เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#wirunfica week before valentine
ความพยายามที่ไม่สูญเปล่า (UshiOi / Haikyuu)
  • Fan Fiction Haikyuu!! 

    Ushijima Wakatoshi x Oikawa Tooru


    ความพยายามที่ไม่สูญเปล่า




    “นายนี่ทำไมถึงชอบพยายามในเรื่องแบบนี้กันนะ”

    โออิคาวะ โทโอรุ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แม้จะเจือความสงสัยไว้บ้าง ทว่าสีหน้ากลับเจือความหงุดหงิด รวมถึงแววตาสีน้ำตาลอ่อนที่ฉายความไม่พอใจชัดเจน

    สิ่งที่สะท้อนอยู่ในนัยน์ตานั้นคือช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ที่มือหนึ่งยื่นมาให้เขา

    มือของอุชิจิมะ วากะโทชิ

    “เรื่องแบบนี้มันไม่ดีหรือไง”

    อุชิจิมะถามกลับเสียงเรียบ ทั้งนัยน์ตาสีนิลและสีหน้าสงบนิ่ง ดูไม่เหมือนคนที่กำลังยื่นดอกไม้ให้คนที่ตัวเอง ‘หลงรัก’ เลยสักนิด

    อ่า… ใช่ เรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่สุดในโลก คนอย่างอุชิจิมะ วากะโทชิ มาหลงรักเขา…

    จนถึงวินาทีนี้โออิคาวะก็ยังคิดว่ามันเป็นมุกตลกของกัปตันทีมชิราโทริซาวะอยู่ดีนั่นแหละ

    “มีคนหลงรักน่ะมันดีอยู่แล้ว แต่พอคิดว่าเป็นนาย…” นัยน์ตาสีอ่อนกว่าเหลือบมองสีหน้าของคนตัวสูง “บอกตรง ๆ ฉันขนลุก”

    คิ้วอีกฝ่ายเหมือนจะกระตุก และทำท่าเหมือนจะหลุดยิ้ม ทว่าวินาทีต่อมาอุชิจิมะก็เอ่ยต่อ

    “ถึงนายพูดแบบนั้น ฉันก็ไม่คิดจะล้มเลิกความพยายามหรอกนะ”

    กัปตันของเซย์โจแค่นเสียง “ความพยายามของนายจะสูญเปล่าเอานะ”

    “ไม่มีคำว่าสูญเปล่าในสิ่งที่ทำลงไปเต็มที่หรอก”

    โออิคาวะนิ่งไป นัยน์ตาหรุบลงมองสีขาวนุ่มนวลของกลีบดอกกุหลาบช่อใหญ่จนแพขนตาแทบจะแนบผิวแก้ม ก่อนจะช้อนนัยน์ตาสบคนที่ยังยืนนิ่งถือช่อดอกไม้ไว้เหมือนเป็นหุ่น

    เขาแลเห็นนัยน์ตาสีนิลนั้นไหววูบไปชั่วขณะ ก่อนเขาจะเอ่ยถาม “นี่ลงทุนหอบกุหลาบขาวช่อใหญ่มาให้ฉันถึงโรงเรียนเนี่ย จะว่ายังไงดีล่ะ”

    เด็กหนุ่มกลอกตา สีหน้าหงุดหงิดเลือนหายไปหมดแล้ว นัยน์ตาที่ขุ่นมัวก็เริ่มฉายประกายขำขัน “กล้าดีนะ”

    หน้าประตูรั้วโรงเรียนอาโอบะโจไซ เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่หอบช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อมหึมายืนนิ่งอย่างรอคอย ทั้งยังสวมชุดนักเรียนที่ต่างออกไป เป็นใครก็ต้องคิดว่าเขามารอสารภาพรักกับสาวน้อยในโรงเรียนนี้ คงไม่มีใครคิดหรอกว่าคนที่เขามาดักรอจะเป็นหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียน

    แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่นับ ๆ ดูแล้วก็เกือบเดือนแล้ว โออิคาวะที่ตอนแรกทั้งอายทั้งโกรธจนแทบแทรกแผ่นดินหนี มาตอนนี้ก็ข้ามความรำคาญเป็นชินชาไปเสียแล้ว ดูท่าที่เขาว่าการทำอะไรซ้ำ ๆ จนเป็นกิจวัตร พอวันหนึ่งหายไปจะรู้สึกโหยหาน่าจะเป็นจริง

    เพื่อนในทีมที่ตอนแรกฮือฮาและคิดว่าอุชิจิมะมาหาเรื่องพวกเขาถึงถิ่น มาตอนนี้ก็มองเรื่องนี้เป็นหัวข้อแซวประจำวันเสียแล้ว เช่น เดากันว่าวันนี้อุชิจิมะจะหอบอะไรมาให้โออิคาวะ จะมากี่โมง สวมชุดอะไร ฯลฯ คุณกัปตันก็มองเป็นเรื่องขำ ๆ ไปด้วย

    แต่ดูเหมือนจะมีอยู่สองคนที่จริงจังกับเรื่องนี้

    แน่นอนว่าคนแรกคืออุชิจิมะที่ตอนนี้ยืนถือช่อดอกไม้มองหน้าเขาอยู่ ส่วนอีกคนคือ… อิวาอิสึมิ ที่นับวันก็ถามเขาบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ว่า จะปล่อยให้เรื่องราวเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

