พอคิดดีๆ เรารู้จักความตายตั้งแต่เริ่มจดจำเรื่องราวต่างๆช่วงวัยเด็ก สำหรับในอดีตความตายดูห่างไกลจากตัวเรา ที่พอนึกถึงทีไรก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ในกาแล็กซี่กว้างใหญ่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาของความตายเป็นอย่างไรหลังจากที่ตายไปแล้ว แต่ที่ทุกคนรู้ ก่อนจะตาย เรามีแต่ความกลัว
ในชีวิตของของเราได้ทำความรู้จักกับความตายอย่างไวที่สุดก็ช่วงอนุบาล เป็นช่วงแรกของชีวิตที่เริ่มจดจำเรื่องราวบนโลกใบนี้ได้
ครั้งหนึ่งในช่วงวัยเด็ก เราเคยมีเพื่อนเล่นเป็นลูกสาวของตายายคู่หนึ่งที่เป็นญาติของเรา พี่สาวคนนี้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตายายคู่นี้ เป็นเด็กที่ทั้งคู่ขอมาเลี้ยงจากหญิงขายบริการที่พยายามกินยาขับเลือดแต่ไม่สำเร็จ จนต่อมาทำให้เด็กคนนี้เกิดมาพิการทางสมอง เราจำเรื่องราวของพี่เขาได้ไม่ค่อยมาก รู้แต่ว่าตอนเด็กๆ เราก็ไม่ค่อยน่ารักใส่พี่เขา เพราะคนรอบตัวล้อเลียนว่าพี่เขาเป็นเด็กปัญญาอ่อน แต่ถึงอย่างนั้น เวลาที่ยายของเราเอาไปฝากเลี้ยงกับบ้านนี้ ก็จะมีพี่เขามาเล่นด้วยเสมอ จำได้ว่าลึกๆแล้ว เราเป็นเพื่อนเล่นที่ดีต่อกัน
สายวันหนึ่งในช่วงวันหยุดปิดเทอมฤดูร้อน จำปีไม่ได้ แต่จำความรู้สึกและภาพติดอยู่สมอง เป็นภาพข่าวที่ฉายไปทั่วประเทศ เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมเด็กสาวยัดใส่กล่องทิ้งเอาไว้บนรถขนส่งที่มุ่งหน้าไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด ในตอนนั้นน้าสาวเปิดข่าวนี้และบอกเล่าว่าเหยื่อในข่าวคือพี่สาวคนนั้น ในเรื่องคดีค่อนข้างโหดร้ายต่อใจเด็กคนหนึ่งที่ได้รับรู้เกี่ยวกับการตายของเพื่อนเล่นตัวเอง
นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับความตาย ที่แปลว่า จากกันตลอดกาล
แม้จะผ่านช่วงเวลาโศกเศร้าและหดหู่มาสักพัก แต่ความทรงจำเกี่ยวกับตัวเราและพี่คนนั้นยังติดอยู่ในใจ เราคิดย้อนกลับไปเสมอว่า เราไม่น่าเป็นเด็กเปรตที่พูดจาแย่ๆกับพี่เขาเลย ทั้งๆที่พี่เขาก็เป็นเพื่อนและพี่สาวที่ดี นั่นคงเป็นครั้งแรกที่เราได้เรียนรู้ในวัยเด็กว่า การทำตัวแย่ๆใส่ใครสักคน ไม่ใช่แค่คนๆนั้นที่เจ็บปวดหัวใจ แต่ตัวของเราเองก็เหมือนโดนสาปไปด้วย
ถัดมาช่วงประถมต้น ความตายเริ่มขยับเข้ามาใกล้คนที่เรารู้จักและใกล้ ประกอบกับการจดจำเรื่องราวเริ่มชัดเจนมากขึ้น ลูกพี่ลูกน้องที่แก่กว่าเราเกือบยี่สิบปี ตายในบ้านของพ่อกับแม่หลังเก่าเพราะทำงานหนักเกินไป สาเหตุการณ์ตายมาจากหัวใจล้มเหลวหรือที่รู้จักกันในภาษาชาวบ้านว่า ไหลตาย
เพราะญาติคนนี้ตายจากการทำงานหนัก เราถึงได้เถียงสุดใจเวลามีใครก็ตามมาพูดทำนองว่างานหนักไม่ทำให้ใครตาย ไม่จริง มีคนตายดับสูญจากโลกใบนี้เพราะงานและตายจากจิตวิญญาณข้างในก็เพราะงาน
ในตอนนั้นเราไม่ได้ร้องไห้หรือเสียใจ แต่ใจหาย เพราะลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เป็นพี่ชายที่ใจดี อบอุ่น ขยัน สุภาพ เคยซื้อของเล่นให้เราด้วย แต่ที่น่าเศร้ากว่าคือ ที่พี่เขาทำงานหนักก็เพราะเก็บเงินเตรียมแต่งงาน แต่ยังไม่ทันได้แต่งเลย สงสารแฟนพี่เขามากกว่า คงจะแตกสลายจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง
