— I —
obbligato
to indicate that an instrument has a special role and is essential
*
“ขอร้องล่ะชาร์ลส์ แค่เจ็ดวันเท่านั้นเอง”
เจ้าของชื่อหรือชาร์ลส์ เซเวียร์ถอนหายใจ แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าตนไม่เคยบอกปฏิเสธคำขอร้องของคนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนได้…โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นน้องจากสมัยไฮสคูลที่ปกติแสนจะเกรงอกเกรงใจเขาอย่างแฮงค์ แมคคอย
แค่เพียงแต่ว่าครั้งนี้…คำขอร้องมันค่อนข้างจะใหญ่เอาการเท่านั้นเอง
ตอนแรกที่ทุกคนได้ฟังข่าวนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องทำหน้าประหลาดใจหรือคิดไปว่าตัวเองโดนล้อเล่น…เพราะไม่ค่อยมีใครรู้นักว่าแฮงค์มีความสามารถในการเล่นไวโอลิน งานอดิเรกที่สุดท้ายก็กลับกลายมาเป็นทางเลือกหลักที่หนุ่มน้อยตัดสินใจเดินแทนการศึกษาในคณะสายวิทยาศาสตร์อย่างที่หลายๆ คนมั่นใจว่าแฮงค์ต้องเลือก
แน่นอนว่ามีคนติงอยู่ไม่ใช่น้อย แต่กาลเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของแฮงค์…เพราะในช่วงเวลาไม่กี่ปี ชายหนุ่มก็ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ซึ่งพอเสริมมาด้วยตำแหน่งผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของวงนิวยอร์กฟิลฮาโมนิกออเคสตร้าแล้ว…ก็ไม่มีใครเถียงได้อีกต่อไปว่าแฮงค์ แมคคอยควรเลือกทำงานวิจัยในห้องแล็บมากกว่า
แต่นั่นไม่ใช่ทางเลือกของชาร์ลส์เลย…เขารู้ตัวมาตลอดว่าไม่มีอะไรที่ตนจะทำได้ดีมากไปกว่าการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์อีกแล้ว และการตระหนักรู้นี้ก็พาให้ชายหนุ่มผ่านชั้นเรียนในระดับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด การเขียนธีสิส การทำงานวิจัย และจำนวนชั่วโมงมากมายของการอ่านหนังสือจนดึกดื่น…ความทุ่มเทที่มอบผลตอบแทนมาในรูปของชื่อตำแหน่งปัจจุบัน ศาสตราจารย์ผู้สอนวิชาประสาทวิทยาประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกลางกรุงนิวยอร์กแห่งนี้
และด้วยหน้าที่การงานนี่เอง ที่ทำให้ชาร์ลส์ตัดสินใจเช่าอพาร์ตเมนต์ขนาดสำหรับสองคนอยู่เพื่อให้ตัวเองมีพื้นที่ในการเก็บเหล่าตำราและเอกสารที่มากขึ้น
พื้นที่ที่ตอนนี้…แฮงค์กำลังขอร้องให้เขาใช้ประโยชน์มันในทางอื่นด้วย
“แค่เจ็ดวันจริงๆ…สาบานเลย” เพราะชาร์ลส์ยังไม่ตอบอะไร หนุ่มรุ่นน้องจึงยังไม่หยุดขอร้อง พยายามบอกเพิ่มเติมให้เขาสบายใจ “ฉันเป็นคนจัดการตั๋วเครื่องบินขากลับของเขาเอง แล้วฉันก็เห็นตารางงานเขาแล้วด้วย…เขาต้องเตรียมไปซ้อมงานแสดงต่อที่เวียนนา เพราะงั้นอยู่นิวยอร์กนานเกินเจ็ดวันไม่ได้แน่ๆ”
