เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Your duty is not over!namenosense
First Top Secret
  • บันทึกการปฏิบัติภารกิจที่ 4
    อาทิตย์ที่สี่ของการฝึก..

    การประชุมลับของเหล่าผู้บัญชาการ 

    ตั้งแต่เข้ารับการฝึกงานเกือบจะครบหนึ่งเดือนเต็ม เพราะระยะเวลาดำเนินเข้าสัปดาห์ที่สี่แล้ว หลังจากผ่านพ้นสมรภูมิเดือดมาและคิดว่าคงจะสบายขึ้น แต่ความจริงแล้วฉันคิดผิด มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
    ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมีมาเรื่อย ๆ แทบไม่ได้หยุดพัก แต่คนที่ดูจะเหนื่อยกว่าคงไม่พ้นพี่ไพลิน เนื่องจากพี่ไพลินต้องคอยสอนงานฉัน และยังต้องทำงานที่ตนได้รับมอบหมายด้วยเช่นกัน ทำให้บางครั้งงานของฉันเสร็จแล้วก็มักจะช่วยแบ่งเบาภาระงานพี่ไพลินเท่าที่จะทำได้เสมอ

    เช้าวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานพี่จีนก็พูดคุยกับฉันว่า
    "เจ้าหนูนาเป็นยังไงบ้าง หลังจากที่เริ่มฝึกงาน มีตรงไหนที่รู้สึกอยากทำเพิ่มหรือเสนออะไรมั้ย? เสนอได้เลยนะ เผื่อบางทีแกมีอะไรที่อยากทำหรือมันยังไม่ตรงกับสายงานก็บอกได้" 

    ในขณะที่ฉันกำลังจะตอบกลับก็มีเสียงของพี่ไพลินแทรกขึ้นมาทันทีว่า 
    "นี่ยังไม่เยอะพอเหรอ! ยังจะเพิ่มอีกเหรอ" 

    พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฉันก็รู้สึกอดขำไม่ได้ ที่พี่ไพบินพูดก็ไม่ได้เกินความจริงสักเท่าไหร่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฉันได้เรียนรู้งานจากพี่ ๆ หลายอย่างมาก ทั้งเรื่องที่รู้อยู่แล้วและเรื่องที่ยังไม่รู้ ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด หรือถ้าหากมีก็จะรีบแก้ไขทันที 

    ก่อนที่บทสนทนาจะขาดช่วงฉันรีบตอบกลับพี่จีนไป

    "ไม่เลยค่ะ หนูรู้สึกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ตรงสายอยู่ ส่วนเรื่องเพิ่มงานหนูรู้สึกว่าตอนนี้โอเคแล้วค่ะ กำลังพอดี แต่ถ้าหากอยากเพิ่มตรงไหนจะรีบบอกเลยค่ะ"

    "อือ" พี่จีนตอบแค่สั้น ๆ จากนั้นพวกเราก็พูดคุยถึงเรื่องการฝึกงานและกระบวนการทำงานของบริษัท ฉันฟังไปด้วยมือก็พิมพ์งานไปด้วย มีตอบกลับบ้างเป็นบางครั้ง แต่มีคำพูดของหนึ่งพี่จีนที่ทำให้ฉันต้องหยุดพิมพ์และหันกลับไปมอง

    "ถ้าแกฝึกที่นี่ได้นะ รับรองแกจบจากไป แกทำเป็นทุกอย่าง ที่เหลือก็สบายละ"

    คำพูดที่แสนจะคุ้นเคย ราวกับเคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลยแฮะ..

    ฉันควรจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจกันดีนะ เอาเถอะ! อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่ดี ...

    จากนั้นไม่นานพี่ไพลินกับพี่พานก็แจ้งฉันว่าจะมีการประชุมครั้งถัดไปอีก ซึ่งดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นการประชุมที่จริงจังกว่าครั้งก่อน เพราะมีทั้งหัวหน้าฝ่ายการตลาด บก. อีกหลายท่าน แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ฉันรู้เพียงคร่าว ๆ ว่าจะมีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง เลยทำการค้นหาข้อมูลเป็นการส่วนตัว หากโดนถามคำถามจะได้ตอบได้ 

    เมื่อก้าวขาเข้าห้องประชุม ภาพเหตุการณ์สัปดาห์ที่แล้วซ้อนทับขึ้นมา แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง ทั้งแรงกดดัน อุณหภูมิห้องที่ลดต่ำลงจนขนแขนลุก ความรู้สึกเกร็ง และกลิ่นของกระดาษหนังสือ 

