บันทึกการปฏิบัติภารกิจที่ 3
อาทิตย์ที่สามของการฝึก..
สงครามงานกับการพบกันของเหล่าผู้บัญชาการ
เริ่มต้นวันใหม่ของสัปดาห์ที่สาม หลังจากสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและกิจวัตรประจำวันได้ทำให้ฉันรู้สึกชินกับการทำงาน ฉันรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เดินทางไปสำนักพิมพ์ ฉันเฝ้านึกถึงงานที่จะทำในแต่ละวัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การทำงานจะเป็นเรื่องที่สนุกแต่ก็เหนื่อยเอาการ ราวกับกำลังใช้งานสมองให้วิ่งมาราธอรตลอด 8 ชั่วโมงเต็ม
สองสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจาก Content ของฉันได้ลงเพจ ทั้งพี่ ๆ พนักงาน บก. ต่างก็ชื่นชมบทความที่ฉันเขียน ฉันรู้สึกขอบคุณพวกพี่ ๆ มาก แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้วบทความยังไม่ได้ดีเท่าที่ควร หากมีเวลากว่านี้สักหน่อยก็อยากจะเขียนให้ได้มากกว่านี้ เห็นดังนั้นฉันจึงเริ่มเขียนเรื่องราวบทใหม่ในทันที
ฉันลงมือเขียนไปได้ประมาณสองสามบรรทัด พี่พาน พนักงานอีกหนึ่งคนที่คอยป้อนงานให้ฉันเสมอ ทุก ๆ ครั้งพี่พานจะชอบนำกองหนังสือมาตั้งไว้ให้บนโต๊ะทำงานพร้อมบอกกับฉันว่า
"น้องหนูจ้ะ บอกดีพี่อยากขายหนังซื้อทั้งหมด 3 ชุดนี้ จัดโปรโมทชันลด 30% น้องหนูช่วยคิดคำโปรโมทพร้อมทั้งทำอาร์ตลงได้ไหม? พี่ขอภายในวันนี้นะ"
นั่นแหละค่ะ ภารกิจด่วนที่มักจะมาแทรกระหว่างทางเสมอ จากที่คิดว่าคงไม่มีทางทำได้ทันแน่ แต่คนเราจะไม่มีการพัฒนาเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ฉันเริ่มชินกับการทำงานเร่งงานด่วนเสียแล้ว ฉันตอบรับและลงมือทำในทันที
ถ้าเปรียบพี่พานเป็นตัวละครในเกม คงไม่ต่างจากNPC ที่คอยมอบภารกิจพิเศษต่าง ