะไม่มีหลงเหลืออยู่เลยซักตัวอักษร มันทำให้เราใจเย็นลง กับการพยายามเติบโต พยายามไขว่คว้าหาความก้าวหน้า เงินเดือนเยอะๆ ตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ แท้จริงแล้ว ระหว่างทางต่างหากที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าให้ละทิ้ง ไม่ทะเยอทะยานเลย แต่แค่รู้สึกว่า ระหว่างทางน่าจะสำคัญกว่ามั้ยนะ? แท้จริงแล้วมนุษย์เราไม่เคยพอ เราอยากมี เราอยากได้ และเมื่อไม่ได้ก็พยายามดิ้นรน ไขว่คว้า แล้วสิ่งที่มีอยู่ล่ะ? อะไรที่เรามี เราใช้เวลาชื่นชม ยินดีไปกับสิ่งที่เรามีอยู่มากพอรึยัง? 

    ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉันมีความสุขกับการดื่มด่ำชีวิตวัยหนุ่มสาวนี้ คงไม่เป็นอะไรถ้าจะโง่บ้าง ผิดพลาดบ้าง ล้มลุกคลุกคลานบ้าง และปล่อยให้ตัวเองเอาแต่ใจเสียบ้าง ผู้ใหญ่หลายคนที่ผ่านเข้ามาอ่านคงจะมีเถียงกับความคิดนีี้บ้างในใจ ด้วยวัยและการเติบโตมาในบริบท และสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ในวันข้างหน้า ฉันอาจจะกลับมาอ่านความคิดในวันนี้ของตัวเอง แล้วหัวเราะในความไร้เดียงสาของตัวเองก็เป็นได้ หรืออาจจะรู้สึกพอใจและสบายใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดและเชื่อในวันนี้ แต่อนาคตก็ยังเป็นอนาคต คำตอบคงจะมาถึงฉันไม่ช้าก็เร็ว ก็ได้แต่ยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองเลือกที่จะเชื่อและทำลงไป

    จบถึงแค่นี้ก่อนละกัน ยังมีอีกหลายบทที่อ่านไปแล้ว และมีเรื่องที่จะคิดจะเขียน แต่พอไปจมดิ่งอยู่กับแต่ละพาร์ทมากเกินไป มีเรื่องของตัวเองที่ตกผลึกได้เยอะแยะไปหมด ก็กลายเป็นว่าลืมไปแล้วว่าจะเขียนเกี่ยวกับแต่ละบทว่าอะไร สรุปก็เขียนแต่ความคิดตัวเองซะงั้น ซึ่งอ่านไป 61 หน้า ซึ่งเป็นแค่การเกริ่นนำ การเดินทางไปยังภูเขาหิมาลัย แต่ดันเขียนบันทึกได้แค่คำนำแค่นั้นเอง เอาไว้พรุ่งนี้จะค่อยๆอ่านบทที่ 1 ใหม่ แล้วย่อยแต่ละบทๆมาเป็นบันทึกละกัน ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเขียนยืดยาวขนาดนี้ แต่น่าจะเป็นเพราะด้วยเนื้อหา ที่ต้องใช้เวลาในการค่อยๆอ่าน ค่อยๆพิจารณา และตกผลึกความคิดออกมา ทำให้มู้ดและโทนของการบันทึกวันนี้กลายเป็นแบบนี้ไปซะงั้น

    สำหรับหนังสือเล่มนี้ รู้สึกว่าอยากหาวันหยุด ตื่นเช้ามานั่งเงียบๆทบทวนตัวเอง นั่งเหม่อละหยิบมาอ่าน เพราะรู้สึกว่าสมองน่าจะดำดิ่งไปในเนื้อหาได้มากกว่า แต่จริงๆหลังเลิกงานถึงบ้าน หยิบมาอ่านก็ได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อยแหละ เพียงแต่ความขี้เกียจจะมากกว่าไปเสียหน่อย 

    สรุปแล้ว เราชอบหนังสือเล่มนี้นะคะ ด้วยสไตล์ ด้วยมู้ด และเนื้อหา ถือว่าถูกจริตมาก อ่านแล้วก็เถียงไปด้วย ใส่ความเห็นตัวเองไปด้วย แต่ใช้พลังมากหน่อยในการอ่าน ก็เลยอ่านได้น้อย รู้สึกว่าเป็นการอ่านที่มีคุณภาพมากสำหรับวันนี้ 

    ไว้พบกันใหม่พรุ่งนี้ กับ Day 3 และหนังสือ "หิมาลัยไม่มีจริง" เช่นเดิมนะคะ

    YEONWAYS
    27/11/19


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in