— II —
fermata
to pause
*
เจ็ตแล็กเล่นงานอีริคในตอนเช้าวันต่อมา
ทีแรกนั้น อีริคบอกแฮงค์ไว้ว่าไม่ต้องเผื่อวันไว้หรอก แต่หลังจากที่ลืมตาตื่นมาตอนเที่ยงวันแต่ก็ยังเหนื่อยเหมือนไม่ได้นอนมาเลยทั้งคืน…อีริคก็รู้ชัดทันทีว่าตนประมาทเกินไปจนน่าหัวเราะและดีแค่ไหนแล้วแฮงค์ไม่ยอมเชื่อเขาแล้วเว้นวันนี้ไว้ให้ว่างเปล่าจากการนัดหมายใด ชายหนุ่มหยัดตัวขึ้นนั่งบนเตียง ผ้าห่มและเครื่องนอนทั้งหมดให้สัมผัสนุ่มๆ ที่เกิดจากอายุการใช้งานมากกว่าคุณภาพของตัวมันเอง…ซึ่งถึงจะบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ของใหม่เอี่ยม แต่อีริคกลับรู้สึกชอบมันมากกว่าผ้าห่มสีสะอาดจนเข้าขั้นเย็นชาตามโรงแรม
ผ้าม่านที่ปิดหน้าต่างไว้นั้นหนาพอตัว แต่ก็แดดยามเที่ยงวันก็ส่องลอดผ่านมาได้มากพอที่จะทำให้เขาเห็นได้สบายๆ ว่าห้องนี้โดนล้อมรอบไว้ด้วยชั้นหนังสือ…รายละเอียดที่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเมื่อคืนถูกมองอย่างละเอียดในนาทีนี้ หนังสือบนชั้นนั้นมีสารพัดแนว…ตำราวิทยาศาสตร์หนาหนักไปจนถึงหนังสือนิยายปกอ่อนที่โดนอ่านจนสันยับเป็นรอยยาว และนั่นก็ทำให้อีริคสงสัยปนขันๆ ขึ้นมาว่าชาร์ลส์ เซเวียร์ได้มีเวลาพักผ่อนบ้างไหม
เมื่อพูดถึงเจ้าของอพาร์ตเมนต์นี้ขึ้นมา อีริคก็นึกขอบคุณสวรรค์อีกเป็นรอบที่เกินร้อย…ตามนิสัยระมัดระวังของเขา ชายหนุ่มมักจะคาดการณ์ถึงสิ่งที่แย่ที่สุดเอาไว้ก่อนเสมอ นั่นจึงทำให้ตอนที่ได้พูดคุยกับชาร์ลส์ เซเวียร์ในที่สุดหลังจากที่ได้ฟังแค่ชื่ออีกฝ่ายจากปากแฮงค์มาตลอด…อีริคก็โล่งใจเสียยิ่งกว่าอะไรที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นอะไรที่เขากลัวไว้เลยว่าจะเจอ เห็นได้ชัดว่าชาร์ลส์ไม่ได้ต้องการจะให้พวกเขาทำตัวเป็นเพื่อนสนิทสุดซี้อะไรในช่วงเวลาเจ็ดวันนี้…ชายหนุ่มผมดำปฏิบัติตัวอย่างคนมีอัธยาศัย แต่ก็ไม่ก้าวก่ายอะไรหรือบังคับให้เขาต้องพูดคุยเกินความต้องการของตัวเอง และแค่นั้นก็ดีเกินพอแล้วสำหรับอีริค
ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้อาบน้ำแต่งตัว แล้วพอเริ่มรู้สึกอะไรชัดเจน…อีริคก็พบว่าตัวเองกำลังหิวขนาดหนัก
ชาร์ลส์บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าให้เขาใช้ครัวได้ตามสบาย แต่ความตระหนกเข้าขั้นพรั่นพรึงก็เริ่มเกาะกุมจิตใจของอีริคเรื่อยๆ เมื่อเขาเปิดตู้และลิ้นชักทุกชั้นในครัวแล้วไม่พบอะไรที่เรียกได้ว่าของกินมากไปกว่าใบชา กาแฟ กับพวกเครื่องปรุงเล็กๆ น้อยๆ เลย ความพรั่นพรึงที่ได้รับการยืนยันเมื่อความหวังสุดท้ายโดนทำลายลง…ในตู้เย็นมีแค่แกลลอนนมสดกับแซนด์วิชที่โดนกินไปแล้วครึ่งนึง
ไม่ต้องพูดถึงเจ็ตแล็กด้วยซ้ำ…เขาประมาทมากเกินไปตั้งแต่ตอนที่แฮงค์พูดว่า ‘อาหารกล่อง’ แล้ว…
โชคดีที่อพาร์ตเมนต์นี้ไม่ได้เก็บเสียงสักเท่าไหร่ ทำให้เสียงเพลงแจ๊ซและเสียงพูดของชาร์ลส์เป็นที่ได้ยินออกมาจากห้องทำงานที่ปิดประตูสนิทของเจ้าตัว อีริคเคาะบานไม้แล้วก็เปิดมันเข้าไปเมื่อคนในห้องร้องบอกมาว่าให้เข้ามาได้เลย
