เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Grey Zoneunnderbar__
NELL : COLORS IN BLACK / Colors of NELL

  • 3 ปีผ่านไป และแล้วสิ่งนี้ก็เกิดขึ้น

    Full Album ของวงที่รักมากๆ


    NELL

    "COLORS IN BLACK"


    หลังจากลีลามานานตั้งแต่ช่วงต้นปี ที่ทางวงเคยออกมาเปรยๆ ว่าจะปล่อยอัลบั้มเดือนมีนาคม ตอนนั้นก็คิดในใจ คุณหลอกดาวแน่ๆ ไม่มีทาง ยังไงก็ไม่ทัน จนแล้วจนรอด ก็คือไม่รอดตามระเบียบ จนพูดแก้ข่าวอีกครั้งเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นว่า ขอเลื่อนไปครึ่งปีหลังก็แล้วกัน ซึ่งเรนจ์กว้างมาก ฮ่าาาาา พูดไว้กันวืดสุดๆ จนเมื่อล่วงเลยมาถึงเดือนตุลาคม ช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง


    วง NELL เริ่มปล่อยความเคลื่อนไหวของอัลบั้มใหม่นี้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2019  โดยปล่อยเป็นโค๊ดสี พร้อม Hashtag ที่เหมือนเป็นการบอกใบ้ลายแทงอะไรสักอย่าง ปล่อยวันละสามโทนสี รวมทั้งหมด 3 วันติดกัน และในวันที่ 30 กันยายน ก็ปล่อยเป็นโค๊ดสีดำ #000000 พร้อมปกอัลบั้มที่ประกาศชื่ออย่างเป็นทางการ 


    "COLORS IN BLACK"


    #Shuffle #184b63 - #124 #355c7d - #Saok #6c5b7b  
    #June #c06c84 - #SectionWar #f67280 - #Mirror #f8b195  
    #Fast #594f4f - #Karma #547980 - #Water #45ada8

    ซึ่งวงก็ได้มาเฉลยในภายหลังว่า Hashtag นี้คือชื่อไฟล์เพลงตอนที่ยังเป็นเดโม่อยู่ แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็ตั้งๆไป โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย saok ก็ไม่ได้หมายความถึงอะไรเลย ตอนที่เรารู้ครั้งแรกคือแบบนี้ก็ได้หรอ ช็อค ฮ่าาๆๆ คือเป็นแค่ชื่อไฟล์ แล้วดันปล่อยพร้อมทีเซอร์ให้มันดูมีซัมติงไปอีก แฟนเพลงเขาก็เก็บเอาไปแกะกันหัวจะระเบิด แล้วก็มาคิดว่า เอออ นี่มัน NELL นี่เนอะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว - - 


    และก่อนหน้าที่จะมีการปล่อยตัวอย่างของ Music Video เหมือนอย่างเคย NELL ได้ปล่อย teaser สั้นๆ ตามจุดต่างๆของโซล ที่มีชื่อของ Title Track ปรากฏอยู่ นั่นก็คือ "오분 뒤에 봐" (See U In Five) จากนั้นในวันทีี่ 3 ตุลาคม 2019 ก็ประกาศ Track list ของอัลบั้มอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 เพลง เท่ากับจำนวนโค๊ดสีที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า และเริ่มปล่อยทีเซอร์ sample เพลงอย่างละนิดอย่างละหน่อยตามช่องทางออฟฟิเชียลของ Space Bohemian บ้าง Instagram ของสมาชิกวงบ้าง (คิมจงวาน (นักร้องนำและผู้แต่งเพลงทั้งหมดของ NELL) คือผู้สปอยล์อันดับหนึ่ง ตั้งแต่ท่อนโซโล่ Day after Day นู้นแล้ว)



    NELL : 'COLORS IN BLACK' Album Preview

    "COLORS IN BLACK" เป็นสตูดิโออัลบั้มเต็มลำดับที่ 8 ของวง NELL ที่ปล่อยให้ดาวน์โหลดและสตรีมมิ่งบนช่องทางออนไลน์ต่างๆ อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ตุลาคม 2019 (ส่วนซีดีอัลบั้มเต็มวางขายให้หลัง ประมาณเกือบๆหนึ่งอาทิตย์) แม้ว่าก่อนหน้านี้ NELL จะมีซิงเกิ้ลกับอีพีอัลบั้มปล่อยออกมาอยู่บ้าง แต่นี่คือ Full Album ที่ถือว่าเป็นการกลับมา หลังจากที่วงห่างจากการปล่อยอัลบั้มเต็มไปถึง 3 ปี นับจากอัลบั้ม C (2016) 


    "COLORS IN BLACK" มีทั้งหมด 9 tracks ความยาวรวม 42:49 นาที ซึ่งเดิมในทีแรกวงได้วางภาพรวมของอัลบั้มนี้ไว้ที่เฉดสีดำ (BLACK) สีที่ให้ความรู้สึกเฉพาะเจาะจง หนักแน่น มืดมน แทนความเศร้า ความหดหู่ สิ้นหวัง แต่เมื่อกระบวนการทำเพลงได้ดำเนินไป ได้สัมผัสถึงความรู้สึกเหล่านั้นใกล้ๆ พวกเขาก็พบว่าภายใต้สีดำ และความรู้สึกเชิงลบเหล่านั้น กลับมีโทนสีเฉพาะของแต่ละอารมณ์ที่ซ่อนอยู่แตกต่างกันออกไป คอนเซปของอัลบั้มเลยกลายมาเป็น "COLORS IN BLACK" กับ 9 เพลงที่มีสีสันเฉพาะตัวแตกต่างกัน รวมมาไว้ในอัลบั้มชุดนี้ เพลงที่จะทำให้คุณหลุดออกไปจากความจริง ลืมสิ่งแย่ๆ และทิ้งโลกอันแสนห่วยแตกได้ในขณะที่ฟัง



