เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
L.Wilson's Childhoodwallflowerblu
#191970


  • 2004


    ลีวานอายุครบ 8 ขวบ ในคืนวันคริสมาสต์อีฟ


    ต่อให้เขาเสพความสุขมามากเท่าไหร่จากโลกภายนอก เมื่อปิดประตูบ้านสีครึ้มลง ทุกอย่างรวมถึงโลกทั้งใบของเขากลับดูไร้สีสัน ราวไม่เคยถูกเก็บเกี่ยวสิ่งสุขใจมาก่อน กรอบรูปประกอบใบหน้าเปื้อนยิ้มจากทั้ง คน ที่เคยวางบนชั้นอย่างภาคภูมิใจถูกเก็บลงกล่องกระดาษ แทบแยกไม่ออกว่ามันกลายเป็นความผิดพลาดและต้องเก็บกวาดให้หายไปเสีย, ตั้งแต่เมื่อไหร่ บนพื้นมีเอกสารนับไม่ถ้วนกองรวมกัน หนึ่งในกล่องกระดาษ เผยรูปวัยเด็กของเขาเด็กชายลีวานอายุครบ 5 ขวบ สวมหมวกบีนนี่สีน้ำเงิน ในมือถือตุ๊กตา spongebob ตัวโปรดหมิ่นเหม่ จำความได้ว่าหลังกดชัตเตอร์มันก็หล่นลงพื้นอย่างเอาแต่ใจ เขาเคยถามพี่สาวอยู่หนหนึ่งว่าทำไมตอนนั้นถึงทำหน้าตาหน้าเกลียด และก็ได้คำตอบว่าเป็นเพราะคุณตาถ่าย แต่ไม่ได้ทุกข์ทนถึงขั้นลอบมองมันไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าคราวนี้แม่กำลังทุกข์ทนจนถึงขั้นมีไว้ครอบครองไม่ได้หรือเปล่า

     


    ลีวานนึกสงสัยค่ำคืนเคล้าเสียงหัวเราะของพ่อและแม่รวมถึงพี่สาวถกเถียงกันเกี่ยวกับซีรี่ส์ที่กำลังดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้นห้องครัวที่อบอวลไปด้วยกลิ่นแป้งอเนกประสงค์ เสียงฮึมเบา ๆ ของเตาอบก่อนวันคริสต์มาสอีฟเสียงดังตึงตังของเครื่องปิ้งขนมปังในเช้าวันจันทร์ ขวดแยมโฮมเมดรสส้มถูกหยิบออกมาจากตู้เย็น เทละเลียดบนแผ่นขนมปังโฮลวีทแห้งกรัง ทุกคนดูเร่งรีบกับกิจกรรมยามเช้าเหลือเกิน ไม่มีใครใจเย็นมากพอจะสร้างศิลปะบนหน้าขนมปัง ช่วงที่เราไขว่คว้าความสุขใส่ตัวโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจเหล่านั้น รวมถึงกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ ไร้ซึ่งความใส่ใจหากแต่ไม่ได้รู้สึกแตกแยกเพียงเพราะเห็นหน้ากันและกันเป็นปรกติยามเช้า เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านเข้ามา และฝังอยู่ในความทรงจำบางแห่ง ในซอกหลืบหนึ่งที่เราสามารถค้นพบลีวานนึกสงสัยซ้ำ ๆ ในตอนนั้นก็มีความสุขดีไม่ใช่หรือ ยกเว้นเช้าวันหนึ่งที่พ่อกำลังช่วงชิมผิวสัมผัสของอาหารเช้าอย่างไม่เคยเป็นเขานั่งกัดขนมปังปิ้งกับเบค่อนแห้ง ๆ ชวนเลี่ยนเป็นคนสุดท้าย พร้อมชุดทำงานสีสุภาพสวมเนคไทสีเทาเข้มที่บรรจงผูกอย่างเคย, น่าแปลกแต่ไม่มีใครทักท้วงพ่อสักคน รวมถึงลีวานในวัย 7 ขวบ

     


    แคนนิสกลับมาจากที่ทำงานคืนหนึ่ง, ฤดูใบไม้ผลิที่พ่อไม่อยู่กับเราแล้ว ถึงทุกคนจะก่นด่าเรื่องเขาทำตัวเสเพลหรือไม่มีความรับผิดชอบซ้ำซากแค่ไหน พอสร้างรูปประโยคเหล่านั้นจบห้วงลึกในใจก็กลืนกินคำพูดสบประมาทกลับเข้าไปคืนทั้งหมด เหลือไว้เพียงความอาลัยอาวรณ์แสดงผ่านทางสีหน้าต่อความหวังที่จาเมสเคยเป็นให้ครอบครัวอยู่ครั้งหนึ่ง, เพียงเท่านั้น

     