ถ้าห้องที่เขานอนมีหนังสือเยอะแล้ว ห้องนี้คงเรียกได้ว่าสร้างมาจากหนังสือล้วนๆ…ผนังทุกด้านโดนบดบังไว้ด้วยชั้นหนังสือที่แน่นขนัดไปด้วยตำรา ปึกกระดาษ นิตยสารเก่า ไปจนถึงสมุดโน้ต โต๊ะทำงานตัวใหญ่ยักษ์ของชาร์ลส์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง แทบไม่มีที่ว่างด้วยกองหนังสือที่ทั้งปิดและเปิดกางอยู่ อีริคคิดว่าตัวเองเห็นถ้วยเซรามิกสามใบวางอยู่บนโต๊ะ…และยังไม่นับตรงตามมุมอื่นๆ ของห้อง
“หวัดดี” ชาร์ลส์ดูสดชื่นเสียยิ่งกว่าแสงแดดทั้งๆ ที่ผมยุ่งนิดๆ และเสื้อยับย่นไปหมดแล้วจากการนั่ง “ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะปลุกนายดีไหม เพราะเดี๋ยวฉันมีสอนตอนบ่ายสามน่ะ”
อีริคพยักหน้าตอบ และเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้มันนุ่มนวลกว่านี้…เขาเลยได้แต่เอ่ยออกไปตรงๆ “ในครัวนาย…มันไม่มีอะไรเลยนะ”
“อะ อ๋อ…ใช่…” ชาร์ลส์ชะงักไป วงหน้าสีน้ำนมขึ้นสีเรื่อทันควันพร้อมๆ กับถ้อยคำตะกุกตะกัก “เอ่อ…ปกติฉัน ง่า…ไม่ค่อยได้ทำอะไรในนั้นเท่าไหร่…”
อีริคคิดว่ามันช่างน่าหัวเราะปนร้องไห้เสียจริงที่เรื่องชวนกระอักกระอ่วนใจเรื่องแรกที่เขาได้พบเจอในนิวยอร์กคือการที่ตนย้ำเตือนเจ้าของที่พักของตัวเองให้ได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีฝีมือในการทำอาหารแค่ไหน
“เอางี้ดีกว่า” เห็นได้ชัดว่าชาร์ลส์ เซเวียร์ไม่เคยจนมุมได้นาน เพราะชายหนุ่มผมดำกลับมาขยับยิ้มใหม่อีกครั้ง ลุกขึ้นยืนพลางจัดๆ เสื้อผ้าของตัวเอง “ขอเวลาฉันสักยี่สิบนาที แล้วเดี๋ยวเราออกไปหาอะไรกินกัน ดีมั้ย?”
อีริคพยักหน้า ก่อนจะถามง่ายๆ “ขอฉันดูซีดีนายได้มั้ย? จะไม่จับอะไรอย่างอื่นเลย…ได้รึเปล่า?”
ชาร์ลส์ชะงักเป็นรอบที่สอง และครั้งนี้เจ้าตัวทำเสียงแบบสำลักอากาศค่อกแค่กเบาๆ เสียด้วย อีริคกลั้นยิ้มบางๆ ของตัวเองเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงพึมพำสบถถึงแฮงค์เบาๆ ระหว่างที่ชาร์ลส์เดินสวนออกไปจากห้องหลังพยักหน้าแล้ว
ขัดกับเพลงแจ๊ซที่ให้กลิ่นอายเก่าๆ…เครื่องเล่นเพลงของชาร์ลส์คือวิทยุดิจิตอลที่แค่หน้าตาก็บอกแล้วว่าราคาต้องแพงไม่ใช่เล่น แผ่นซีดีอยู่ทั้งในที่วางเล็กๆ และกองซ้อนกันบนชั้นหนังสือ…บอกให้รู้ว่าคนเป็นเจ้าของคงหยิบเข้าหยิบออกและจัดวางพวกมันแค่ตามความสะดวกของตัวเองเท่านั้น
กองซีดีของชาร์ลส์ประกอบด้วยเพลงแจ๊ซกับเพลงประกอบภาพยนตร์ซะเป็นส่วนใหญ่(สตาร์เทรคกับลอร์ดออฟเดอะริงส์…เนิร์ด) ซึ่งถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ควรน่าแปลกใจและไม่ใช่ครั้งแรก แต่อีริคก็อดรู้สึกตลกๆ ไม่ได้อยู่ดี เพราะแผ่นซีดีที่เขามีไปจนถึงเพลงในมือถือ…ทุกเพลงนั้นล้วนแต่เป็นเพลงคลาสสิคแทบทั้งสิ้น
มิน่าล่ะ แฮงค์ถึงเสนอให้มาพักที่นี่…เพราะมั่นใจได้แน่นอนว่าชาร์ลส์ เซเวียร์ไม่มีทางตื่นเต้นอะไรกับเขาเลย