    ‘นายอย่าไปเล่นกับความรู้สึกคนอื่นมากนัก หมอนั่นไม่เหมือนพวกแฟนสาวขี้เบื่อของนาย ดูก็รู้ว่าจริงจังมาก’

    ฉันไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของใครเสียหน่อย โออิคาวะเถียงในใจ เพราะขืนพูดออกไปอาจโดนชกข้อหาเถียงคำไม่ตกฟาก

    โออิคาวะรับช่อกุหลาบมาไว้ในมืออย่างเสียมิได้ ก่อนหน้านี้เจ้าคนหน้านิ่งคนนี้บอกว่าเขาเหมาะกับดอกไม้สีขาว ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้หมอนั่นคิดอย่างนั้น แต่นี่ก็เป็นดอกไม้ช่อแรกที่เขาได้รับล่ะนะ

    แต่ไม่คิดจะบอกหมอนี่หรอกว่าเป็นช่อแรกในชีวิต

    แน่สิ เพราะปกติเขาเป็นคนให้ ไม่ได้เป็นคนรับเสียหน่อย

    “แค่ฉันรับดอกไม้ของนายนะ ไม่ต้องคิดไปไกล”

    อุชิจิมะขยับยิ้มที่มุมปาก “แค่นายรับฉันก็ดีใจแล้ว”

    ไม่รู้ทำไม คำพูดสั้น ๆ แค่นั้นกลับทำให้โออิคาวะไม่กล้าสู้สายตาของอีกฝ่าย

    เหมือนกำแพงทิฐิในใจของเขากำลังทลายลงช้า ๆ

    ไม่ใช่การกระทำรุนแรงจนตั้งตัวไม่ทัน เพราะเดิมทีกำแพงนี้ก็ไม่ได้แน่นหนาอะไร อุชิจิมะแค่เข้ามายกอิฐออกทีละก้อน…ทีละก้อน และกำลังจะก้าวเข้ามาในโลกของเขาโดยที่เขาได้แต่ยืนมองจากอีกฝั่งของกำแพง

    ไม่คิดจะหยิบอิฐก้อนใหม่ไปกั้นเสียด้วยซ้ำ ตลกตัวเองชะมัด

    โออิคาวะคิดว่าจริง ๆ แล้วตนเองก็ไม่ได้เกลียดอะไรอุชิจิมะนักหรอก ถึงจะแพ้หมอนี่บ่อยจนน่าเจ็บใจ แต่ถ้าอยู่ในสถานะที่ไม่ใช่ศัตรูกัน เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า พวกเขาอาจจะญาติดีกันได้ เพราะอย่างไรก็เป็นนักกีฬาเหมือนกัน

    ทว่า ‘ญาติดี’ ที่เขาจินตนาการ ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบนี้สักหน่อย

    ถึงอย่างนั้น แม้จะปฏิเสธไปหลายรอบ แต่อุชิจิมะก็ทำตัวสมเป็นวัวจริง ๆ …ลุยดะเข้ามาไม่สนใจจิตใจอันบอบช้ำของตัวเองสักนิด แน่นอนว่าเพราะเขานี่แหละ ถ้าคำพูดทำร้ายคนทางกายภาพได้ สามอาทิตย์ที่ผ่านมาเนื้อตัวของอุชิจิมะคงอุดมไปด้วยเลือด เพราะโดนเขาพูดจาตอกหน้าอย่างโหดร้ายไปนับไม่ถ้วน

    ไม่ยอมแพ้สักที

    จะว่ารั้นก็ว่าได้ไม่เต็มปาก เพราะโออิคาวะก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่คิดจะล้มอุชิจิมะให้ได้ เขาก็ทำทุกวิถีทางเพื่อจะเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ หมอนั่นคงคิดไม่ต่างกัน

    เขาอยากทำลายกำแพงความสามารถระหว่างตนกับอีกฝ่ายทิ้งเพื่อจะไล่ให้ทัน ขณะที่อุชิจิมะทำลายกำแพงอคติระหว่างพวกเขาและกำลังจะก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ

    “จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหม”

    เขาหันมาให้ความสนใจสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง อุชิจิมะยังยืนนิ่งมองเขาโดยไม่คิดจะพูดอะไร ไม่รู้มีชีวิตอยู่ได้ยังไง ปากคนเรามีไว้ให้พูดนะ

    “นายจะกลับบ้านแล้วเหรอ?”

    “เปล่า แวะหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับ”

    เขาหรี่ตามองคนตัวสูง คาดหวังให้อีกฝ่ายพูดอะไรบางอย่างที่จะทำให้เขายอมใจอ่อน

    และเหมือนอุชิจิมะจะรู้ เขาถอนหายใจก่อนเอ่ย “มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”

    โออิคาวะหลุดยิ้ม “ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

    เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า คนอย่างอุชิจิมะ วากะโทชิ จะตื๊อเข้าได้จนถึงที่สุดเมื่อไหร่

    END (?)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in