เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#wirunfica week before valentine
Always Lose (UshiOi / Haikyuu)
  • Fan Fiction Haikyuu!! 

    Ushijima Wakatoshi x Oikawa Tooru

    Rate: PG

    by WIRUNYUPHA


    Always lose


    Note:

    • ฟิคนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Secret Haikyuu!! ค่ะ
    • จากรีเควสของคุณ katba ค่ะ

    “3 ตัวละคร อุชิวากะ/โออิคาวะ


    โออิคาวะแข่งแพ้อุชิวากะเลยไปนั่งตากหิมะ #… เหม่อคนเดียวถึงเย็น อุชิวากะเดินมาเจอ โออิก็เดินหนี อุชิ ก็ตาม #… สุดท้ายอุชิตามมาเพราะอยากเอาเสื้อหนาวมาห่มให้” 





    เขาเกลียดการพ่ายแพ้

    เขาเกลียดเหตุแห่งความพ่ายแพ้

    ดังนั้น เขาจึงเกลียดคน ๆ นั้น

    ปุยหิมะสีขาวร่วงหล่นจากฟ้าสีทึม

    โออิคาวะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่โปรยละอองเย็นเยียบลงมาราวกับเป็นของขวัญอันแสนพิเศษ หิมะแรกของฤดูหนาว ช่วงเวลาที่ผู้คนกล่าวกันว่าโรแมนติกที่สุดช่วงเวลาหนึ่งแห่งปี ถนนทุกเส้นขาวโพลน ร้านค้าประดับไฟหลากสีสันเตรียมรับเทศกาลที่กำลังใกล้เข้ามา งานฉลองกำลังจะมาถึงในไม่ช้า

    เพียงแค่เห็นภาพเหล่านั้น เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจ ลมอุ่นสีขาวพรูออกมา

    เฉลิมฉลองงั้นเหรอ

    เมื่อเทียบกันแล้ว ความพ่ายแพ้ของพวกเขาก็เป็นแค่เสี้ยวเล็ก ๆ ของโลกใบนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วไหลผ่านตามกระแสของโลกไป ไม่ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้นมา

    ไม่มีใครรับรู้ถึงความเสียใจของพวกเขา

    เด็กหนุ่มหลับตา ตัดความวุ่นวายออกจากโลก สัมผัสได้เพียงไอเย็นที่ตกกระทบไหล่ใต้เสื้อคลุมกีฬาที่ไม่ได้หนาอะไรมาก ภาพที่ปรากฏชัดในความทรงจำคือลูกตบสุดท้ายและเสียงเป่านกหวีดของกรรมการ สกอร์คะแนนที่บ่งบอกชัดถึงความพ่ายแพ้ของเขา

    เป็นอีกครั้งที่ไม่สามารถเอาชนะชิราโทริซาวะได้

    เป็นอีกครั้ง…ที่เขาชนะอุชิจิมะ วากะโทชิไม่ได้

    โออิคาวะเผลอกัดริมฝีปาก ความเจ็บที่แล่นปราดขึ้นมาทำให้เขาได้สติ หิมะตรงเท้ากองทับถมกันจนเหมือนตัวเขากำลังจะจมลงไป เขาควรหาร้านอุ่น ๆ นั่ง…

    “โออิคาวะ”

    เสียงเรียกที่ทำให้เขาชะงัก แต่วินาทีถัดมาที่ตระหนักได้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใครเด็กหนุ่มก็รีบเร่งฝีเท้าเดินหนีทันที

    “…โออิคาวะ!”

    ยิ่งเดินเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่กระทบผิวกายมากขึ้นเท่านั้น คนถูกเรียกชื่อตั้งใจจะเร่งความเร็วและความยาวของฝีเท้ามากขึ้น ทว่ายังไม่ทันจะก้าวเท้าลงพื้นเพิ่มอีกสักก้าว มืออุ่นก็คว้าหมับเข้าที่แขนของเขา

    “…นาย!”

    “โออิคาวะ!”