    สำหรับลีวานเขาไม่เคยรู้เลยว่าความรู้สึกที่แท้จริงของพ่อคืออย่างไหน จาเมสปรับตัวเก่งเสมอรอยยิ้มยามขบขันคงถูกซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิดเมื่อเขาหันหลัง จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่านะ จนกระทั่งลีวานอายุ 15 ปี เดินทางไปรัฐใกล้ๆ เพื่อจัดการบัญชีธนาคาร คำอธิษฐานของลีวานไม่เคยเกิดขึ้นใกล้เคียงความเป็นจริง รวมถึงบ่ายวันนั้นเช่นกัน จาเมสปรากฎตัวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นเรื่องน่าประหลาดใจและสุ่มเสี่ยงเกินกว่าลีวานจะปรับตัวรับไหว 



    ผู้หญิงผมบลอนด์ข้างๆ เขาช่างสวยเหลือเกิน

     



    ลีวานจงใจวิ่งออกไปให้ไกลจากพื้นที่เรดโซน ตำแหน่งนั้นอันตรายเกินกว่าจะเป็นผู้ชม เขารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอวัยวะข้างในได้รับแรงกระทบกระเทือนจากการวิ่งกระหอบกระหืด ลมหายใจถี่เร็วและแรงขึ้น เมื่อทอดน่องเหยียบย่ำผ้าใบคู่เก่งเสียดสีบนพื้นคอนกรีตครั้งแล้วครั้งเล่า ลีวานอยากจะอ้วกเสียตรงนั้น, แต่ทำไม่ได้

     


    แคนนิสเป็นคนประเภทจัดการอะไรด้วยตัวเองเป็นหลักมาแต่ไหนแต่ไรรวมถึงลูก ๆ ทั้งสอง การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตามสิทธิ์เลี้ยงดูลูกพึงได้รับมอบตามกฎหมายไม่ใช่เรื่องยากเข็ญเกินกว่าความสามารถ กิจวัตรประจำวันดำเนินไปอย่างที่เคยเป็น ยกเว้นการตอบคำถามของลีวานบนโต๊ะอาหารมื้อเช้า หากเพิกเฉยและคิดว่าเขาจะหลงลืมระหว่างเดินทางไปโรงเรียนหรือลืมสิ้นในคาบสอนวิชาโปรดความคิดนั้นผิดมหันต์ กลับกลายเป็นว่ามันพอกพูนอยู่ในหัวของลีวาน ราวความกังวลวิ่งเป็นวงกลมคล้ายในหัวเป็นภาชนะและสิ่งที่วิ่งวนนั้นคือของเหลวขุ่นมัวไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นสิ่งอื่น จนกว่าจะถูกเปลี่ยนภาชนะ

                                                                                                                                                                                                                                                                                     


    ไม่อย่างนั้น, คำถามเดิมก็ยังถูกยกประเด็นซ้ำในเวลาย่ำรุ่งของมื้อดินเนอร์เช่นเดิม

     

     


    ทุกๆ ปีช่วงซัมเมอร์คงเป็นวันพักผ่อนของครอบครัว ลีลีฟมักจะเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่า นึกอิจฉาเพื่อนสนิทสองคนทั้งเมแกนและเชลลี่ต่างมุ่งหน้าสู่มหานครเป็นหลัก ครอบครัวของเชลลี่แวะเยี่ยมคุณป้าเลงเกอร์ที่อาศัยอยู่ปารีสบ่อยครั้ง เมแกนก็ไปเยี่ยมคุณตาที่รัฐมิชิแกน ส่วนกิจวัตรประจำซัมเมอร์ของทุกปีสำหรับครอบครัววิลสันออกจะน่าเบื่อพอตัว ทันทีที่ย่างก้าวขึ้นรถ ลีลีฟก็สวมบทบาทเงียบขรึม ปิดกั้นราวไม่เป็นตัวเอง หากเทียบกับลีวานเขาเป็นเหมือนนักสำรวจมือสมัครเล่น เขามักจะตื่นเต้นกับการเดินทางอยู่เสมอ ลีวานเคยบอกเหตุผลข้อนั้นให้พี่สาวของตนกระจ่างอยู่หนหนึ่งใจความว่า มีลุงคนโปรดรออยู่

     


    ที่บ้านคุณยายเมอร์สวิลรีส ฟลอเรนซ์ แสงแดดยามบ่ายเริ่มเบี่ยงไปทางสวนหน้าบ้าน เลนส์แว่นใสหนาเตอะถูกขยับให้มั่นคงระหว่างกึ่งกลางใบหน้าท่าทีใจเย็นของคุณยายเป็นอิริยาบถปรกติที่ลีวานพอจะวางตัวได้ง่าย และมีเวลาทักทายทุกคนในบ้านคุณตา, คุณยาย, คุณน้า ไล่เรียงมาจนถึงบุคคลผู้เป็นที่รักของเขา

     


    ลุงแฟรงค์” ลีวานเอ่ยทักเสียงดัง พลันวิ่งหอบกระเป๋ากระโจนโอบกอดเต็มแรงอย่างลืมตัว

     


