นิดนก: เพราะจัดแบบค็อกเทลมันสบายใจกว่าไงคะคุณแม่ ใครจะกินตรงไหนก็กิน มาคนเดียวก็ไปหลบมุมกิน มาเป็นกลุ่มก็รวมหัวกิน แต่ก็อาจจะลำบากแขกผู้ใหญ่หน่อย เพราะมันเมื่อย แต่เดี๋ยวนี้แทบทุกงานที่จัดค็อกเทล ก็จัดโต๊ะแยกให้แขกผู้ใหญ่นั่งอยู่แล้วนะคะ อีกอย่าง ค็อกเทลมันจัดโดยประมาณการแขกที่จะมาแบบคร่าวๆ ได้ แต่ถ้าเป็นโต๊ะจีนมันเครียดกว่า มาถึงแล้วโต๊ะไม่พอก็โดนด่า โต๊ะเกินมาเยอะก็ไม่คุ้มขาดทุน ยากอ่ะค่ะคุณแม่

แม่แม่: ทำไมถึงอยากอยู่ก่อนแต่ง

นิดนก: ถ้าส่วนตัวคือไม่ได้อยากอยู่ก่อนแต่ง แบบสร้างเงื่อนไขว่าเราจะมาทดลองใช้ชีวิตกันกี่เดือนแล้วมีการประเมินผลอะไรแบบนั้นนะคะ แค่ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องแต่งแล้วค่อยมาอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง อีกอย่างการลองได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งวันมันก็ช่วยให้เราเห็นแง่มุมที่เราไม่เคยเห็นตอนเป็นแฟนกัน ดีเหมือนกันนะคะคุณแม่เผื่อว่าถ้ามันไม่ใช่จริงๆ แก้กันไม่ได้จริงๆ จะได้ไหวตัวทัน

แม่แม่: ทำไมแต่งงานแล้วต้องอยากแยกออกไปอยู่กันเองคะ

นิดนก: กลัวพ่อกับแม่หนวกหูตอนกลางคืนค่ะ (เสียงกรนไง เสียงกรน อย่าคิดไกล)

นิดนก: ถ้าจะมีลูกก็อยากมีบ้านค่ะ แต่ตอนนี้ยังอยู่กันสองคน ต้องไปทำงานในเมือง อยู่คอนโดสบายกว่าเยอะ เอาไว้จะมีลูกก็ไปอยู่บ้าน คอนโดก็ปล่อยเช่าไป ก็ไม่แย่นะคะคุณแม่

แม่แม่: ทำไมถึงมีลูกช้า หรือไม่ค่อยอยากมีลูกกันคะ บางทีก็รออุ้มหลานจนฟันหมดปาก

นิดนก: คือยังอยากเอาเงินและเวลาไปเที่ยวกันอยู่ค่ะคุณแม่ เนี่ย พูดยังไม่ทันขาดคำ เพจอาแปะก็แปะโปรฯ ใหม่อีกแล้ว (เข้าเว็บรัวๆ)

แม่แม่: ทำไมวันครบรอบต้องฉลองใหญ่โต 

นิดนก: เพราะเราจะไม่ค่อยรู้สึกผิดเวลาใช้เงินเยอะในวันพิเศษค่ะ แล้วส่วนใหญ่สามีมักจะตามใจในวันครบรอบ เลยต้องตักตวงโอกาสนี้ให้คุ้ม คุณแม่ๆ น่าจะลองดูนะคะ

แม่แม่: ทำไมต้องไปกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ

นิดนก: เพราะกินข้าวนอกบ้านไม่ต้องล้างจานเองค่ะ

นิดนก: ก็มันดูมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งดีออกนะคะ

นิดนก: ตอบแทนสามีนะคะ คือผัวอาจจะไม่ได้อยากให้เมียทำงานหนักก็ได้ค่ะ แต่เมียอยากทำเอง (ดูดีมั้ยคะ) ช่วยกันทำมาหากินสร้างรายได้ให้ครอบครัวค่ะแม่

แม่แม่: เดี๋ยวนี้ยังมีแบบขโมยเงินผัวอยู่มั้ย

นิดนก: ถามว่ามีตอนไหนไม่ขโมยดีกว่า (หมดกันความดีงามเมื่อครู่)

นิดนก: มีสมัยไหนที่ไม่ไปกันด้วยเหรอคะ หึ!!

นิดนก: คืองี้ค่ะคุณแม่ สมัยคุณแม่คือถ้าชอบก็จีบเลยใช่มั้ยคะ แค่การแอ๊วมันอยู่ก่อนถึงการจีบค่ะ เป็นช่วงทีเล่นทีจริง ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้คือกำไรชีวิต ส่วนมากจะใช้ในสถานการณ์ที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้กระทำ ฝ่ายชายถูกกระทำนะคะ เช่น คุณแม่ไปเดินสยามแล้วเจอเด็กหนุ่มม.ปลายหน้าตาจิ้มลิ้ม ก็สามารถเข้าไปแอ๊วได้ ด้วยการทำทีเป็นถามทางว่าสถาบันสอนพิเศษอยู่สยามซอยไหน ป้าจะไปรับลูก ถ้าไม่รบกวนพาป้าเดินไปหน่อยสิ อะไรแบบนี้ค่ะ (ตัดภาพไปแม่โดนตำรวจจับ ข้อหาทำอนาจารผู้เยาว์)

แม่แม่: เด็กรุ่นใหม่เวลาเจอพ่อแม่แฟนครั้งแรกทำตัวกันยังไง

นิดนก: ก็จะเพิ่มเลเวลความติ๋มและสุภาพขึ้นมาสามระดับ (แต่อาจจะต้องแจ้งแฟนก่อน ไม่งั้นแฟนอาจจะงง นึกว่าผีเข้า) จากนั้นก็ทำตัวเจ๊าะแจ๊ะ เอาอกเอาใจคุณพ่อคุณแม่หน่อย พยายามชวนคุยจนกว่าจะเจอเรื่องที่เราสนใจตรงกัน แต่ถ้าคุยจนหมดลมแล้วยังหาเรื่องนั้นไม่ได้ ก็หยิบมือถือออกมาเล่นเฟซบุ๊คแล้วค่ะ เท!


แม่แม่: แม่อยากรู้วิธีอ้อนผัวค่ะ

นิดนก: ขุ่นแม่อย่ามาซึน! ที่เห็นชงกาแฟ แล้วไปบีบนวดแข้งขา ทำหน้าง้องแง้ง สมัยนี้เขาเรียกว่าอ้อนแล้วค่ะ

ใครที่กำลังอยากลองใช้ชีวิตคู่ หรือคุณพ่อคุณแม่ที่อยากลองเข้าใจคู่รัก GEN Y ต้องไม่พลาดเรื่องราวประสบการณ์ตรงจากสาวอารมณ์ดีอย่าง ‘นิดนก’ ที่อาสาเล่าถึงชีวิตคู่หลังแต่งงานควงคู่มากับคุณสามีที่ดีกรีความกวนสมน้ำสมเนื้อสมกันซะเหลือเกิน