    ความพิเศษของอัลบั้มนี้อย่างหนึ่ง ก็คงเป็นเพราะว่า NELL ได้มาทำเพลงที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นเพลงที่ถูกบรรจุไว้ในอัลบั้มนี้ถึง 4 เพลงด้วยกัน นั่นคือ 오분 뒤에 봐 (See U In Five) / All This Fxxking Time / Slow Motion 꿈을 꾸는 꿈(Lullaby) ทำที่ Karma Sound Studios (จะเห็นว่ามีชื่อไฟล์ #Karma ด้วย ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเพลงไหน ;)) มาช่วงประมาณเดือนมกราคม 2019 อยู่ทำเพลงที่นั่นเกือบๆ 1 เดือน แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย และวงก็ดูจะชอบสตูดิโอที่นี่มาก มันเป็นที่ที่ทำให้พวกเขาได้เปลี่ยนบรรยากาศ ได้อยู่ท่ามกลางนักดนตรีมากมายหลายชาติ และทำให้พวกเขาได้โฟกัสกับดนตรีอย่างเต็มที่ ซึ่งการตกตะกอนของคอนเซปภาพรวมของอัลบั้ม จนค่อยๆ หลอมรวมจนกลายเป็น "COLORS IN BLACK" นั้น เกิดขึ้นระหว่างที่ NELL ได้มาทำเพลงอยู่ที่ประเทศไทยนั่นเอง




    ในตอนนี้ เราเลยอยากจะมาเขียนรีวิว แนะนำเพลงในอัลบั้มคร่าวๆทั้งหมดไว้ก่อน ก่อนที่จะเขียนแยกเป็นเพลงๆ ไปในแต่ละตอนเหมือนที่เคยลง จะมาดูกันไปแบบ track by track ว่า 3 ปีหลังจากอัลบั้ม C  วง NELL ได้เติบโตไปในทิศทางไหน มีอะไรที่คงอยู่และมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงแตกต่าง 

    ซึ่งก็บอกไว้ก่อนเลยว่า ตอนนี้มันจะพรั่งพรูและเป็นความรู้สึกส่วนตัวมากๆเหมือนเคย 

    อวยมากเหมือนเคยด้วย :)
    .
    .
    .
    .



    • Track 1 : Cliché 

    บางอย่างเปลี่ยนไป
    คุณเอาแต่มองนาฬิกา
    แม้ว่าคุณจะอยู่ด้วยกันกับผม
    กลับเหมือนว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่

    คุณไม่หัวเราะเหมือนอย่างเคย
    และพอผมถามว่าเป็นอะไร
    คุณก็ไม่ตอบ
    บางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

    Eng : Nellpire
    เหนือสิ่งอื่นใด ชอบชื่อเพลงมากตั้งแต่ที่ยังไม่ได้ฟัง และข้อแนะนำอย่างแรกของการฟังเพลงนี้ก็คือจำเป็นอย่างยิ่งในการฟังผ่านหูฟัง อยู่คนเดียวเงียบๆ และเปิดเสียงให้ดัง จะถึงใจถึงอารมณ์อย่างที่สุด

    Cliché เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกสงบ เยือกเย็น แต่ภายใต้ความสงบนั้น กลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น ค่อยๆดำดิ่งลงช้าๆ เป็นเพลงที่คลีนมากสำหรับเรา ฟังแล้วเหมือนคลื่นที่ค่อยๆชะล้างจิตใจ ความคิด ความรู้สึกไม่สบายใจ คือเพลงมันสามารถรีดความเครียดหรือความวุ่นวายที่เราเจอมาทั้งวันออกจนหมดได้เลย ค่อยๆเซทอารมณ์ของคนฟัง มันจึงเป็นเพลงที่เหมาะกับการเป็น Track 1 มากๆ เป็นหนึ่งในสองเพลงที่เกี่ยวกับความรักในอัลบั้มนี้ ความสัมพันธ์ที่เกิดความเปลี่ยนแปลง กลายเป็นความชืดชา น่าเบื่อหน่าย เรื่องที่เกิดขึ้นวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า คลีเช 

    เป็นเพลงที่มีความจงวานมากๆ ดนตรีเย็นๆกับเสียงร้องที่ฟังแล้ว ก็แบบว่า อะไรมันจะชอกช้ำขนาดนั้นนนนจงวานคิมมม เหมือนจะเป็นเพลงที่เรียบง่าย แต่ก็มีจุดเด่นในท่อนฮุคที่เป็นเสียงสะท้อนซ้ายขวา เป็นออโตจูนที่เข้ากับเพลง คูลมาก ชอบบบ และ Cliché ก็เป็นเพลงที่เกือบจะถูกตั้งให้เป็น Title Track ของอัลบั้มด้วย (เปลี่ยนทำไมเนี่ย!!/ตบเข่า)
    .
    .