    อุชิจิมะ วากะโทชิ ขมวดคิ้วมองเขาอยู่

    นัยน์ตาสีนิลหรี่ลง มือข้างที่จับแขนเขาไว้บีบแน่น ท่าทางคล้ายจะตั้งคำถาม

    แต่โออิคาวะไม่อยากฟัง

    “ปล่อย”

    เขาพูดสั้น ๆ สะบัดมือที่เกาะกุมแขนออก อีกฝ่ายปล่อยอย่างง่ายดายเขาเลยได้โอกาสเดินหนี แต่ไม่คิดว่าอุชิจิมะจะ…เดินตามมา

    จะเดินตามหรือไม่ก็ช่างเถอะ เขาไม่อยากสนใจ

    ทำไมต้องโผล่มาตอนกำลังหงุดหงิดด้วย

    โออิคาวะก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำฝ่าหิมะที่หนาเป็นนิ้ว ๆ เพื่อจะหาที่พักอุ่น ๆ สักที่ แต่ยิ่งเดินยิ่งล้า และคนข้างหลังก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตามด้วย หลังจากเดินมาไกลจากจุดเดิมและเริ่มเข้าเขตร้านค้า เขาก็หยุด

    แล้วเอ่ยถามโดยไม่หันไปมองคนข้างหลัง

    “ตามฉันมาทำไม อุชิวากะจัง”

    ถ้าโออิคาวะหันกลับไปมองตอนนี้ คงเห็นสีหน้าที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นบนใบหน้าที่มักเรียบนิ่งเสมอของอุชิจิมะ วากะโทชิ

    เด็กหนุ่มตัวสูงกว่ายืนนิ่ง คิ้วขมวดเข้าหากันขณะที่หอบน้อย ๆ เพราะการเดินฝ่าหิมะไม่ใช่เรื่องสนุกยิ่งต้องเดินตามคนที่มีทีท่าจะหนีตลอดเวลา ถึงอย่างนั้น… เขาก็ปล่อยคนตรงหน้าไว้ไม่ได้

    ความเงียบโรยตัวอยู่นาน นานจนคนถามหงุดหงิดต้องหันกลับมาจ้องนัยน์ตาสีเข้มตรง ๆ แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากต่อว่าอะไร กัปตันชิราโทริซาวะก็ก้าวเข้ามาใกล้เขาจนชิด

    พร้อมกับความอุ่นนุ่มของผ้าที่วางทาบลงบนไหล่ของเขา

    “ออกมาทั้งแบบนี้ ไม่หนาวหรือไง”

    น้ำเสียงส่อแววตำหนินั้นแปลกหูนัก โออิคาวะแน่ใจว่าสีหน้าตัวเองตอนนี้คงเกินคำว่าความงุนงงไปไกลมากแน่

    “…เสื้อ?”

    หรือจะให้ชัดคือ เสื้อกันหนาว

    เสื้อกันหนาวตัวหน้าสีเข้ม มีฮู้ดและขนนุ่ม ๆ ด้านในที่พอกอง ๆ ไว้ตรงหลังคอแล้วรู้สึกดีขึ้นมาทันที กัปตันเซย์โจจับชายเสื้อข้างหนึ่งด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ก่อนจะช้อนตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง

    “เอามาให้ฉันทำไม”

    อุชิจิมะตอบเสียงเรียบ “นายจะได้ไม่หนาว”

    “…”

    แพขนตาสีน้ำตาลไหวจากแรงกะพริบด้วยความอึ้ง ประโยคคำพูดตรงไปตรงมาจนคนฟังทำตัวไม่ถูก ปฏิกิริยาจากคนได้เสื้อกันหนาวโดยไม่รู้ตัวเลยกลายเป็นอาการผงะ

    “…อะไรของนาย”

    “นายออกมาจากยิมแล้วไม่ได้หยิบเสื้อออกมา ฉันเห็นมันอยู่กับอิวาอิสึมิ” อุชิจิมะอธิบาย “ทำไมถึงไม่หยิบออกมาด้วย”

    จะให้บอกว่าเขามัวแต่เสียใจที่แพ้อีกฝ่ายจนเลอะเลือนหรือไง โออิคาวะไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ปากคว่ำบ่งบอกความไม่พอใจ