ชาร์ลส์ถอนหายใจ…มันคงเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ง่ายมากกว่านี้ถ้า ‘เขา’ ที่แฮงค์พูดถึงเป็นคนที่ชาร์ลส์คุ้นเคยด้วย แต่โชคไม่ดีนักที่ ‘เขา’ ในที่นี้คืออีริค เลนเชอร์ บุคคลที่ชาร์ลส์เพิ่งเคยได้ยินชื่อเอาก็วันนี้นี่เองตามประสาคนไม่ค่อยฟังเพลงคลาสสิค…ตามที่แฮงค์เล่ามา อีริค เลนเชอร์คือวาทยกรผู้มีฝีมือเฉียบขาดสวนทางกับอายุเพียงยี่สิบเก้าปี และโดยปกติแล้ว เลนเชอร์จะแสดงอยู่แค่ในแถบยุโรปเท่านั้น จึงนับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากที่นิวยอร์กฟิลฮาโมนิกออเคสตร้าติดต่อจนอีกฝ่ายยอมตกลงมาร่วมงานด้วย เพียงแค่ปัญหาก็คือ…เลนเชอร์เปลี่ยนใจมาตกลงเอาตอนนาทีสุดท้าย ทำให้การหาที่พักกลางเมืองให้อีกฝ่ายเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
ไม่มีทางเกิดขึ้นได้…จนกระทั่งสมาชิกอายุน้อยที่สุดของวงนึกขึ้นมาได้ว่าตนมีรุ่นพี่ผู้อาศัยตามลำพังอยู่ในอพาร์ตเมนต์สำหรับสองคน
“สรุปก็คือ…นายกำลังคิดจะให้ฉันเอาใครก็ไม่รู้มาอยู่ด้วยเจ็ดวันเต็มๆ” ชาร์ลส์ถอนหายใจตอนสรุปความ หรี่ตามองแฮงค์นิดๆ อย่างอดหงุดหงิดไม่ได้ “ถ้านายไม่ได้สังเกตนะแฮงค์…อพาร์ตเมนต์นี้มันอพาร์ตเมนต์ของฉันนะ นายไม่คิดหน่อยเหรอว่าฉันควรจะเป็นคนเสนอเองมากกว่า…ถ้าฉันอยากเสนอน่ะนะ”
ชาร์ลส์ยังใจดีพอที่จะไม่พูดต่อว่า ซึ่งในกรณีนี้ ฉันไม่ได้อยากไง เพราะสีหน้าหงอยๆ ปนรู้สึกผิดของแฮงค์ทำให้เขาใจอ่อนยวบขึ้นมาเบาๆ
“ฉันขอโทษจริงๆ ชาร์ลส์…ฉันรู้ว่านี่มันไม่โอเคเลย” หนุ่มแว่นก้มหน้าพึมพำ “แต่ฉันไม่รู้จะขอร้องใครแล้ว…แล้วทุกคนในวงก็อยากจะร่วมงานกับเลนเชอร์มาก และมันก็งี่เง่ามากจริงๆ ถ้าเราจะไม่ได้ทำงานกับเขาแค่เพราะเราหาที่พักให้เขามาคุยงานไม่ได้”
ชาร์ลส์ถอนหายใจ แฮงค์บอกแล้วว่าอีริค เลนเชอร์คงไม่ได้ทำอะไรในอพาร์ตเมนต์ของชาร์ลส์มากกว่ากลับมานอนพักตอนกลางคืน จึงไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำในการจะต้องทำความรู้จักหรือพูดคุยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจขึ้นเลย…เพราะตอนที่รู้ว่าตนกำลังอาจจะต้องมีคนมาอยู่ด้วยนี่เองที่ทำให้ชาร์ลส์ตระหนักขึ้นมาได้ว่าตนหวงความเป็นส่วนตัวและมีรายละเอียดจุกจิกในการใช้ชีวิตคนเดียวมากแค่ไหน
“สมมุตินะ ต่อให้ฉันยอมให้เลนเชอร์มาอยู่ด้วย…สมมุติ” ชาร์ลส์เน้นเสียงซ้ำเมื่อเห็นว่าแฮงค์ตาเป็นประกาย “เขาอาจจะย้ายออกตั้งแต่วันแรกๆ เลยก็ได้ เพราะนายก็รู้…อพาร์ตเมนต์ฉันเป็นไง” เขายกมือขึ้นมานับนิ้ว “มีกระดาษทุกที่ มีหนังสือทุกที่ ห้ามขยับอะไรทั้งนั้น ฉันอาจลืมถ้วยกาแฟถ้วยชาไว้ได้ทุกมุมหรือลืมล้างพวกมัน ฉันชอบพูดคนเดียวเวลาทำงาน เขาจะได้กินแค่อาหารกล่อง แล้วก็—”
“ง่า…ฉันรู้…” แฮงค์ทำหน้าลำบากใจ “แล้วฉันก็จะบอกมิสเตอร์เลนเชอร์ทุกอย่างเลยว่านายโอเคและไม่โอเคกับอะไร ถ้านาย…เอ่อ…ถ้าสมมุติว่านายยอมตกลงให้เขาอยู่ด้วยน่ะนะ…”