    • Track 2 : 일기오보 (Noise of Silence)


    I might as well go insane
    ที่กลืนกินฉันไปอย่างง่ายดาย
    ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สนใจหรอก
    We always step on our shadows
    but never try to escape
    สุดท้ายมันจะเกิดขึ้นอยู่ดี
    จะผลัดออกไปเพื่ออะไร

    ยิ่งความเงียบนั้นเบาเท่าไร
    เสียงรบกวนยิ่งดังมากเท่านั้น
    They always peak 
    above that zero




    เพลงแห่งการปล่อยวางของอัลบั้มนี้ ดนตรีจังหวะกลางๆ แบบที่วงชอบทำ ชื่อเพลงทำให้นึกถึง 침묵의 역사 (History of Silence) พอฟังแล้วจะให้ฟิลคล้ายเพลงพวก In days Gone by, 타인의 기억 แต่มีดนตรีที่หม่นกว่ามาก 

    일기오보 เป็นเพลงธีมฝนอีกหนึ่งเพลงของวง และก็ยังคงแทนความหมายของฝนในแบบของ NELL นั่นคือ สิ่งที่เราไม่สามารถหลีกหนีได้ นอกจากจะต้องเผชิญหน้าและยอมรับมัน เหมือนเพลงนี้ที่มีเนื้อหาปลงๆ เราล้วนเหยียบเข้าไปในเงาของตัวเองเสมอ โดยที่ไม่พยายามจะหลีกหนีมันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจงปล่อยให้มันเป็นไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด (Just forget about the rain) ความหม่นเทาและอึมครึมของทั้งดนตรีและเนื้อเพลงนี้เอง ทำให้ 일기오보 เป็นเพลงที่เหมาะกับการฟังในวันฟ้าครึ้มๆ เมฆเยอะๆ จะได้อารมณ์แบบซึมๆ หงอยๆ เป็นความรู้สึกที่ได้รับจากเพลงของ NELL อยู่เสมอ แม้ว่าจะเป็นเพลงที่ฟังสบายที่สุดในอัลบั้มนี้ก็ตาม

    แล้วก็ชอบท่อนภาษาอังกฤษที่แทรกมากับเพลงมาก ดูเข้ากันและความหมายดี (We always step on our shadows but never try to escape) อย่างท่อน They always peak above that zero กลายเป็นท่อนที่ติดหูมากของเพลง จงวานเคยอธิบายถึงประโยคนี้ไว้ด้วยว่า ในทางทฤษฎีแล้วมาจากเข็มของหน้าปัด (เครื่องมือ อุปกรณ์เชิงเทคนิคอะไรสักอย่างในห้องอัดนี่แหละ) ที่พอเข็มมันเลยเลข 0 ไป หมายความว่าเสียงมันจะพีคมากๆ คือดังมากจนเสียงแตก เป็นประโยคที่ไปช่วยขยายความ เสริมในเนื้อเพลงอีกที นั่นคือ ยิ่งมีความเงียบมากเท่าไร ก็จะได้ยิน Noise (เสียงรบกวน) มากขึ้นเท่านั้น
    .
    .



    • Track 3 : 오분 뒤에 봐 (See U In Five)



    อีกห้านาทีเจอกัน
    ที่ที่เราเคยไป 
    ใช่แล้ว ไปเจอกันที่นั่นนะ





    오분 뒤에 봐 Title Track ของอัลบั้ม "COLORS IN BLACK" ที่เราได้สังเกตมาหลายรอบแล้วว่า เพลงที่เป็นไตเติ้ลแทร็กของ NELL ส่วนมากจะอยู่ที่ track 3 ตลอดไม่รู้ทำไม อย่างเช่น Stay, Thank you, Good night,  기억을 걷는 시간 (Time Spent Walking Through Memories) และแน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นเพลงเศร้า 

    ที่มาของเพลงนี้มาจากเพื่อนสนิทในวัยเด็ก สมัยที่จงวานคิมยังเป็นเด็กนอกอยู่ที่สวิต ซึ่งมันเป็นคำพูดติดปากของเพื่อนของเขา "See you in five minutes." ก็ประมาณว่าอีกห้านาทีเจอกันนะ เพื่อนของเขามักพูดแบบนี้เสมอ เมื่อวันเวลาผ่านไป ต่างคนต่างเติบโต จากการที่ได้พบเจอเพื่อนๆ ในคราวที่ยังติดต่อกันอยู่บ่อยๆ ก็กลับห่างหายจากกัน กลายเป็นเจอกันเดือนละครั้ง นานเข้าจนกลายเป็นปีละครั้ง เรื่องราวนี้จึงปรากฏออกมาในเพลงที่คนฟังสามารถเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตของตัวเองและอินได้ง่าย

    เพลงช้า ทำนองเพราะ ดนตรีละเอียด จังหวะที่เครื่องสายเข้ามาในท่อนบริดจ์คือดีมาก มันให้โทนเพลงดูมีความเป็นแฟนตาซีขึ้นมาเฉยเลย บวกกับ Music Video ที่เพิ่มความเป็นแฟนตาซีไปแบบสุดทาง MV สวยและเป็นคอนเซปที่เข้ากับวงมาก และเราก็คิดว่าโค๊ดสีที่วงปล่อยมา 9 เฉด น่าจะมาจากพาเลทของสีใน MV ของเพลงนี้ด้วย เป็นเพลงที่ดีงามตามมาตรฐาน ดนตรีสวยงามเหมือนที่เคยเป็นมา 