    “นายหงุดหงิดอะไร”

    คนที่เงียบเสมอถามขึ้นมาอีกแล้ว

    “ทุกอย่าง”

    เขาพึมพำตอบ

    “โดยเฉพาะนาย”

    อุชิจิมะเม้มรีมฝีปากก่อนถามกลับ “ฉันไปทำอะไรให้นายไม่พอใจ”

    นายไม่ได้ทำอะไรเลย

    ที่ฉันไม่พอใจอยู่นี่ สาเหตุมันก็มาจากตัวฉันเองนี่แหละ

    แน่นอนว่าโออิคาวะไม่มีวันพูดประโยคนั้นออกไป เขายักไหล่เอียงตัวหนีสายตาคาดคั้นของคนตัวสูงกว่า นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองร้านค้าที่มีผู้คนบางตา สองข้างทางแทบไม่มีคนออกมาเดิน เพราะอากาศที่เย็นจัดและหิมะที่ยากต่อการเดินทาง พยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้จะตกหนักกว่าเดิมอีกด้วย

    อุณหภูมิกำลังลดต่ำลง โออิคาวะรู้สึกได้

    ทันใดนั้น ความอบอุ่นอีกรอบก็โอบสัมผัสรอบคอ… ผ้าพันคอสีน้ำเงินที่เมื่อครู่เขาเห็นอุชิจิมะพันไว้รอบคอตัวเอง

    โออิคาวะทำท่าจะดึงมันออก แต่อุชิจิมะกลับจับมือเขาไว้ ตอนนี้เองที่เขารู้สึก… มือทั้งสองข้างของเขาเย็นเฉียบไม่ต่างอะไรกับคนตาย

    ความอุ่นจากมือของอีกฝ่ายรู้สึกดีจนเขาไม่กล้าปัดออก

    “ตัวนายเย็นมาก” อุชิจิมะกระซิบเสียงเบา “จมูกแดงหมดแล้ว”

    โออิคาวะนึกอยากยกมือขึ้นบังปลายจมูกตัวเอง เสียแต่ว่ามือทั้งสองข้างโดนคนตรงหน้ายึดไว้

    หงุดหงิดจริง… ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง

    “ฉันว่านายควรกลับบ้าน เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่ให้”

    “ไม่ต้องมายุ่งน่า ฉันจะกลับเมื่อไหร่ก็เรื่องของฉัน”

    “มีเหตุผลหน่อย โออิคาวะ”

    เสียงอีกฝ่ายไม่ได้ดังขึ้นกว่าปกติ แต่มันเข้มและเจือความโกรธจนเขาต้องหยุดฟัง เมื่อสบกับนัยน์ตาคู่นั้นจึงเห็นแววห่วงใยที่ทอประกายออกมา

    ยิ่งทำให้ผู้พ่ายแพ้งุนงงกว่าเดิม

    ไม่นานอุชิจิมะก็โทร.เรียกแท็กซี่ เขาได้แต่ยืนมอง พูดอะไรไม่ได้ มือทั้งสองข้างโดนคนตัวสูงยึดไว้ สักพักอุชิจิมะก็บอกให้เขาสวมเสื้อกันหนาวดี ๆ เหมือนว่าไซส์ของมันจะใหญ่กว่าตัวเขาเล็กน้อย แขนเสื้อที่ยาวลงมาเกือบปิดนิ้วทั้งหมด โออิคาวะรีบซุกมือทั้งสองข้างเข้าไปในเสื้อทันที ไม่เปิดโอกาสให้คนข้าง ๆ ยึดมือเขาไว้อีก

    อุชิจิมะเหลือบมามองแต่ไม่ได้พูดอะไร

    พวกเขายืนอาศัยไออุ่นจาง ๆ จากหน้าร้านสะดวกซื้อ ไม่รู้ตอนไหนที่โออิคาวะขยับเข้าไปใกล้อุชิจิมะมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกตัวอีกที ความใกล้ชิดดังกล่าวก็ทำเอาคนเป็นเซตเตอร์รีบถอยห่างออกมา แต่อุชิจิมะไม่พูดอะไรอีกเลย เพียงมองเขาเงียบ ๆ เท่านั้น