ต่อมาไม่นานปู่ของเราเสีย เพราะการดื่มเหล้าเยอะเกินไป จำไม่ผิดน่าจะเป็นอาการลงแดงหรือสุราเป็นพิษ ครั้งนั้นเราร้องไห้หนักมาก จนคนที่บ้านแซวว่าทำไมร้องขนาดนั้น ความรู้สึกในตอนนั้น อาจเพราะเขาเป็นปู่ที่เคยดูแลเราช่วงเวลาหนึ่งแม้ว่าจะไม่มากเหมือนตายาย แต่เขาก็เป็นชายแก่ที่มักจะตามใจเราเสมอ เราเป็นขวัญใจพวกปู่ๆตาๆ แต่การตายของปู่ยังไม่เศร้าและสร้างความรู้สึกประหลาดได้เท่าการตายของตา
ตาของเราเสียช่วงประถมปลาย ตอนที่เราย้ายเข้าแถวฉะเชิงเทรากับพ่อแม่ ที่ผ่านมาเราโตมาจาการเลี้ยงดูของตายาย ทำให้เราผูกพันและรักพวกท่านมากกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ ตาของเราเสียเพราะโรคมะเร็งตับ เนื่องจากสมัยหนุ่มดื่มหนักจนยายต้องพาไปเลิกเหล้าที่ถ้ำกระบอก ถึงจะเลิกมาได้เป็นสิบปีแต่ฤทธิ์ของพิษสุราที่เข้าไปสะสมในร่างกายก็แปลสภาพเป็นเชื้อร้ายอยู่ดี
การตายของตาทำให้เราเริ่มตระหนักเรื่องความตายขึ้นมานิดๆ เพราะคนที่ตายครั้งนี้ ใกล้ตัวที่สุด เราเพิ่งเข้าใจคำว่าการตายเป็นครั้งแรกก็ตอนที่ตาไม่หายใจแล้ว ความรู้สึกเหมือนกับบางอย่างที่หายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล แม้จะคิดถึงมากแค่ไหน ก็จะไม่มีคนๆนี้อยู่กับเราอีกแล้ว พอคิดได้แบบนั้นน้ำตามันก็ไหลออกมาเหมือนโลกจะแตก ยิ่งคิดยิ่งกลัว แต่อีกใจก็โล่งที่ตาไม่ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานกับโรคร้ายอีก
ผ่านไปจนเข้าช่วงมัธยมต้นก็ถึงคิวของยายที่เป็นน้องสาวของยายเรา ซึ่งก็เป็นญาติที่อยู่รั้วบ้านเดียวกัน คอยดูแลเราเหมือนยายแท้ๆของเรา ยายเสียเพราะโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะว่าไปในวงตระเราก็เป็นมะเร็งกันเยอะเหมือนกัน เพราะพี่สาวของยายอีกคนก็เคยเล่าว่าแม่ของเขาก็น่าจะเป็นมะเร็งตาย บางทีในตัวของเราก็อาจมีเชื้อที่หลับไหลอยู่
และถัดมาในช่วงมัธยมปลายน้าขายของเราก็ตายด้วยโรคมะเร็งปอด เรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นกับน้าขายและน้าสาวก็คือ พ่อแม่ของน้าสาวไม่ชอบน้าเขย ทำให้ช่วงที่น้าเขยป่วย เขามีอาการไออยู่ตลอดเวลา แต่ตาซึ่งเป็นพ่อของน้าสาวไม่ชอบใจ ทำให้น้าเขยไม่กล้าไอ หลายครั้งเขาต้องกลั้นไอ มันคงทรมานมากๆ
ความตายเกิดขึ้นทุกวัน แทบจะทุกวินาที ถ้าตามคำสอนทางพระก็จะบอกว่าความตายอาจเกิดขึ้นในลมหายใจถัดไป
ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจหรือเชื่อเท่าไหร่ อาจเพราะยังคิดว่าห่างไกลจากตัวเอง จนกระทั่ง เพื่อนสมัยอนุบาลของเราตายเพราะโรคมะเร็งเต้านม ในวัยเรียนระดับอุดมศึกษา เพื่อนยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเพื่อนคนนี้ทำให้เราหันกลับมาดูตัวเอง ก่อนที่เพื่อนคนนี้จะตาย ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่อนคนนี้ได้ทำอะไรมากมายที่อยากจะทำ น่าเสียดายที่เหลือจำกัด ถ้าเขายังอยู่คงได้ทำอะไรอีกเยอะ
แล้วเราล่ะ??? เราหันกลับมาถามตัวเอง เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้วหรือยัง ลองบ้างหรือยัง เอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ความกังวลมากไปหรือเปล่า ถ้าเวลาของเราเหลืออยู่แค่ลมหายใจถัดไป ลมหายใจนี้ เราทำได้ดีตามที่อยากจะทำแล้วหรือยังนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in