    แต่ยังไงดีล่ะ คือมันเป็นเพลงที่เพราะแบบที่ NELL เป็นมาตลอด แต่มันให้โทนดราม่าไปหน่อยสำหรับเรา ไม่ใช่ไม่ดีนะ มันดี แต่มันมีนิดนึง นึดนึงแบบนิดดดดดนึง ที่คิดว่าถ้าวงเลือกใช้เพลงอื่นโปรโมทมันอาจจะให้อะไรที่แตกต่างออกไป คือเราเข้าใจแหละว่าการเลือก title track สำหรับวงนี้ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร (คือหวยจะลงที่เพลงไหนก็ได้ ที่ไม่มีคำหยาบ) เพราะยังไงคนทำเขาก็ตั้งใจทำออกมาให้ฟังทั้งอัลบั้มอยู่แล้ว แต่เพลงหน้าบีของ NELL มักจะสุดยอดเสมอ จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายถ้ามันจะถูกเก็บงำไว้

    오분 뒤에 봐 เป็นเพลงที่ถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่เข้ากับอัลบั้มพอดิบพอดี คือพอฟังรวมกับเพลงอื่นแล้วมันยิ่งเพราะขึ้นกว่าเดิม ยิ่งฟังยิ่งเพราะขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเพลงเดียวในอัลบั้มจนถึงตอนนี้ (2019.11.13) ที่มี live version ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นอะคูสติก ที่วงจัด Busking ขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฟอร์มวงมา 20 ปี ก่อนหน้านี้แฟนเพลงเคยขอให้ NELL จัด Busking หลายต่อหลายครั้ง แต่วงก็ปฏิเสธมาตลอด พอถึงคราวที่คิดจะจัด ก็จัดขึ้นมาแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้าอะไรทั้งนั้น แสดงตอนเย็น โพสไอจีบอกตอนเที่ยง เป็นวงที่เดาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ 555555


    NELL : 오분 뒤에 봐 (See U In Five) Acoustic Version @ Sinchon
    .
    .



    • Track 4 : All This Fxxking Time


    Huge misery
    Unsolved mystery
    Is that
    Is that what life is all about

    Don’t simplify 
    ‘cause lies take out lives
    It’s all
    It’s all dark and as cold as ice


    *Update : 2019.12.31

    มาถึงแทร็กที่เฝ้ารอคอย ส่วนตัวเล็งเพลงนี้ไว้ตั้งแต่ปล่อย track list เพราะเป็นเพลงที่ใส่ xx ตามชื่อคลับคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปีของวงเข้าไปในชื่อเพลงด้วย ตั้งใจหรือไม่ ไม่รู้ แต่มันให้ความพิเศษสำหรับเรานะ ;) หรือความจริงอาจจะแค่ใส่มาเพื่อเซนเซอร์ออกแค่นั้น ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ไม่มีอะไรลึกซึ้งทั้งนั้น /อีกแล้ว 555555

    All This Fxxking Time เป็นหนึ่งในเพลงที่วง NELL ทำที่ประเทศไทย เนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ถึงจะเป็นเพลงที่มีจังหวะเร็ว แต่สำหรับคิมจงวานแล้ว มันคือเพลงเศร้าสำหรับเขา เพลงที่เกิดจากฝันร้ายที่เขามักฝันถึงบ่อยๆ เงามืดที่ตามติด ช่วงเวลาที่มันคืบคลานเข้ามา ชีวิตที่อยู่เหนือการควบคุม และความเชื่อที่กลับกลายเป็นแค่เรื่องโกหก

    และมันก็คือเพลงหน้าบีที่สมกับการรอคอย แผดมาตั้งแต่อินโทร ตอนที่ฟังครั้งแรกคือกริ๊ดมาก  ความจริงหวีดมาตั้งแต่ที่จงวานโพสสปอยล์ในไอจีแล้ว เสียงเบสนี่ลอยติดหูเด่นมาเลย ซาวด์มันดูดิบ ตรง หนึบ พุ่ง มีความวินเทจหน่อยๆ ชอบมาก ชอบเพลงโหมดนี้ของวง รักในความเปรี้ยว ชอบจงวานร้องเพลงโทนนี้ด้วย ดูเท่ห์ แบบกวนๆ และโคตรคูล คือคนอะไร ทำไมร้องคำว่า Fxxk ได้เพราะจังวะ 555555 เป็นเพลงที่ยิ่งฟังยิ่งเสพย์ติด มีท่อนฟุ้งๆ ลอยๆ กาวๆ กับท่อนดีดๆของท่อนฮุค ยิ่งช่วงท้ายเพลงที่ซาวด์กับเสียงร้องมันนัวไปด้วยกันนี่แบบ ดีอ่ะ ดีมากกก ถ้าเป็น live version ต้องสุดมากแน่ๆ จินตนาการฉันคือไปก่อนแล้ว ฮ่าๆ เลิฟมากเพลงนี้
    .
    .




