ความรู้สึกที่เราอาจไม่ได้ตระหนักถึงการมีอยู่ แต่มันกลับปรากฎในทุกๆห้วงของอารมณ์ ความรัก ความเศร้า ความปรารถนา ความขุ่นเคือง คลุมเครือ เปรียบเทียบความนามธรรรมเหล่านี้ ถ่ายทอดผ่านสิ่งที่เรียกว่า "แรงโน้มถ่วง (Gravity)" แรงบางเบาที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวเรา แม้มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่มีอยู่จริง 

"แรงโน้มถ่วง (Gravity)" จึงเป็นสิ่งที่วง NELL หลงใหล และย้ำคิดย้ำทำกับมันมาตลอดในช่วงปี  2012-2014 พวกเขาเฝ้าสังเกตการณ์ ค้นหาแง่มุม พลิกซ้าย มองขวา จนตกผลึก กลายมาเป็นคอนเซปของอัลบั้มไตรภาค กับการปล่อยผลงานเพลงเป็นซีรี่ย์ ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ที่วงไม่เคยทำมาก่อน โดยแบ่งออกเป็นมินิอัลบั้มย่อยใน 2 ชุดแรก และขมวดรวมเพลงทั้งหมด บรรจุไว้ในอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ของเซทอัลบั้มไตรภาค อันเป็นบทสรุปของใจความทั้งหมด

Holding onto Gravity Album Teaser

Holding onto Gravity

หาก Gravity แทนอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านั้น อีพีอัลบั้มชุดแรกของเซทอัลบั้มไตรภาคแรงโน้มถ่วง (Gravity Trilogy) นี้ คงแสดงออกถึงการพยายามไขว่คว้า หาที่พึ่งพิง ยึดจับแรงที่มองไม่เห็นนั้นไว้อย่างแนบแน่น แรงโน้มถ่วงอันเป็นเพียงแรงเดียวที่ยึดเราไว้กับโลกใบนี้ ในทางกายภาพ ไม่ให้ล่องลอย ไร้น้ำหนัก ในทางจิตใจ ไม่ให้เคว้งคว้าง โดดเดี่ยว  มันจึงถูกแสดงออกมาในรูปแบบของความโหยหา รวมถึงการยึดติดในความสัมพันธ์ 

ซึ่งเพลงที่จะให้รายละเอียดในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้น Holding onto Gravity เพลงใน track 03 ที่มีชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม Holding onto Gravity อีพีอัลบั้มชุดแรกของเซท ที่ปล่อยออกมาในปี 2012 ซึ่งถือว่าเป็นอีพีอัลบั้มชุดแรกของวง NELL หากไม่นับพวก Special edit มาพร้อมกับงานอาร์ทเวิร์คปกอัลบั้มที่สวยมากกกกก เป็นภาพของดวงจันทร์ที่ค่อยๆแตกสลาย เหมือนถูกธานอสดีดนิ้วใส่ยังไงยังงั้น 

Holding onto Gravity เป็นหนึ่งในเพลงของ NELL ที่มีเนื้อร้องสวยมากๆ การเปรียบเปรยแรงดึงดูดของโลกกับความรู้สึกที่ยึดติดไว้กับใครคนหนึ่ง ต่อให้หลีกหนีอย่างไรก็คงไม่พ้น เพราะทุกๆอย่างในเราจะถูกดึงดูดเข้าหาเขาหรือเธอเสมอ เหมือนกับแรงดึงดูดของโลกที่ยึดวัตถุไม่ให้ลอยเคว้ง เหมือนกับความสัมพันธ์ที่ยังอยู่ในวงโคจรของกันและกัน ฟังผาดเผินอาจเหมือนเพลงรักหวานชื่น แต่แท้ที่จริง มันคือการยึดติดในความสัมพันธ์เก่า ที่ไม่ว่าจะพยายามก้าวข้ามไปแค่ไหน ก็ได้แต่วนกลับมาที่เดิม ไม่มูฟออน

 