ชาร์ลส์ถอนหายใจออกมาดังๆ พร้อมกลอกตา รู้สึกขึ้นมาชอบกลว่าตนกำลังกุมชะตาของสัมพันธภาพทางด้านดนตรีระหว่างประเทศอเมริกาและเยอรมนีไว้ในมือ
ให้ตายเถอะ บางครั้งเขาก็ไม่ควรสนับสนุนไอเดียของสันติภาพโลกขนาดนี้เลย
**
ถึงชาร์ลส์จะไม่ได้อยากตกปากรับคำกับแฮงค์มากนัก แต่เมื่อเอ่ยตกลงออกไปเองแล้ว…เขาก็ไม่ใช่คนไม่มีมารยาทหรือไม่รักษาคำพูดของตัวเอง นั่นจึงทำให้วันที่หนุ่มแว่นบอกไว้ว่าเป็นวันที่เลนเชอร์จะมาถึงนิวยอร์ก…ชาร์ลส์ก็เก็บอพาร์ตเมนต์ให้ไม่รกไปด้วยกองกระดาษกับตำราและต้มชาไว้แล้วตอนที่แฮงค์โทรมาบอกว่าอีกสักพักคงจะถึงแล้ว
เมื่อสิ่งเดียวที่เหลือให้ทำคือการรอ…ชาร์ลส์จึงนั่งลงตรงโซฟา เพิ่งมาตระหนักได้ตอนนั้นเองว่าตนไม่เคยคิดถึงหรือแม้แต่หารูปในกูเกิ้ลเลยว่าอีริค เลนเชอร์จะมีมาดอย่างไร คำว่าวาทยกรทำให้ชาร์ลส์บอกตัวเองไว้ก่อนเลยว่ามีสิทธิ์ที่อีกฝ่ายจะมีอีโก้สูงทะลุเพดาน และรสนิยมสไตล์ชาวยุโรปก็อาจจะเข้ากันไม่ได้เลยกับชาวนิวยอร์กผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตที่อังกฤษอย่างชาร์ลส์…ความคิดที่ทำให้เขารีบบอกตัวเองให้หยุดคิด
กังวลไปก็เท่านั้น เพราะยังไงอีริค เลนเชอร์ก็จะมาอยู่ที่นี่แน่ๆ แล้ว…
เสียงออดตรงหน้าประตูดังขึ้น ชาร์ลส์คุยกับแฮงค์ผ่านลำโพงเล็กน้อยก่อนจะกดเปิดประตูหน้าด้านล่าง แล้วเมื่อช่วงเวลาที่นานพอสำหรับให้ลิฟต์เดินทางขึ้นมาถึงชั้นห้าจบลง…กริ่งหน้าห้องก็ถูกกด
ชาร์ลส์สูดลมหายใจลึกๆ…จัดๆ คาดิแกนสีน้ำเงินของตัวเองเล็กน้อยขณะที่เดินไปเปิดประตู
แฮงค์ทักทายกับเขาสั้นๆ ก่อนจะขยับออกไปจากทางสายตาเล็กน้อยเพื่อแนะนำ “ชาร์ลส์…นี่อีริคนะ อีริค เลนเชอร์”
คงเพราะภาพปกติของวาทยกรในหัวชาร์ลส์มีแค่บุคคลผู้ใส่แต่ทักซิโด เขาจึงรู้สึกปรับความคิดไม่ค่อยทันชอบกลตอนได้เห็นอีกฝ่าย…อีริค เลนเชอร์อยู่ในชุดสบายๆ ติดจะลำลอง แจ็คเก็ตหนังทับเสื้อคอเต่าสีดำสนิท และแทนที่จะมีกระเป๋าลากราคาแพงใดๆ…เจ้าตัวกลับมีแค่ดัฟเฟิลแบ็คสีเข้มใบเดียวพาดมาบนไหล่ ดวงตาสีเทาสงบนิ่งเหมือนน้ำเสียงตอนเอ่ยทัก
“หวัดดี” มือเรียวยาวจับกับมือที่ยื่นออกไปของเขาตามมารยาท ส่ายหน้าเล็กน้อยตอนที่ชาร์ลส์ทักเจ้าตัวด้วยนามสกุล “เรียกผมว่าอีริคก็พอ”
แค่แว่บแรกที่ได้พบกัน ชาร์ลส์ก็รู้สึกได้แล้วว่าอีริค เลนเชอร์กับความเงียบคงเป็นของคู่กัน แต่สำหรับเขาแล้ว…ความเงียบนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใดๆ อย่างที่น่าจะเป็น และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มผมดำรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย…เพราะอย่างน้อยก็เป็นสัญญาณอันดีว่าในอีกเจ็ดวันข้างหน้า เขาจะไม่ต้องสรรหาบทสนทนามาทำลายความเงียบอันหนักอึ้งใดๆ
