เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
unexpected date.เมอคิวรีย์.
กำแพง ที่ถูกทำลายลง
  • ณ วินาทีนี้นั้นเอง

    ใจผมเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง

    ตามผิวหนังเริ่มมีเหงื่อหยดออกมาเล็กน้อยราวกับห้างแห่งนี้ไร้ซึ่งเครื่องปรับอากาศ

    สายตาของผมมองเห็นผู้คนมากมายผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอคนนั้น คือคนไหน

    ผมพยายามยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบดูอีกครั้ง ว่าเธอคนนั้น อยู่ในระแวกนี้หรือไม่

     

    ทันใดนั้นเองเมื่อผมหันหลังกลับไป ก็พบเจอกับหญิงสาวคนหนึ่ง

    เธออยู่ห่างจากตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ระยะหนึ่งเป็นระยะที่สายตาของผมพอจะมองเห็นได้อยู่

                   แต่แล้วสิ่งที่ผมคาดเดาไว้ก็เริ่มมีเค้าโครงที่จะเกินขึ้นจริง

                   ฝีเท้าของเธอขยับเข้ามาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

                   จนท้ายที่สุดภาพของเธอก็เด่นชัดขึ้นตรงหน้าผม

     

                   เธอเดินเข้ามาและทำหน้ามึนงงสับสนตามภาษาคนตามประสาคนแปลกหน้า

                   พร้อมกับชี้นิ้วส่งสัญญาณไปที่โทรศัพท์เพื่อถามเป็นนัยๆ

     

                   ผมพยักหน้าตอบรับกลับไป

                   และแล้วบทสนทนาของคนแปลกหน้าก็เริ่มขึ้น

                  

    เออนี่เราเจอกัน ยังไม่ได้รู้จักชื่อกันเลยนี่หว่า

    เธอเริ่มเปิดบนสนทนาขึ้นโดยที่มีผมเป็นผู้ตาม

    หลังจากได้ทำความรู้จักกันพอเป็นพิธี

     

    กินข้าวยัง

    กินข้าวกันไหม...?” เธอโพล่งขึ้นมา ในระหว่างที่ความเงียบเริ่มเข้ามาเมื่อทำความรู้จักกัน 
    เรียบร้อย

    กินแล้วแต่กินอีกได้ผมนึกขึ้นได้ว่านี่คงจะเป็นมื้อแรกของเธอ

    แล้วเราจะกินอะไรกันดี...?”

     

    เราเดินดูร้านอาหารรอบๆ บริเวณนั้นกัน 2 ถึง 3 รอบ ก่อนที่จะตกลงกันว่าจะกินบอนชอน

    (บอนชอน= ร้านอาหารเกาหลีรูปแบบแฟรนไชส์ที่เน้นการขายไก่ทอด)

     

    กลิ่นของอาหารและเครื่องเทศ ฟุ้งทั่วร้าน สวนทางกลับปริมาณของผู้คนในร้าน

    คงเป็นเพราะนี่เป็นเวลาที่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นเวลามื้อไหนของวัน

     

    เรานั่งลงในโต๊ะที่อยู่ค่อนไปทางบริเวณกลางร้าน

    กินเผ็ดไหม” ผมถามขึ้น พร้อมเริ่มเปิดเมนูอาหารไปพลางๆ

    กินได้เธอตอบขึ้นมาเบา ๆ

    ปกติมาบอนชอนต้องกินอะไร...?”

    ไก่เราทั้งคู่พูดขึ้นใรจังหวะใกล้เคียงกันพร้อมเสียงหัวเราะเหมือนพึ่งถามคำถามที่ตัวเองรู้คำตอบ

    ออกไป

     

    ตอนนี้ผมเริ่มเกิดความรู้สึกเคว้งคว้างอีกครั้งเหมือนไร้ซึ่งสหายร่วมรบในสมรภูมิ

    อาจจะเป็นการเปรียบเปรยที่ดูมากความไปหน่อยแต่ถ้าผมบอกคุณว่า เสียงหัวใจของผมกำลังเต้นโครมคราม

    ราวกับเสียงของกลองที่ตีดังขึ้นเพื่อเร้งเร้าให้เกิดสงคราม ก็คงพอที่จะเข้าใจได้

     

    ทำไมถึงเล่นแอพหาคู่ล่ะ...?” เธอยิงคำถามขึ้นอีกครั้ง

     

    ท่ามกลางสติที่กำลังหลุดลอยอยู่นั้นเอง

    ผมใช้เวลาเรียกสติราวครึ่งวินาที ก่อนจะตอบคำถามเธอ

    เล่นแก้เบื่อ

    เป็นคำตอบที่ดูน่าผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ผมนั่งคิด

    แล้วแกล่ะ ทำไมถึงเล่น…?”