    • Track 5 : 무홍 (Fogbow)


    ในดวงตาของพายุ
    ฉันติดอยู่ในนั้นหรือเปล่า?
    ฉันอยากจะหนีออกไป

    บนท้องฟ้า ที่ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
    สองขาของรุ้งที่ถูกตัดขาด
    บนท้องฟ้า ที่ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
    รุ้งที่ปรากฏแด่ความเจ็บปวดเท่านั้น
    บนท้องฟ้า ฉันเงยหน้ามองมัน

    *ในที่นี้ ไม่แน่ใจคำว่า 무홍 ว่าเป็นศัพท์เฉพาะหรือคำย่อหรือไม่



    รุ้งหมอก คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการสะท้อนของแสงผ่านละอองน้ำ คล้ายกับการเกิดของรุ้งกินน้ำ เพียงแต่จะปรากฏเป็นเส้นแนวสีขาว และเกิดขึ้นได้ยากกว่า ซึ่งผู้สังเกตจะต้องอยู่ในตำแหน่งเฉพาะถึงจะสามารถมองเห็นได้ 

    ถือเป็นการตั้งชื่อเพลงที่ดึงดูดและน่าค้นหามาก พอรู้ชื่อเพลงแบบนี้แล้ว เราก็คิดไว้เลยในตอนแรกว่า มันต้องเป็นเพลงช้าแน่ๆ แต่พอเพลงถูกปล่อยออกมา และฟังโน๊ตแรกขึ้นปุ๊บ วืด ผิดคาดจ้า กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงที่เซอร์ไพรส์มากๆ เป็นเพลงเร็วที่มีจังหวะฉวัดเฉวียน ฟังสนุก แม้ว่าเนื้อร้องออกจะเศร้าอยู่หน่อยๆ ก็ตาม 

    무홍 (Fogbow) เป็นเพลงเดียวในอัลบั้มนี้ที่มีการ compose ร่วม ระหว่างคิมจงวานและลีจองฮุน ( มือเบสของวง) ซึ่งปกติแล้วเพลงของ NELL คิมจงวานจะมีเครดิต Lyrics & Compose เองทั้งหมดในทุกๆเพลง และยังเป็นเพลงที่วงบอกไว้ว่า เป็นการเรียบเรียงที่หาจุดลงตัวได้ยากเพลงหนึ่งของอัลบั้มนี้ ซึ่งจุดเด่นที่พิเศษมากๆ ของ 무홍 (Fogbow) อีกอย่างนั่นก็คือ เนื้อร้อง ที่ไม่เพียงแต่สวยงามในแง่ของความหมายเท่านั้น แต่ถ้าหากลองสังเกตคำร้องภาษาเกาหลีแล้ว จะเป็นเพลงที่ลงท้ายประโยค ด้วยเสียง "เ-" เกือบทั้งเพลง (ถ้าถอดเป็นภาษาคาราโอเกะก็จะประมาณ เอ เด เน เฮ เก เท) ถือเป็นลูกเล่นน่ารักๆ แถมยังแสดงความเทพของคนแต่งไปอีก (อวยจริงๆเลยฉัน)
    .
    .



    • Track 6 : Slow Motion


    คำพูดที่ว่า "คุณจะไม่เป็นไร" 
    ฉันเกลียดมันมาก
    มันทิ่งแทงฉัน
    ลึงลงไปถึงข้างใน
    คำพูดที่ว่า "เวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง"
    อย่าได้เชื่อมัน
    คำพูดไร้ผิดชอบพวกนั้น

    "ความเจ็บปวดจะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น"
    คำพูดที่ออกมาจากความไม่รู้อะไรเลย
    ความเป็นจริงแล้วมันยิ่งทำให้คุณอ่อนแอ



    มาแล้วเพลงที่เป็นจุดตายของอัลบั้มนี้ อึนมาตั้งแต่โน๊ตแรกของเพลง แม้จะฟังโดยที่ยังไม่รู้คำแปลของเนื้อร้อง ก็รู้สึกได้เลยว่าความหมายของเพลงนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ รวมกับดนตรีและเสียงร้องที่ลำพังแค่ฟังเฉยๆ ก็เศร้ามากอยู่แล้ว พอมาอ่านคำแปลตามหลัง น้ำตาไหลพราก สุดยอดเนื้อเพลงเศร้าที่ทิ่มแทงลึกเข้าไปในทุกอณูเมื่อได้ฟัง

    ถ้าจะบอกว่า Slow Motion เป็นเพลงที่ดาร์คที่สุดในอัลบั้ม ก็คงไม่ผิด เป็นเพลงที่มีองค์ประกอบในทุกๆส่วน เหมือนเป็นท่าไม้ตายในเพลงแบบของ NELL ทั้งดนตรี อารมณ์ความรู้สึกของเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำร้องที่ดำดิ่ง มืดมน ชีวิตมันยากและคุณจะไม่มีวันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดหรอก ถ้าคุณไม่ได้ประสบมันด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่าได้ก้าวเข้าไปในดินแดนนั้น เพราะมันไม่ได้เป็นสิ่งที่จะสามารถเยียวยารักษาได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ว่ามีคนรอบข้างมาบอกว่า ไม่เป็นไรและมันจะดีขึ้น เพราะความจริงแล้วมันเป็นสิ และคำปลอบประโลมพวกนี่แหละ ช่างชวนลวงโลก และหลอกล่อให้เราอ่อนแอยิ่งกว่าเดิม (โอ๊ยยย จะร้องไห้อีกรอบ) 

    Slow Motion คือสุดยอดของเนื้อเพลงในอัลบั้มนี้ เป็นเนื้อเพลงที่มีความจงวานมากๆ มากแบบมากกกกกก การบอกเล่าโมเมนต์ของความเจ็บปวด ที่ฟังแล้วอาจดูโหดร้ายเลือดเย็นไปหน่อย แต่มันโคตรเรียลและอิมแพคสุดๆ เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกเทียบเท่ากับเพลง Meaningless (NELL : Meaningless / Healing Process) ได้เลยสำหรับเรา แม้ว่าดนตรีจะเนิบช้ากว่ามากก็ตาม เพลงจะใช้ดนตรีน้อยๆ นิ่งๆ ชอบโทนกลองของเพลงนี้มากๆ มันเพราะและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง เหมือนมีคนมาสอน มาบอกเล่าเรื่องราวให้เราฟังตรงหน้า เป็นเพลงที่ยิ่งฟังยิ่งเศร้า จมไปหมด เสียงร้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใครจะมาร้องถ่ายทอดเนื้อหาเพลงแบบนี้ได้ลึกซึ้งไปกว่าคิมจงวาน ไม่มีอีกแล้ว
    .
    .