ชาร์ลส์บอกออกไปว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้อีกฝ่ายเรียกตนด้วยชื่อต้นเช่นเดียวกัน ก่อนจะเชิญให้ทั้งสองเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ กลิ่นสดชื่นของเอิร์ลเกรย์อวลขึ้นเมื่อชาร์ลส์เทชาใส่ถ้วย แฮงค์ยังคงประหม่าอยู่ในช่วงแรกๆ ของบทสนทนา เพราะเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวยังคงกังวลอยู่ว่าชาร์ลส์กับอีริคจะโอเคกับกันและกันไหม แต่เมื่อบรรยากาศไม่ได้เลวร้ายหรือส่อไปทางมาคุ หนุ่มแว่นก็ดูสบายใจและเริ่มต้นพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
เนื่องจากว่าอพาร์ตเมนต์ของชาร์ลส์มีรูปแบบของห้องรับแขกที่อยู่ตรงกลางแล้วห้องย่อยๆ อื่นๆ แยกไปจากตรงนี้ เขาจึงแค่สามารถจะชี้ประตูบานต่างๆ ที่กั้นแต่ละห้องแล้วบอกอีริคได้เลย เว้นไว้ก็แต่ครัวที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับห้องรับแขกแต่แค่แยกตัวออกไปเล็กน้อย
“ก็ประมาณนี้แหละ…อ๋อใช่ ห้องนั้นคือห้องทำงานของผมนะ” ชาร์ลส์ไปทางห้องตรงมุมที่ปิดประตูไว้ ก่อนจะยิ้มเกร็งๆ เล็กน้อยตอนเอ่ยคำ “ถ้าเป็นไปได้ ช่วย…เอ่อ…อย่าเข้าไปขยับอะไรในนั้นเลยทีนะ หรือถ้าจะทำอะไร ยังไงก็ช่วยบอกผมก่อนนะ”
“ได้เลย” อีริคพยักหน้า ไม่มีร่องรอยเคืองใจอะไร “แฮงค์บอกผมแล้วล่ะ คุณสบายใจได้”
ชาร์ลส์ไม่ต้องต้มชากาที่สองเพราะหนุ่มแว่นบอกขึ้นมาว่าตนกับอีริคมีนัดต่อ ชาร์ลส์แอบนับถือความสามารถในการเอาชนะเจ็ตแล็กของชายหนุ่มผมน้ำตาลอยู่ในใจตอนกล่าวลา แล้วก็วางถ้วยและกาชาทั้งชุดไว้ในอ่างล้างจาน…ก่อนจะลืมมันไปเสียสนิทตอนที่ปิดประตูห้องทำงานแล้วเริ่มลงมือตรวจรายงานของเหล่านักศึกษาที่ตนสอนอยู่
เป็นเวลาราวๆ สามทุ่มนั่นเองที่ชาร์ลส์ได้ยินเสียงประตูหน้าห้องเปิดออกและลงกลอนเบาๆ…หัวใจโลดขึ้นอย่างแตกตื่นในแว่บแรก ก่อนจะสงบลงมาเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้อาศัยอยู่คนเดียวแล้ว
ชาร์ลส์ออกมาที่ห้องครัวอีกครั้งตอนห้าทุ่มเศษๆ…ประตูห้องนอนสำหรับรับแขกปิดสนิทและไม่มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้บานไม้ไปแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้…เพราะเสียงกุกกักนอกห้องทำงานของเขาเงียบหายไปตั้งแต่สี่สิบห้านาทีแรกหลังจากที่อีริคกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์ ชาร์ลส์เดินไปตรงครัว ชั่งใจว่าตนจะดื่มอะไรร้อนๆ ก่อนนอนดีไหม…ก่อนจะยืนนิ่งกับที่เมื่อเห็นอ่างล้างจานของตัวเอง
กาชาและถ้วยเซรามิกสามใบที่อยู่ในนั้นหายไปแล้ว…พวกมันถูกล้างจนสะอาดและผึ่งจนแห้งสนิทแล้วอยู่บนตะแกรงข้างอ่าง
และแว่บนั้นเอง…เสียงทุ้มๆ เรียบนิ่งก็ดังขึ้นใหม่ในหัว
“แฮงค์บอกผมแล้วล่ะ คุณสบายใจได้”
ชาร์ลส์ยกมือขึ้นมาปิดหน้าทันทีเพื่อปิดเสียงครางอย่างอับอายของตัวเอง สบถในใจพร้อมอยากเขกหัวแฮงค์ขึ้นมาทันควันกับความละเอียดลออในการเล่าถึงตัวเขาให้อีริค เลนเชอร์ฟัง
tbc.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in