เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความเรียงล้านแปดOrraphansilp
ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7
  •               ฉันชอบอ่านบทกวี

                  โดยเฉพาะบทกวีที่ได้รับรางวัลใหญ่ ๆ

        ฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไรบทกวีเหล่านั้นจึงโดดเด่นกว่างานชิ้นอื่นจนได้รับรางวัล ฉันชอบอ่านทรรศนะที่ปรากฏในนั้น วิธีการเล่าการใช้คำที่ไม่แปลกแต่แตกต่างจากกวีคนอื่น ๆ รวมถึงความรู้สึกที่ฉันได้รับเมื่ออ่านจบ

                ยิ่งมีความรู้สึกร่วมมากเท่าไหร่ฉันยิ่งชอบงานชิ้นนั้น

                “โลกในดวงตาข้าพเจ้า” ก็เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ฉันชอบ(มาก)

                ***************************************

                จำได้ดีในวันแรกที่พลิกอ่านคำโปรยที่อยู่บนปกหลังฉันไม่ลังเลที่จะหยิบมันมาอ่านเนื้อหาข้างในทันที

                “ แท้แล้วข้าพเจ้ามีสายตาที่ปกติแต่โลกใบนี้ต่างหากที่เบี้ยวบุบผิดรูปทรงไป ดูนั่นรถยนต์คันหนึ่งชนแมวจนกระเด็นตกลงไปข้างทาง เด็กวัยรุ่นไล่แทงอริ ข้าพเจ้าเห็นสงครามเห็นการเข่นฆ่ากันของเพื่อนรัก เห็นความอาฆาตมาดร้ายของมนุษย์เห็นความเกลียดชังกันอย่างถึงที่สุด ข้าพเจ้าหลับตาถอนหายใจ โลกทั้งโลกถูกบันทึกเอาไว้แนบแน่นในความทรงจำข้าพเจ้ามองหาเด็กน้อย ข้าพเจ้ามองหาดวงดาวบางดวงสุกก่ำอำไพเหนือฟากฟ้ามืดหม่น ข้าพเจ้าถอดแว่นล้างแล้วเช็ดด้วยผ้าสำลี คาดหวังเอาไว้ว่าเมื่อข้าพเจ้าสวมมันอีกครั้ง ข้าพเจ้าจักมองเห็นดอกไม้สักดอกหนึ่งบาน”

                ไม่ธรรมดา ฉันคิด กวีนิพนธ์เล่มนี้ไม่ธรรมดา

                การใช้ชีวิตของ “มนตรี ศรียงค์” ก็ไม่ธรรมดา

                เขาเลี้ยงชีพด้วยการขายหมี่เป็ดที่บ้านเกิดมาเนิ่นนานและไม่ได้ออกไปไหน แต่เขากลับเห็นโลกได้ลึกซึ้งและกว้างไกลยิ่งกว่าใครบางคน (รวมถึงฉัน)  

                สิ่งที่เขาบรรจุไว้ในหนังสือเล่มนี้จึงมีทั้งชีวิต จิตวิญญาณ เพื่อนรัก ผู้คน สังคม หลายเรื่องที่เขาเล่าต่อยอดไปสู่ล้านความคิดที่ฉันมี

                ฉันชอบหนังสือเล่มนี้

                และตอนนี้ฉันกำลังสั่งซื้อ “โลกในดวงตาข้าพเจ้า”เพื่อเอามาอ่านอีกครั้งก่อนเก็บไว้บนชั้นหนังสือในหมวดหมู่ “หนังสือที่ฉันรักตลอดกาล”

    จากปีสี่หกถึงสองห้า

    สองทศวรรษผ่านมาเหมือนประเดี๋ยว

    เราเติบโตและต่างมีทางเทียว

    น่าเศร้าที่แพร่งเลี้ยวเราต่างกัน

    บางครั้งความทรงจำก็ช่างเศร้า

    เมื่อเม็ดน้ำร่วงเงาแต่ในฝัน

    เราปล่อยวันหมุนล้อวันต่อวัน

    คิดถึงฉันบ้างไหม? ฉันไม่รู้

     

    พิสูจน์เส้นขอบฟ้าเบื้องหน้าโน่น

    คลื่นจะโยนเรือบึ่งไปถึงไหน

    การจ้วงแต่ละจ้ำบอกความไกล

    เวิ้งว้างว่างไร้และไม่มี

    เห็นแต่ภาพซากซ้ำซึ่งจำเจ

    ทะเลเหมือนกับอยู่กับที่

    ผ่านคืนผ่านวันเพื่อผ่านปี

    โลกทะเลที่มีเพียงสีเดียว

     

                พริบตาก็อีกทศวรรษ

    พุทธศักราชผลัดกันมาย่ำ

    จิริดจ้อยร่อยตาดำดำ

    มองฟ้าค่ำเงียบเงียบเย็นเยียบใจ

    มอดลงทีละนิดชีวิตเอย

    ลามเลยรวดเร็วรุกไล่

    อนิจจาเกิดมาเพื่อตายไป

    เหมือนมอดไหม้บุหรี่หนอชีวิต

    .

    .

    .

    พริบตาอายุก็ลุวัย

    สาระใดบ้างมีหนอชีวิต?


    -----พิมพ์ครั้งที่ 7-----

     

     

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in