    ผมยิงคำถามเดิมกลับไปที่เธอราวกับว่าตัวเองเป็นกระจกที่กำลังสะท้อนแสงกลับไปยังทิศทางเดิมอย่างนั้น

     

    พอดีเราพึ่งอกหักมา เมื่อวันศุกร์....

    ผมทำสัญลักษณ์ชี้นิ้วไปทางซ้ายเพื่อสอบถามเธอเป็นนัย ๆ ว่า ศุกร์ที่ผ่านมานี่เหรอ

    เธอพยักหน้าตอบรับเบาๆ พร้อม อ้าปากพูดต่ออีกครั้ง

    เรากับคนคุยเก่าเราที่คุยกันได้ 5 เดือน พึ่งเลิกกัน

     

    เดี๋ยวนะผมไม่ได้กำลังฟังอะไรผิดไปใช่ไหม คนคุย ที่เลิกกัน ? คือไม่ใช่แฟนเหรอ ผมได้แต่ทวนคำที่เธอพึ่งพูด

    ออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่เป็นผู้รับฟังที่ดีไปพร้อม ๆกัน

     

    ตอนที่จบกันเราร้องไห้เป็นหมาเลยแหละ

    เธอพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูปกติสุขดีแต่ไม่รู้เพราะสาเหตุใด ผมจึงรับรู้ได้ถึงความเศร้าที่อยู่ภายในใจของเธอ

     

    แล้วหลังจากนั้นเพื่อนก็เลยบอกให้เราโหลดแอพนี้มาเล่น

    เราก็เลยลองโหลดมาแล้วก็เติมเงินเรียบร้อยเลย

    ที่จริงเราพึ่งโหลดมาเมื่อวานนี่เองแล้วพอเห็นแกแมทซ์ แล้วทักมาพอดี มันก็เลยมาถึงจุดนี้       

    แหละ

     

    หลังจากได้ฟังเธอเล่าถึงที่มาที่ไปในการมาเล่นDating app นี้ ผมก็รู้สึกโล่งใจแปลก ๆ เหมือนกับว่าได้ฟังเพื่อนที่

    สนิทสนมมานานเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังตอนนี้ผมรู้สึกว่ากำแพงของความเป็นคน Introvert ของผม กำลังค่อย ๆ

    ถูกทำลายลงอย่างช้าๆ  ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนรุ่นพี่ในคณะละลายพฤติกรรมอย่างไรอย่างนั้น

     

    ตอนนี้พนักงานเริ่มยกอาหารมาวางที่โต๊ะ ในบรรดาอาหารที่สั่งไป  ปีกไก่ทอดรสชาติ soy garlic ถูกเสิร์ฟลงบน

    ที่โต๊ะเป็นอย่างแรกตามมาด้วย รามยอนซุปกิมจิชีสไข่ลาวา และน้ำดื่มตามลำดับ

    (soy garlic = รสชาติหนึ่งของไก่ทอด)

    (รามยอน=  บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเกาหลี)

     

    ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้ความเงียบที่ไร้ซึ่งเสียงของบทสนทนา

    ท่ามกลางความเงียบนั่นเองจู่ ๆ เธอก็ทลายกำแพง ความเป็น Introvert ของผมอีกครั้ง

    ไม่ถนัดแหะ

    เธอพูดเบาๆ พร้อมวางช้อนซ้อมลงจากนิ้วมือ พร้อมกับค่อย ๆ ยกไก่ขึ้นมากัดด้วยความ

    เอร็ดอร่อย

    เออกินไก่ใครเข้าใช้ช้อนซ้อมกัน

    ผมที่กำลังใช้ช้อนซ้อมตัดไก่กินด้วยความยกลำบากอยู่ดี ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน และทำตาม

    อย่างกับถูกบังคับ

     