    • Track 7 : A to Z


    I love the way you speak
    I love the way you breathe
    I love the way you touch your chin
    with those small fingertips

    I love the way you eat
    I love the way you walk
    Oh I just love everything 
    about you from A to Z




    แข็งแกร่งมาจากไหนก็จะต้องมาตกหลุมตายกับเพลงนี้แน่นอน แฟนเพลงส่วนใหญ่ก็จะฮือฮากับแทร็กนี้ที่สุด อื้ออึงมากๆ ชนะทุกผลโพล รวมถึงเราด้วย ชอบมาก วินาทีที่ได้ฟังครั้งแรกคือตายๆๆๆ อะไรมันจะขนาดนั้นคุ๊ณณณ ฟังแล้วมันรู้สึกเยอะดี ตีกันปั่นป่วนไปหมด 5555555

    A to Z เป็นแทร็กภาษาอังกฤษล้วนอีกเพลงหนึี่ง และเป็นความแคชชี่ของอัลบั้มนี้  โดดเด่นติดหูฝังในหัวตั้งแต่อินโทร ยันท่อนคอรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อเพลง คือเนื้อเพลงมันแบบโอ่ยย จะบ้าตาย ฟังแล้วมันเขินนะ จะนึกไปถึงเพลง Newton's Apple ตลอด เพราะส่วนตัวเราว่า Newton's Apple นี่แหละคือเพลงที่โรแมนติกที่สุดของ NELL ซึ่งความไม่สมหวังนี่แหละที่มันโรแมนติก A to Z ก็จะให้โทนนั้น คือมันไม่ได้เป็นความรักแบบสีชมพู มันจะให้ความรู้สึกเป็นสีเบอร์กันดี สีไวน์ ถึงเนื้อเพลงจะตรงไปตรงมา แต่พอผสมกับซาวด์ดนตรีแล้ว มันดูซับซ้อนซ่อนเร้น น่าค้นหา เพราะซาวด์มันมีความดาร์กอยู่ เพลงมันเลยเข้มข้นไปหมด ทั้งเนื้อร้อง เสียงร้อง และดนตรีที่หนักแน่นและล่องลอยไปพร้อมๆกัน 

    A to Z เหมือนเพลงที่เป็นบทบรรยายความรักในทีแรก แต่พอยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่า มันกลายเป็นความรู้สึกโหยหา เสพย์ติด ลุ่มหลง ภาพรวมของเพลงนี้มันเลยกลายเป็นความดาร์กโรแมนติก เนื้อเพลงมันจะข้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งท่อนท้าย "I love the way you weep. I love the way you scream." ในใจก็แบบ เอ๊ะ นี่มันยังไงวะ 55555555 คือมันตีความได้หลายอย่างมาก และมาตบด้วยท่อน "I love the way you kiss me with that little red rose lips" เลยยิ่งให้ความไม่น่าไว้วางใจ น่าขนลุกแปลกๆ โดยเฉพาะเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ดังในเพลง ดูหลอนๆยังไงชอบกล "I just love everything about you from A to Z" มันเลยกลายเป็นเพลงที่ให้ฟิลสตอล์กเกอร์สำหรับเรา แล้วก็ดันไปนึกถึง Act 5 อีก ซึ่งจงวานก็ร้องเพลงโทนนี้อินเนอร์ดี๊ดี 5555555555
    .
    .



    • Track 8 : Love It When It Rains


    I love it when it rains
    I love it when it rains
    I love it when it rains
    I love it when it rains

    ปล่อยฝนเทลงมาให้หนัก
    เพื่อบดบังแม้ฉันจะวิ่งอย่างคนบ้า
    I love it when it rains
    ปล่อยฝนเทลงมาให้หนัก
    เพื่อซ่อนเสียงกรีดร้องของฉัน




    เพลงธีมฝนเพลงที่สองของอัลบั้ม ยังคงเป็นฝนที่ให้ความหมายในแบบของ NELL เหมือนที่ผ่านมา นั่นคือสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกหนีจากมันพ้น แต่!! Love It When It Rains เป็นการเสริมมุมมองในฝนที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากเพลงก่อนๆ ของ NELL (Standing in the Rain, Blue หรือแม้แต่ Noise of Silence ในอัลบั้มเดียวกันนี้ก็ตาม) นั่นคือ การน้อมรับมันอย่างสดใส และแช่มชื่น