และก็เป็นอีกครั้งของวันที่อีริครู้สึกทึ่งในความฉลาดรอบคอบของแฮงค์ แมคคอย
ชาร์ลส์ส่งเสียงเรียกเขาในอีกยี่สิบนาทีตามที่บอกไว้…และในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าจางกับสูทแจ็ตเก็ตผ้าทวีดสีเทาอ่อน อีริคก็ยิ่งรู้สึกกว่าเดิมว่าชาร์ลส์ เซเวียร์เหมือนเกิดมาพร้อมมาดในการเป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่รสนิยมเสื้อผ้าแล้ว
คาเฟ่ที่ชาร์ลส์เลือกเข้าไปหอมกรุ่นด้วยกลิ่นอาหารร้อนๆ…และคงเพราะพ้นช่วงวุ่นวายไปแล้ว อาหารที่สั่งจึงไม่ได้ใช้เวลานานนักในการมาถึง ซึ่งถ้าให้ตัดสินจากการที่ชาร์ลส์เองก็ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารอย่างเดียวเหมือนกัน…อีริคก็คิดว่าอีกฝ่ายเองก็คงหิวไม่แพ้กันกับเขา แค่คงไม่ได้รู้สึกเพราะมัวแต่ทำงานเพลิน
เพราะยังเหลือเวลา ทั้งคู่เลยสั่งเครื่องดื่มมาจิบปิดท้ายมื้อ…แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่บทสนทนาเป็นชิ้นเป็นอันได้เริ่มขึ้น
“แล้ว…” ชาร์ลส์ยกช้อนขึ้นมาจากการคนชาในถ้วย “นายจะแสดงเพลงอะไรเหรอ? กับวงของแฮงค์น่ะ”
อีริคส่ายหน้าก่อนจิบเอสเพรสโซของตัวเอง “ยังไม่ได้ตกลงเลย…นี่แหละที่ต้องคุยกัน เพราะฉันคิดว่าเป็นคอนแชร์โตได้ก็ดี แต่เหมือนปีที่แล้ว ทางวงเขาแสดงคอนแชร์โตไปแล้ว…ปีนี้เขาเลยอยากให้เป็นซิมโฟนีกันมากกว่า”
นี่นับได้ว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เขาเคยได้คุยกับชาร์ลส์มา ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูประหลาดใจเล็กน้อยเองเหมือนกันที่ได้ฟัง…แต่ก็ยิ้มให้พร้อมพูดตอบมาในที่สุด “ถ้าแสดงช่วงปีใหม่ เป็นซิมโฟนีก็น่าจะดีนะ…ดูเป็นการส่งท้ายปีที่อลังการดี”
อีริคส่งเสียงฮึมฮัมแบบไม่ผูกมัดอะไร ก่อนจะถามตามมารยาทบ้างถึงหน้าที่การงานของอีกฝ่าย
เขาเดินกลับอพาร์ตเมนต์คนเดียว และก็เห็นได้ชัดว่าเอสเพรสโซที่กินไปไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เลย…เพราะการงีบบนโซฟาที่อีริคตั้งใจว่าจะนานแค่ไม่กี่นาทีกลับกลายเป็นลากยาวมาจนถึงหัวค่ำ เขาลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับท้องฟ้าสีเข้มนอกหน้าต่าง…สังเกตตอนที่หยัดตัวขึ้นมานั่งนั่นเองว่ามีคนเอาผ้าห่มมาคลุมให้ คนที่ตอนนี้คงกลับมาจากชั้นเรียนและอยู่ในห้องทำงานของตัวเองแล้ว…ตัดสินจากเพลงแจ๊ซอัลบั้มเดิมที่ดังแผ่วๆ ออกมา
อีริคลุกขึ้นแล้วขยี้ตา เดินไปทางครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ก่อนจะได้เห็นโพสต์อิทสีเหลืองสดที่ติดอยู่หน้าตู้เย็น…บอกให้รู้ว่าเจ้าของอพาร์ตเมนต์ได้ซื้ออาหารมาให้เขาเป็นมื้อเย็นอยู่ในนั้น
วันที่สองในนิวยอร์กของอีริคจบลงด้วยการอุ่นพาสต้าในไมโครเวฟแล้วล้างถ้วยชาที่ชาร์ลส์ เซเวียร์ลืมทิ้งไว้บนเคาเตอร์ให้อีกฝ่ายไปพร้อมๆ กับจานที่เขาใช้หลังกินเสร็จแล้ว
tbc.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in