นอกจากจะเป็นเนื้อเพลงที่ลึกซึ้งในแง่ของอารมณ์ความรู้สึกแล้ว มันยังจับเซ้นส์ในแง่ของความเป็นไซไฟและหลักการทางวิทยาศาสตร์ ของสิ่งที่เรียกว่า "แรงโน้มถ่วง (Gravity)" ใส่ไว้ในเพลงรักได้อย่างประณีต ละเอียดลอออย่างที่สุด การเล่นคำที่ทำให้ความเศร้าดูหยาดเยิ้ม มีเสน่ห์ ทำให้ความโรแมนติกฟุ้งกระจายไปตลอดทั้งเพลง กับประโยคเปรียบเทียบในคำร้อง 

กับแนวแนวคิดความเป็นวิทยาศาตร์ที่สอดรับกับเนื้อเพลง ซึ่งคนแต่งอาจจะไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้นก็ได้ แต่มันดันลงล็อคพอดิบพอดี จากแนวคิดที่ว่า น้ำหนักเกิดขึ้นได้เพราะมีแรงดึงดูดระหว่างมวล น้ำหนักของวัตถุบนโลก จึงเกิดจากแรงดึงดูดของโลกที่กระทำต่อมวลวัตถุนั้นๆ นั่นก็คือแรงโน้มถ่วงนั่นเอง 

มันจึงเป็นเพลงที่ซ่อนแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ใส่ไว้ในเพลงรักได้อย่างละเมียดละไมจนน่ามหัศจรรย์ แสดงถึงความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกันระหว่าง มวล / น้ำหนัก / แรงโน้มถ่วง เปรียบเทียบกับ หัวใจ / น้ำตา / ความเศร้า เพลง Holding onto Gravity จึงเป็นเพลงของ NELL ที่โดดเด่นมากๆ ในแง่ของการสร้างคอนเทนต์และธีมเพลง มีเนื้อหาใจความที่แข็งแรง แถมยังเก็บรายละเอียดของเนื้อเพลงได้เนี้ยบสุดๆ ฉลาด ลึกซึ้ง และสวยงาม 

NELL : Holding onto Gravity @ CHRISTMAS IN NELL'S ROOM 2013

นอกจากมิติของเนื้อเพลงที่สุดล้ำแล้ว มิติของดนตรีในเพลงนี้ก็ดีงามไม่แพ้กัน เป็นเพลงที่มีโครงสร้างและการเรียบเรียงที่เหนือชั้น ความผ่อนหนักผ่อนเบาทำให้มันยิ่งน่าหลงใหล เปิดด้วยความหวานของเสียงเปียโน ความเหงาของเสียงเชลโล่ และความหวานขมของเสียงร้อง ปูทางชูไปสู่ท่อนฮุค กับดนตรีที่กลมกล่อม เสียงร้องหนักแน่น เมโลดี้เพลงติดหู สโลปลงที่ท่อนบริดจ์ ซึ่งเป็นพาร์ทที่เราชอบมากกก คือเพลงมันผ่อนลงเฉยเลย แถมเป็นจังหวะหยอกเย้า นุ่มๆ ยิ่งฟังเสียงร้องของคิมจงวาน (นักร้องนำและผู้แต่งเพลงทั้งหมดของ NELL) รวมกับคำแปลในท่อนนี้ แทบจะไหล มันดูพริ้มพราย นุ่มนวล ชวนเคลิ้ม เป็นสุดยอดของท่อนบริดจ์ที่โคตรจะมีเสน่ห์ 

NELL : Holding onto Gravity @ NELL'S SEASON 2015 'Beautiful day'

และเพลงนี้ยังถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ในเวอร์ชั่นที่เพราะมากๆ ความเชื่อมช้ายิ่งทำให้ความเหงาเด่นชัด แถมยังละมุนละไมมากขึ้นกับท่อนโซโล่เปียโนที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งวงเล่นครั้งแรกในคอนเสิร์ตอะคูสติก NELL'S SEASON 2015 'Beautiful day' นับแต่นั้น NELL ก็เล่นเพลงนี้ในเวอร์ชั่นที่เรียบเรียงเป็นอะคูสติกเรื่อยมา และยังถูกทำเป็น official track บรรจุไว้ใน อีพีอัลบั้ม "행복했으면 좋겠어" (I wish you happiness) อัลบั้ม re-arrange ของปี 2018 ในแทร็คที่ 7 จนออริจินอลเวอร์ชั่นกลายเป็นความแรร์ไปแล้ว 