    Love It When It Rains เป็นเพลงที่คิมจงวานใช้เวลาเขียนมันออกมาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ได้เป็นเพลงเกี่ยวกับฝนในแง่มุมเชิงบวก ที่นอกจากมันจะตกลงมาให้เราเปียกโชกแล้ว ฝนยังสามารถชำระล้าง และปิดบังสิ่งที่คุณไม่อยากรับรู้ และไม่อยากให้ใครได้รับรู้ได้ (แต่งเพลงแบบนี้ มีความรักหรอ) แล้วมันก็ยิ่งเพิ่มความสดใสเข้าไปอีก เมื่อเพลงนี้ถูกเรียบเรียงออกมาในดนตรีที่มีความสนุกสนาน ติดหู ความเป็นป๊อบสูงปรี๊ด จนสามารถใช้คำว่า "ลั้นลา" ที่หาได้ยากเหลือเกินในเพลงของ NELL ได้เลย 

    ในขณะที่ Standing In The Rain (NELL : Standing In The Rain / That's enough) อาจจะอยากทำให้เราออกไปยืนตากฝนแบบซึนๆ ปลงกับชีวิต และซึมทราบความเปียกปอนชนิดที่ว่ายิิ่งตกแรงยิ่งอิน แต่ Love It When It Rains กลับเป็นเพลงที่ทำให้เราอยากออกไปวิ่งเล่นกลางสายฝน ปล่อยตัวปล่อยใจให้ชุ่มช่ำ เป็นเพลงที่ฟังแล้วอารมณ์ดี สดชื่น มีชีวิตชีวามากกกกกกก (มีความรักแหง) ซึ่งเป็นเพลงที่วงตั้งตารอที่จะแสดง live version เพราะคิดว่ามันจะต้องสนุกมากแน่ๆ
    ในความคิดของเราแทร็กนี้คือ #water นะ :)
    .
    .



    • Track 9 : 꿈을 꾸는 꿈 (Lullaby)


    ขอโทษนะเด็กๆ
    มีหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่
    สิ่งที่นายคงไม่เข้าใจ
    แต่จงอย่าลืม
    ว่านายเคยงดงามเพียงใด

    จงมีความฝัน
    ขอให้นายปกป้องมันเอาไว้
    จงมีความฝัน
    แม้ถึงคราวที่นายเข้าใจมันแล้วทุกอย่าง

    จงอย่าลืม, ไม่ว่าใครจะพูดยังไง
    การมีอยู่ของเรานั้นสวยงาม
    แม้โลกจะเย้ยหยันและมองข้าม
    ชูนิ้วกลางให้มันไปแค่นั้นแหละ




    ราเคยแนะนำให้คนที่คิดจะฟังเพลง NELL แบบนี้ด้วยว่า ถ้าไม่รู้จะฟังเพลงไหน ให้ดูที่ความยาวของเพลง เพลงไหนที่ยิ่งกินเวลายาว ให้พุ่งเข้าใส่เลย ความเด็ด ความดีงามมันจะมีเสมอ (Eden / 벙어리 / 12 Seconds / 백색왜성(white dwarf star) / The Ending / Haven / Sunshine / Let the hope shine) ซึ่งเกือบทุกเพลงตามสถิติแล้ว ส่วนใหญ่ใช้ปิดท้ายอัลบั้มและเป็นเพลงช้าหงอยๆ หน่วง ดิ่ง ฟังแล้วเวิ้งว้าง ซึมไปสามวันแปดวัน

    พอมาถึง "COLORS IN BLACK" เราก็เล็งแทร็กสุดท้าย ความยาว 7:54 นาทีนี้ไว้ ทีแรกดูจากชื่อเพลง บริบทต่างๆ คิคว่าเพลงช้าแน่ๆ แต่พอฟังเรียงแทร็กครั้งแรก ชักเริ่มไม่แน่ใจ เพราะจาก Love It When It Rains ดูมันไม่น่าจะกดลงอีก แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ได้เพลงจังหวะเร็วที่แตกต่าง (ไม่เชื่อลองเทียบฟิลของเพลงนี้กับรายชื่อเพลงยาวด้านบนได้) ผิดคาดแต่ก็ไม่เชิงซะทีเดียว 

    และนี่คือเพลงปิดอัลบั้มที่ให้ความหวังอันเรืองรองที่สุดตั้งแต่ที่ NELL เคยมีมา ฟังแล้วฮึดตั้งแต่ประโยคแรก ทั้งเนื้อร้องและดนตรีมันให้พลังบวกสุดๆ การเรียบเรียงเพลงนี้ถึงจะออกมาในโทนที่ต่างจากที่เคยทำ แต่ก็รู้สึกว่าเน๊ลเนล มีช่วงผ่อน ช่วงบิวท์ ช่วงพีค เสียงเบสเด่นอีกแล้ว เป็นเพลงจังหวะเร็วที่สนุกสนาน วินเทจนิดๆ ฟังแล้วภาพในฮอล์คอนเสิร์ตมันมาพร้อมกันเลย อิ่มเอิบและให้แรงพลัง

    เพลงของ NELL จะพูดถึงความฝันแทบจะทุกอัลบั้ม มันเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดี 꿈을 꾸는꿈 (Lullaby)  จึงเป็นเหมือนเพลงที่ฝากไปถึงลูกๆหลานๆ เด็กในช่วงวัยเยาว์ ขอโทษที่ต้องมาเจอโลกแบบนี้ และถึงแม้ว่าตอนนี้พวกนายทั้งหลายอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่พอเติบโตขึ้น ก็จะรู้เองว่าโลกใบนี้มันโหดร้ายแค่ไหน แต่เมื่อถึงตอนนั้น ก็จงอย่าลืมความบริสุทธิ์สวยงามของตัวเอง จงปกป้องความฝันของเราเอาไว้ แม้ว่าจะมีใครก็ตามที่พยายามจะพรากมันออกไป แต่ก็จงฝัน โอ่ย ทำไมพิมพ์ไปแล้วมันเศร้ายังไงไม่รู้ 5555 น้ำตาจะไหลเฉย เป็นเพลงที่ให้เมสเสจที่โคตรจริงใจ มอบพลังบวก ความหวังและความกล้า ชื่อ Lullaby ก็ดูน่ารัก เข้ากันดีด้วย 

    keep on dreaming boy~
    .
    .
    .
    .