    สิ่งเดียวที่ทำให้เขาใจเต้นแรงคือความรู้สึกที่มีต่อลุงแฟรงค์ท่วมท้น มากกว่าคนเป็นพ่อมากเสียจนประมาณไม่ถูก ส่วนหนึ่งของลีวานลุงแฟรงค์นับเป็นความภาคภูมิใจในชีวิต นับรวมเค้าโครงหน้าที่เอนเอียงไปทางแม่ของเขาเสริมให้ภาพลักษณ์ส่วนนั้นคลับคล้ายลุงอยู่บ้าง ความเห็นอกเห็นใจกันบางครั้งก็สอนให้ลีวานตระหนักถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง อย่างการได้เป็นฝ่ายรับจากลุงแฟรงค์ตามโอกาสเป็นครั้งคราว นิสัยของเขาไม่ใกล้เคียงกับลีวานเลยสักนิด ลุงแฟรงค์เป็นคนจริงจัง วางแผนเป็นลำดับไล่เรียงจนถึงขั้นสุดท้ายอย่างควรจะเป็น และปฏิบัติถี่ถ้วนโดยไร้ความบกพร่อง เขามีความคิดคุกกรุ่นอยู่ในหัวทั้งวันทั้งคืน ต่อจากนั้นก็จะลงมือทำมันจนสำเร็จเสมอไม่วันใดก็วันหนึ่ง

     


    อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราเข้าขากันได้ดีคงเป็นความแตกต่างจากคนส่วนหนึ่งในบ้าน พูดให้ถูกคือเป็นความแปลกแยกที่เรามีเหมือนกัน ความคิดของเราช่างต่างเรื่องราว ทว่าเมื่อบอกเล่ามุมมองผ่านน้ำเสียงแหบแห้งของลุงผสมกับความจริงใจ ตอบรับด้วยความตั้งใจของลีวาน เราทั้งคู่กลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกันเสียก่อนเทียนมื้อค่ำจะถูกจุดรู้ตัวอีกทีลีวานก็รอให้ซัมเมอร์ที่กำลังห่างไกลออกไปถดถอยเข้ามาอย่างใจจดใจจ่ออยู่ครึ่งค่อนเดือน

     


    ลุงแฟรงค์เคยเล่าช่วงทุกข์ทมให้ฟังอยู่สองหนครั้งแรกเป็นตอนที่เขาลาออกจากโรงเรียนเพราะผิดใจกับอาจารย์อาวุโสท่านหนึ่ง ครั้งที่สองเป็นตอนที่ต้องนอนฟังว่าเสียงของคุณยายจะละเมอร้องขึ้นมาเมื่อไหร่ แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโรงพยาบาลเสมอ ราวกับทั้งสองจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งเมื่อไม่มีอย่างไหนให้เลือก เขาเพียงต้องทำตัวเองให้แข็งแรงและรักษาใจให้เข้มแข็ง และถึงแม้เปียโนคู่ใจจะเยียวยาจิตใจบอบช้ำของเขาได้ไม่เคยเท่าเดิมสักครั้ง เขายังจำใจละเลงนิ้วลงบนคีย์บอร์ดต่อไป เพื่อหวังว่าสักวันอะไร ๆ จะดีขึ้นเหมือนอย่างเก่า ลุงแฟรงค์หัวเราะกลบเกลื่อน ลีวานรู้สึกได้ สายตาเขาดูเหม่อลอย ว่างเปล่า เขาบอกอย่างนั้น มันรู้สึกอย่างนั้นเสมอในความแน่วแน่ว่าจะต้องมีสักอย่างเปลี่ยนแปลง

     


    โลกไม่มีที่ให้คนอย่างเราหรอกนะลีวานคนที่พยายามอย่างหนักเพื่อไขว่คว้าอะไรบางอย่างสุดท้ายก็จะถูกกลบด้วยความว่างเปล่า — ลีวานรู้ตัวดีว่าเขากำลังจะร้องไห้อีกครั้ง ขอบตาร้อนผ่าวเขารู้สึกแสบผิวบริเวณปลายจมูก และถูกตีกลับความเจ็บปวดขึ้นมาตามเส้นประสาทให้นึกโมโหเล่นถึงความอ่อนแอ หยดน้ำสีใสเอ่อท่วมดวงตา บดบังทัศนียภาพด้วยความรู้สึกแสบร้อน ก่อนร่วงหล่นลงบนพื้นห้องเนื้อตัวสั่นเทิ้มอย่างน่าละอาย ไร้ซึ่งเสียงเล็ดลอดผ่านลำคอ ตรงกันข้ามกับผนังสีขาวดูผิวเผินเหมือนมีแค่รอยขรุขระล้อมรอบตัวเขา หากเพ่งมองให้ถี่ถ้วนกลับพบว่ามันเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า

     

     


    ตอนนี้มันว่างเปล่าเสียยิ่งกว่าอะไร 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in