เราได้หนังสือเล่มนี้มาจากพี่คนหนึ่ง เขายื่นให้โดยเจาะจงเลยว่าเราต้องได้เล่มนี้ ณ ขณะนั้นเราดีใจที่ได้หนังสือกวีนิพนธ์มาประดับชั้นหนังสือเพิ่ม ก้มมองหน้าปกการันตีว่าพิมพ์ครั้งที่ ๑๔ อีกทั้งยังได้รับรางวัลกวีนิพนธ์ดีเด่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติด้วย คิดในใจ หนังสือเล่มนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ...แต่เรายังไม่อ่าน
เวลาผ่านล่วงไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ เราหยิบหนังสือเล่มนี้ติดกระเป๋าไปทำงานด้วย ใช้เวลาที่เปล่าเปลืองบนรถเมล์ยามเช้าอ่านเนื้อใน พลันก็รู้สึกว่าเป็นกวีนิพนธ์เกี่ยวกับความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา
เจ้าพลิกคว่ำครั้งแรกสี่เดือนเศษ สังเกตว่าลูกแม่เจ้าหนักร่าง
ชูคอ คอตั้งอยู่ ใบหูกาง ปากบางยิ้มอ้า ตาดำแวว
แล้วเริ่มนั่ง เริ่มคลาน เริ่มตั้งไข่ เคลื่นไหวพร้อมส่งเสียงแจ้วแจ้ว
เริ่มทอดย่างใกล้ใกล้ไปตามแนว เป็นดวงแก้วที่แม่หุ้มด้วยเปลือกไม้
.
.
.
เลี้ยงลูกเพื่อให้เจ้าเป็นลูก รู้ผิด รู้ถูก รู้ดีชั่ว
กับปู่ย่าตายายต้องเกรงกลัว รู้จักตัวว่าพ่อแม่เป็นผู้ใด
ข้าวปลาอาหารที่กินอยู่ ต้องรู้ว่าได้มาจากไหน
ฝึกให้คิดซ้ำซ้ำว่า ทำไม ทำไม เพื่อเติบใหญ่เจ้าจะได้ตอบทันที
ผู้เขียนคือ อาจารย์เตือนใจ บัวคลี่ ด้วยความที่เราอยากรู้ประวัติและเรื่องราวของท่านจึงลองค้นในกูเกิลดู เพราะปกติเวลาค้นประวัตินักเขียนท่านอื่นก็จะค้นเจอได้โดยสะดวกดาย แต่นั่นไม่ใช่กับประวัติของอาจารย์เตือนใจ ไม่เป็นไร พลิกหนังสือไปในหน้าสุดท้าย ก็พอจะมีคำพูดและเรื่องราวคร่าว ๆ ของอาจารย์ให้ได้อ่านบ้าง
'เด็กจะเกิดมาอย่างบริสุทธิิ์ได้นั้น ก็เพราะพ่อแม่บริสุทธิ์ กล่าวคือ มิใช่ด้วยความคะนอง ด้วยการลักลอบ ด้วยการล่อลวงข่มเหง'
'เราผลัดกันเล่านิทานให้ลูกฟังทุกคืน ของดิฉันมักท่องเป็นกลอนตลอดเรื่อง'
'ทุกคำใน "ปั้นมากับมือ" มันหลั่งไหลออกมาเอง ตั้งใจจะให้ลูกอ่านเมื่อโตขึ้น เป็นเพียงบันทึกของผู้หญิงคนหนึ่งที่จารหัวใจออกมา ถ่ายทอดความรู้สึกที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แจกแจงประสบการณ์ที่สะสมไว้อันเป็นเสมือนภาพเงาของตัวเอง ไม่ได้คิดเขียนเพื่อจะประกวด บางวรรคบางบทอาจจะตรงกับความรู้สึกของท่าน นั่นเพราะสายใยของดวงใจแม่ทุกดวงย่อมโยงประสานไปที่จุดเดียวกันคือ ลูก'
เราอ่านกวีนิพนธ์เล่มนี้ด้วยความเต็มตื้นในทุกหน้า บางบททำให้เรายิ้ม บางบททำให้เราซึม แต่ทุกบทล้วนทำให้เราคิดถึงแม่
ลูกของแม่เป็นนิสิต นักศึกษา ไกลหูไกลตาของพ่อแม่
เจ้าของหออาจจะช่วยดูแล ก็เพียงแต่ผิวเผิน ธรรมดา
ลูกอาจไปดูหนังกับเพื่อนรัก กลับเข้าหอพักห้าทุ่มกว่า
ลูกอาจไปซุกซนถึงพัทยา กลับทันเวลาปิดประตู
ลูกของแม่อาจไปได้ อาจไปเสีย กลายเป็นผัว เป็นเมีย ทั้งทั้งเรียนอยู่
พ่อแม่อยู่ไกลไหนจะรู้ ก็ยกก็ชูกันต่อไป
.
.
.
ลูกของแม่เป็นนิสิต นักศึกษา หวังว่ารักษ์ตัว - หน้าพ่อแม่ได้
เรื่องแบบนี้ปิดมิอยู่คนรู้นัย ความภูมิใจในตน ลูกเอ๋ย น้อยคนจะมี
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ๒๕๓๑ ปีถัดมาได้รับรางวัลกวีนิพนธ์ดีเด่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ผ่านมาเกือบ ๓๐ ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่พิสูจน์ได้ดีว่าหนังสือเล่มนี้ทำหน้าที่เป็นกวีนิพนธ์ร่วมสมัยอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ถ้อยคำของแม่ (เตือนใจ) นอกจากจะทำให้ลูก (เรา) ร้องไห้ได้แล้ว ยังทำให้แม่ (ของเรา) หวนระลึกถึงวันแรกที่ได้บรรจงปั้นเรามากับมือด้วยความรักและน้ำนม (แอบเห็นแม่น้ำตาซึมด้วยล่ะ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in