    NELL 8th Album [COLORS IN BLACK]

      

    NELL

    Jong-Wan Kim : Vocals, Piano, Guitars, Synthesizer & Programming 

    Jung-Hoon Lee : Bass, Programming 

    Jae-Kyung Lee : Guitars 

    Jae-Won Jung : Drums & Percussions

      

    Produced by Nell 

    Composed by Jong-Wan Kim (accept track 5 by Jong-Wan Kim & Jung-Hoon Lee ) 

    Lyrics by Jong-Wan Kim 

    All Music Arranged, Programmed & Performed by Nell 

    String Arranged & Conducted by In-Young Park 

    String Performed by IYP Orchestra in LA

      

    Recorded by Nell @Satellite Studio, Henry Watkins @Karma Sound Studios,

    Jeff Gartenbaum @The Village Studios, Mr. Sync @Korea Record 

    Mixed by Jong-Wan Kim @Satellite Studio 

    Mastered by John Davis @Metropolis Studio London


    cr. SPACEBOHEMAIN




    สำหรับเราเพลงของ NELL นั้นสามารถเติมเต็มชีวิตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่เคยผิดหวัง ไม่เคยกังขาในคุณภาพ ทุกๆครั้งที่วงออกผลงานใหม่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี หรือต้องรอนานกว่านี้ (กัดฟันพูดนิดนึง) ก็จะทำให้เราตื่นเต้นกับผลงานใหม่ทุกๆ ครั้ง และก็รู้สึกว่าวงมันบียอนด์ขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ ฟังแล้วมันจะวนติดในหัวตลอด หลุดออกไปไหนไม่ได้เลย 


    "COLORS IN BLACK" มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นอัลบั้มที่บรรจุเพลงที่มีสีสันเฉพาะของ NELL แต่ละเพลงคือคาแรคเตอร์จัดมาก ถือเป็นอัลบั้มที่กลมกล่อม ครบรส มีไลน์เบสเด่นมากในหลายๆเพลง และเราก็ชอบโทนเสียงกลองในอัลบั้มนี้มากๆ ทั้งกีตาร์ เสียงร้อง ซาวด์ทุกอย่างมันเข้ากันดีไปหมด ทำให้ยิ่งฟังก็ยิ่งเกิดความรู้สึกใหม่ๆ กับเพลงนั้นๆ ตลอด อย่างที่เห็นได้ชัดเลย A to Z รู้สึกเป็นร้อยแปดพันอย่าง แล้วแต่วัน แล้วแต่สถานการณ์ อย่างระหว่างที่เขียนอยู่นี่เอง เราเพิ่งมาเข้าใจแล้วว่า Slow motion กับ 꿈을 꾸는꿈 (Lullaby) มันเชื่อมโยงกันในแง่ไหน ซึ่งมันลึกซึ้งและเศร้ามากๆ


    มีหลายเพลงที่เซอร์ไพรส์ บางวันเราจะรู้สึกว่าชอบเพลงนี้มาก อีกวันกลับไปชอบอีกเพลงนึงมากเหมือนกัน เลยมาคิดว่าทีแรกเราอาจจะตื่นเต้นไปกับแทร็กที่มันหวือหวาหน่อย อย่าง A to Z หรือ All This Fxxking Time แต่พอนานๆ เข้าหรือเริ่มตกตะกอนประมาณนึงแล้ว คิดว่าเพลงที่จะติดค้างไปตลอด อาจจะเป็น Cliché (เหมือนอัลบั้ม C ที่แรกๆหวีดเพลง Home มาก แต่สุดท้าย 습관적 아이러니 (Habitual Irony) คือเสพย์ติดนานสุด) 


    เสียอย่างเดียว ฟังแปบๆก็จบหมดละ สั้นมาก 9 เพลงมันน้อยเกินไป ไม่มี Hidden track ด้วยซ้ำ ถือว่านี่เป็นอัลบั้มเต็มของ NELL ที่มีเพลงน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย (ไม่นับอีพี) รอมา 3 ปี ปล่อยมา 9 เพลง โว๊ะ โหดร้าย เลือดเย็นมาก ซึ่งเราก็มาได้ข้อมูลภายหลังว่า ความจริงวงจะปล่อย 23 เพลง ทำเป็น 2CD จ้า แต่!!!!!! ก็คัดรอบแรกออกเหลือ 13 เพลง แล้วยังไม่พอ!!!!!! คัดอีกเน้นๆ คือตัดเพลงที่ฟิลคล้ายๆกันออก จนเหลือ 9 เพลง!!!! แล้วก็อาจจะปล่อยที่เหลือเป็นซิงเกิ้ลแทน โอ๊ยยย จิตใจ ด่าได้ไหมเนี่ย ก็ไม่ได้อีก ความเนลอีกแล้ว ความเนลที่ขัดใจ 5555555 


     P.S. ยังรอชูเกสอยู่นะ 

    ;)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in