เมื่อ 2 เดือนก่อน พวกเราจัดพิธีให้น้องแบบคริสต์ พิธีกรรมจะเป็นการชื่นชมยินดี กล่าวถึงคุณความดีของผู้ที่จากไป ซึ่งว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ แขกที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ก็ร่วมรำลึกไปด้วยกัน และมีการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน มีน้องๆมาเล่นไวโอลินด้วย
.
.
นับเป็นช่วงเวลาแห่งความประทับใจ ซาบซึ้งใจ และอาลัยต่อน้อง ส่งน้องกลับไปสู่อ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า มีสันติสุขตราบนิรันดร์
.
.
ชีวิตคนเรา ยามมีชีวิตอยู่ หากเราได้ทำสิ่งดีๆไว้ ยามใกล้หมดลมหายใจ เราปล่อยวางจากสรรพสิ่ง มีคนรู้ใจอยู่ใกล้ๆ ได้กล่าวคำอำลากันบ้าง ก็จากไปอย่างสงบ
.
.
จากกรณีของน้องที่จากไปด้วยวัยก่อนอันควร
เราได้ข้อคิด ...
กายนี้เราได้ยืมมาชั่วคราว ตามอายุขัยของเรา
แล้วกายนี้ตอนลาลับ
ก็มีเพียงเสื้อผ้า 1 ชุด รองเท้า 1 คู่
ที่ญาติเตรียมมาให้เท่านั้น
ทรัพย์ศฤงคาร ทุกอย่างที่เราสร้างไว้
ลูกหลานญาติมิตร มิมีใครตามติดเราไป
.
.
ตอนเกิดมาเป็นทารกน้อย มาคนเดียว
ร้องไห้จ้า.. ชีวิตนี้เริ่มทุกข์หนอ..
ตอนลาลับ ไปคนเดียว ไม่มีเสียงใดๆ
ความทุกข์ในโลกนี้ ยุติลงแล้ว
มีเพียงดวงจิตที่สะสมบุญบาปติดตัวไป
แล้วก็ส่งเราไปในภพภูมิต่อไป
ตามแต่บุญกุศลที่ได้ทำไว้..
.
.
เมื่อมีข้อคิดดังนี้ เราก็เลือกได้เองว่า
เราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
ให้สมกับการมีบุญวาสนา
ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้
คิดดี พูดดี ทำดี สะสมอริยทรัพย์กันต่อไป
ฝึกจิต ฝึกตน เตรียมตัวให้พร้อม
แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามวิถีของมันเองจ้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in