ฉันชอบอ่านบทกวี
โดยเฉพาะบทกวีที่ได้รับรางวัลใหญ่ ๆ
ฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไรบทกวีเหล่านั้นจึงโดดเด่นกว่างานชิ้นอื่นจนได้รับรางวัล ฉันชอบอ่านทรรศนะที่ปรากฏในนั้น วิธีการเล่าการใช้คำที่ไม่แปลกแต่แตกต่างจากกวีคนอื่น ๆ รวมถึงความรู้สึกที่ฉันได้รับเมื่ออ่านจบ
ยิ่งมีความรู้สึกร่วมมากเท่าไหร่ฉันยิ่งชอบงานชิ้นนั้น
“โลกในดวงตาข้าพเจ้า” ก็เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ฉันชอบ(มาก)
***************************************
จำได้ดีในวันแรกที่พลิกอ่านคำโปรยที่อยู่บนปกหลังฉันไม่ลังเลที่จะหยิบมันมาอ่านเนื้อหาข้างในทันที
“ แท้แล้วข้าพเจ้ามีสายตาที่ปกติแต่โลกใบนี้ต่างหากที่เบี้ยวบุบผิดรูปทรงไป ดูนั่นรถยนต์คันหนึ่งชนแมวจนกระเด็นตกลงไปข้างทาง เด็กวัยรุ่นไล่แทงอริ ข้าพเจ้าเห็นสงครามเห็นการเข่นฆ่ากันของเพื่อนรัก เห็นความอาฆาตมาดร้ายของมนุษย์เห็นความเกลียดชังกันอย่างถึงที่สุด ข้าพเจ้าหลับตาถอนหายใจ โลกทั้งโลกถูกบันทึกเอาไว้แนบแน่นในความทรงจำข้าพเจ้ามองหาเด็กน้อย ข้าพเจ้ามองหาดวงดาวบางดวงสุกก่ำอำไพเหนือฟากฟ้ามืดหม่น ข้าพเจ้าถอดแว่นล้างแล้วเช็ดด้วยผ้าสำลี คาดหวังเอาไว้ว่าเมื่อข้าพเจ้าสวมมันอีกครั้ง ข้าพเจ้าจักมองเห็นดอกไม้สักดอกหนึ่งบาน”
ไม่ธรรมดา ฉันคิด กวีนิพนธ์เล่มนี้ไม่ธรรมดา
การใช้ชีวิตของ “มนตรี ศรียงค์” ก็ไม่ธรรมดา
เขาเลี้ยงชีพด้วยการขายหมี่เป็ดที่บ้านเกิดมาเนิ่นนานและไม่ได้ออกไปไหน แต่เขากลับเห็นโลกได้ลึกซึ้งและกว้างไกลยิ่งกว่าใครบางคน (รวมถึงฉัน)
สิ่งที่เขาบรรจุไว้ในหนังสือเล่มนี้จึงมีทั้งชีวิต จิตวิญญาณ เพื่อนรัก ผู้คน สังคม หลายเรื่องที่เขาเล่าต่อยอดไปสู่ล้านความคิดที่ฉันมี
ฉันชอบหนังสือเล่มนี้
และตอนนี้ฉันกำลังสั่งซื้อ “โลกในดวงตาข้าพเจ้า”เพื่อเอามาอ่านอีกครั้งก่อนเก็บไว้บนชั้นหนังสือในหมวดหมู่ “หนังสือที่ฉันรักตลอดกาล”
จากปีสี่หกถึงสองห้า
สองทศวรรษผ่านมาเหมือนประเดี๋ยว
เราเติบโตและต่างมีทางเทียว
น่าเศร้าที่แพร่งเลี้ยวเราต่างกัน
บางครั้งความทรงจำก็ช่างเศร้า
เมื่อเม็ดน้ำร่วงเงาแต่ในฝัน
เราปล่อยวันหมุนล้อวันต่อวัน
คิดถึงฉันบ้างไหม? ฉันไม่รู้
พิสูจน์เส้นขอบฟ้าเบื้องหน้าโน่น
คลื่นจะโยนเรือบึ่งไปถึงไหน
การจ้วงแต่ละจ้ำบอกความไกล
เวิ้งว้างว่างไร้และไม่มี
เห็นแต่ภาพซากซ้ำซึ่งจำเจ
ทะเลเหมือนกับอยู่กับที่
ผ่านคืนผ่านวันเพื่อผ่านปี
โลกทะเลที่มีเพียงสีเดียว
พริบตาก็อีกทศวรรษ
พุทธศักราชผลัดกันมาย่ำ
จิริดจ้อยร่อยตาดำดำ
มองฟ้าค่ำเงียบเงียบเย็นเยียบใจ
มอดลงทีละนิดชีวิตเอย
ลามเลยรวดเร็วรุกไล่
อนิจจาเกิดมาเพื่อตายไป
เหมือนมอดไหม้บุหรี่หนอชีวิต
.
.
.
พริบตาอายุก็ลุวัย
สาระใดบ้างมีหนอชีวิต?
-----พิมพ์ครั้งที่ 7-----
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in