    หลังจากมื้ออาหารที่แสนงุนงงจบลงเธอบอกกับผมว่าเดี๋ยวจะต้องไปเดินจับจ่ายซื้อของต่อ

    ผมที่ไม่ได้มีธุระเร่งรีบที่จะต้องกลับบ้านเลยตบปากรับคำตกลงกับเธอไป

    ค่าอาหารมื้อนี้จบลงด้วยความยุติธรรมอย่างที่ผมแทบจะไม่เคยได้พบเจอ โดยเราตกลงกันว่าจะจ่ายกัน

    คนละครึ่งตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงความสบายใจที่เกิดขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจ

    เราใช้ระยะเวลาเดินหาสิ่งของต่าง ๆ ร่วมกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง หลังจากพึ่งรับประทานอาหารร่วมกันราวกับ

    ต้องการเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่พึ่งถูกส่งเข้าไปในร่างกาย

     

    นี่แกพาเรามาทรมานเหรอ...?”

              ผมพูดออกไปในขณะที่เรากำลังยืนอยู่ที่บันไดเลื่อนด้วยกัน

              "แกดูรองเท้าเราดิ" 

               ผมก้มหน้าลงไปมองที่เท้าของตัวเอง ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วย รองเท้าคัทชูหนังสีดำ

               "เออหว่ะ เราพึ่งเห็น"

     เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่รู้ดีว่าสาเหตุที่ผมเปิดประเด็นขึ้นมา ไม่ได้มีความจริงจังแม้แต่น้อย 

     แต่พูดไป

     เพียงเพราะว่าต้องการกระชับความสัมพันธ์ให้สนิทสนมกันมากขึ้นเท่านั้นเอง

     

     เมื่อเดินมาเป็นระยะเวลานานพวกเราเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้น

     ถึงแม้ว่าความจริงตอนนี้เราเริ่มได้ของที่เราต้องการกันแล้ว แต่มันก็ยังไม่ครบตามจำนวนที่เธอ 

     ต้องการ

     แถมพลังงานของเธอก็เริ่มหดหายลงไปจนแทบไม่เหลือแล้ว

     

     “ไปกินไอติมกันไหม…?” เธอโพล่งขึ้น ขณะที่เรากำลังเดินอยู่

     “Swensen เหรอ" ผมพูดเสนอ

     “After you ไหม กินบิงซูกัน" เธอพูดเสนอขึ้นราวกับว่าไม่ยิน สิ่งที่ผมพึ่งเสนอขึ้นก่อนหน้านี้ 

     “อือไปดิผมไม่คิดจะยกชื่อร้านมาเสนออีก เพราะเพียงแค่ต้องเดินก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว

     สุดท้ายเราจึงได้ไปนั่งในร้านอาหารอีกครั้งแตกต่างเพียงแค่ครั้งนี้เป็นร้านของหวานไม่ใช่ 

     ของคาวก็เท่านั้นแอง

     

     เป็นอีกครั้งที่ผมต้องนั่งประชันหน้ากับคนแปลกหน้าอีกครั้ง

     หากแต่ครั้งนี้ผมแทบจะไม่ได้รู้สึกว่าเธอ เป็นคนแปลกหน้าของผมอีกแล้ว

     เราพูดคุยกันถึงความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ต้องเดินตามหาสิ่งของราวกับอยู่ใน

     เกมส์ตามหาของ

    เราทั้งคู่ผลัดกันบ่น ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    คำบ่นเหล่านั้นแทบจะไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรเลย

    แต่ทำไมตอนนี้ตัวผมกลับกำลังรู้สึกถูกปลดปล่อย

    และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

    ตอนนี้กำแพงของผมแทบจะแตกสลายไปแล้ว ไม่มีอะไรที่ผมจะต้องปิดอีกต่อไป

     

    แต่พอมองย้อนกลับไป

    ผมก็อดคิดไม่ได้ว่านี่คือเรื่องแปลกที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา

    ผมพึ่งรู้จักเธอได้ไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ

    หากความจริงแล้วเธอเป็นมิจฉาชีพที่ต้องการเข้ามาเพื่อหลอกล่อ

    ผมขอสารภาพตามตรง

    ผมก็คงยอมให้เธอหลอกล่อ

    หากมันจะช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจได้เช่นที่ผมรู้สึกอยู่ ณ เวลานี้.


     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in