    ให้ตายเถอะ นี่มันยิ่งกว่าอยู่ท่ามกลางสนามรบเสียอีก เรียกได้ว่าอยู่ท่ามกลางดงผู้บังคับบัญชาการที่สามารถปลดเราออกจากภารกิจเมื่อไหร่ก็ได้เพียงแค่กระดิกนิ้ว ในมือที่กำปากกากับสมุดจดกลับรู้สึกเหมือนกำลังถือระเบิด เหงื่อชื้นเต็มไปหมดจนไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ขนาดเสียงหายใจยังรู้สึกว่าดังกว่าเสียงแอร์

    การประชุมเริ่มต้นขึ้น ฉันนั่งฟังเรื่องราวพร้อมกับจดบันทึกเป็นระยะ สิ่งที่น่าตกใจคือการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมที่สำคัญมากเพราะข้อมูลทุกอย่างล้วนยังไม่ได้เปิดเผยที่ไหนมาก่อน อาจบอกได้คร่าว ๆ เพียงแค่ว่า เกี่ยวกับ 'หนังสือ' จึงต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด ระหว่างที่จดบันทึกข้อมูลในหัวฉันก็เริ่มประมวลผลและคิดตามถึงแนวทางที่น่าสนใจ 
    หลังจากพี่บก. คนหนึ่งรายงานจบ ทุกคนในห้องก็เริ่มออกความคิดเห็น พร้อมถามคำถามกับพี่ไพลินและฉัน เนื่องจากเป็นผู้บริโภคมาก่อน ทั้งฉันและพี่ไพลินต่างก็เสนอความเห็นและช่วยเสริมข้อมูลของกันและกัน เพราะก่อนหน้านี้พวกเราสองคนได้คุยกันมาก่อนแล้วว่าจะนำเสนอความเห็นและข้อมูลแบบไหน ฉันสามารถตอบในฐานะผู้อ่านหนังสือได้ แต่ไม่สามารถตอบในฐานะผู้อ่านหนังสือเล่มนั้น

    แน่นอนล่ะเพราะเป็นความลับสุดยอด เนื้อหาในหนังสือจึงมีแค่เฉพาะบางคนเท่านั้นที่รู้..

    เพราะทางพี่ ๆ บก. อยากได้ความคิดเห็นเพิ่มเติมจึงให้โอกาสฉันในการเข้าร่วมการประชุมลับครั้งนี้อย่างเปิดทางการ บอกไม่ถูกเลยว่าความรู้สึกตอนนั้นฉันดีใจและรู้สึกขอบคุณมากแค่ไหน 

    พี่กาน พี่บก.ผู้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประชุมลับสุดยอดในครั้งนี้ได้มอบหมายงานให้ฉันหนึ่งอย่างนั่นคือการเขียนวิเคราะห์หนังสือ ถึงแม้พี่กานจะบอกว่าสามารถเขียนสรุปความสั้น ๆ ส่งทางไลน์ก็ได้ แต่ฉันกลับรู้สึกว่า 

    'หากได้รับโอกาสมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็คงไม่ใช่หนูนา'

    ในเกมการต่อสู้หากได้รับโอกาสเพียงแค่ 0.0000% 
    ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตท่ามกลางสนามรบ ก็จะขอสู้อย่างมีเกียรติให้ถึงที่สุด ..

    หลังจากอ่านจบฉันกับพี่กานก็ติดต่อประสานงานกันบ่อยขึ้น ฉันลงมือเขียนทันที ทั้งศึกษาหาข้อมูลแนบแหล่งที่มา รวมทั้งความรู้สึกหลังจากอ่านหนังสือจบ ตรวจทานสองถึงสามครั้งก่อนจะจัดส่ง พี่กานอ่านข้อมูลและตอบกลับไวมาก พี่เขาบอกว่างานที่ฉันทำละเอียดครบถ้วน ไม่มีอะไรต้องแก้ 

    ฉันรู้สึกตื้นตันและภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ฉันกล่าวขอบคุณพี่กานที่ให้โอกาสฉัน 
    ไม่เพียงแค่พี่กานที่ฉันอยากจะขอบคุณ ฉันอยากจะขอบคุณพี่ ๆ ในบริษัททุกคน ที่คอยให้ความช่วยเหลือ คอยสอนงานฉันอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าต่อจากนี้งานจะเริ่มยากขึ้นก็ตาม จะพยายามทำให้ดีที่สุด

    จบการบันทึกการปฏิบัติภารกิจที่ 4
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in