    ให้ตายเถอะ

    โออิคาวะหงุดหงิดทุกอย่าง รู้สึกทุกสิ่งบนโลกขวางหูขวางตา ตัวเขางี่เง่าเหลือเกิน อาการพาลแบบเด็ก ๆ นี่มันอะไร ไหนจะไม่เข้าใจการกระทำของคนข้าง ๆ อีก สิ่งที่ไม่ชัดเจนและหาคำตอบไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตัวเองโง่เอามาก ๆ

    ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย

    เมื่อไม่รู้ก็หาทางเอาชนะไม่ได้ และโออิคาวะเกลียดความพ่ายแพ้

    แสงไฟจากถนนทำให้รู้ว่าแท็กซี่มาถึงแล้ว โออิคาวะถอนหายใจ ลมอุ่น ๆ กลายเป็นควันขาวลอยฟุ้งตัดกับบรรยากาศสลัวจากแสงไฟที่ส่องลอดออกมาจากหน้าต่างร้านต่าง ๆ อุชิจิมะเอื้อมมาจับมือข้างหนึ่งของเขา เป็นสัญญาณว่าให้เดินไป แต่ยังไม่ทันจะก้าวออกจากหน้าร้าน

    สัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผาก

    โออิคาวะนิ่งค้าง… สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ขณะที่นัยน์ตามองเห็นว่าคนตรงหน้าขยับถอยออก ผละริมฝีปากออกจากหน้าผากของเขาอย่างอ้อยอิ่ง แต่ภาพที่เห็นกลับไม่ส่งกลับไปยังสมอง…ไม่เกิดการประมวลผล ทุกอย่างนิ่งค้างเอาดื้อ ๆ

    วินาทีที่ความรู้สึกนึกคิดกลับคืนมา คือผิวแก้มที่ร้อนผ่าวเหมือนเอาหน้าไปแนบเตาไฟ

    “กลับเถอะ”

    คนทำช็อกดันร่างเขาไปตรงถนน เปิดประตูให้เรียบร้อยแถมแจ้งพิกัดบ้านเขาให้ด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าไปรู้มาตอนไหน ณ ตอนนั้นสมองของโออิคาวะมีไว้คั่นหูเท่านั้น เขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว นอกจากความร้อนบนหน้าและเสียงหัวใจที่เต้นรัวแข่งกับเสียงกรีดร้องในหัว

    ตะกี้มันอะไร

    อะไรกัน

    เกิดอะไรขึ้น

    อุชิวากะจัง… จูบ…?

    จูบหน้าผากเขา?

    จูบทำไม?

    เด็กหนุ่มเผลอซุกหน้ากับฝ่ามืออย่างลืมตัว ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตอนนี้แดงไปทั้งหน้าทั้งหู โออิคาวะหลับตาแน่นพยายามลืมเรื่องเมื่อครู่ แต่ทำไม่ได้

    เกลียด

    ใช่ เราเกลียดอุชิวากะจัง

    แล้ว… แล้วตะกี้

    แล้วตะกี้มันอะไรล่ะวะ!?

    “…แหม เด็กสมัยนี้ สวีทกันไม่สนใจคนอื่นเลยนะครับ”

    เสียงทักยิ้ม ๆ จากโชเฟอร์ทำเอาคนกำลังสับสนถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนั่งกับเบาะอย่างไร้เรี่ยวแรง

    สวีทบ้าบออะไร

    แต่เขาหมดแรงจะเถียงกับคนที่ไม่รู้เรื่อง

    ด้านนอกหน้าต่างรถ ท้องฟ้าเป็นสีทึม หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย

    ความพ่ายแพ้ของเขายังคงอยู่

    ความเกลียดของเขาที่มีต่ออุชิวากะจังก็ยังคงอยู่

    ทว่าโออิคาวะรู้ดี

    บางอย่างกำลังเปลี่ยนไป

    FIN

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in