  

ทั้งๆที่คอนเซปชัด และอวยมาขนาดนี้ เพลง Holding onto Gravity กลับไม่ใช่เพลงโปรโมทของอีพีอัลบั้ม Holding onto Gravity เพราะดันไปพ่ายแพ้ให้กับ 백야 (White Night) เพลงที่มีความป็อปมากๆๆ  เป็นป็อปขั้นสุดของ NELL ในความรู้สึกเราเลย แต่ถึงอย่างนั้น เนื้อหาของ White Night ก็เด็ดขาดในความเป็นโรแมนติกไซไฟอีกเช่นกัน บอกเล่าการโหยหาคนรักหลังการเลิกรา ผ่านปรากฏการณ์ยามค่ำคืน เป็น space & time ในเพลงรัก ที่ละเลียดไปกับช่วงเวลาที่เคลื่อนผ่าน 

NELL : Holding onto Gravity @ NELL'S SEASON 2018 'Home'

ช่วงปี 2012 จึงเป็นปีที่ครึกครื้นและเติมเต็มจิตใจมากๆ สำหรับเรา เพราะเป็นปีที่วงดนตรีที่รักกลับมาออกอัลบั้มเพลงอีกครั้ง (NELL : Slip Away / Slip one's memory) แถมยังออกแบบหัวปีท้ายปียาวเป็นซีรี่ย์จนถึงปี 2014 เป็นยุคที่มีความสุขมาก เห่อเพลงเก่ายังไม่ทันไร เพลงใหม่ออกอีกแล้ว รักเอเนจี้ความขยันของวงช่วงนั้น (ซึ่งมีแค่ช่วงเดียว;) เหมือนอัดอั้นกับเวลา 4 ปีที่ไม่ได้ออกผลงานเพลง ได้แต่สะสมวัตถุดิบทางดนตรีและความคิด พอกลับมาก็จัดแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ ให้แฟนเพลงได้ชื่นใจไปตามๆกัน

NELL : Holding onto Gravity @ NELL'S SEASON 2018 'HOME'

และการที่ NELL แบ่งเพลงออกเป็นอัลบั้มย่อย ก็เพื่อที่จะให้ทุกๆเพลง ออกไปสู่คนฟังด้วยน้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน ไม่เพียงเฉพาะแต่ title track เท่านั้น ซึ่งอีพีอัลบั้ม Holding onto Gravity นี้มีเพียง 4 เพลง มันจึงเป็น 4 เพลงที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่แข็งแรงมาก บทบรรเลงกีตาร์ชวนเหงาและเสียง ambient ใน Coin Seller ส่งถึง space & time ใน White Night ไปสู่มวลและน้ำหนักใน Holding onto Gravity และจบด้วยความซึมๆเทาๆ ในเพลง Blue เป็นความเวิ้งว้างไซไฟในแบบของ NELL ส่งให้อัลบั้มนี้โดดเด่นมาก ๆ ในแง่ของคอนเซปเพลงและรายละเอียดที่ผ่านการคิดมาอย่างลงตัว

แม้กระทั่งปกอัลบั้มรูปดวงจันทร์ อันเป็นสัญลักษณ์ที่ขับเน้นความหมายของ "แรงโน้มถ่วง (Gravity)" ได้อย่างชัดเจน แรงดึงดูดของโลกที่สามารถดึงดูดดาวบริวารเพียงดวงเดียวดวงนี้ ให้โคจรอยู่รอบตัวมันเองได้ แม้ในคราวที่เราไม่สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้ด้วยตาเปล่าในตอนกลางวัน แต่มันก็ยังคงโคจรอยู่รอบโลกของเรา ไม่หายไปไหน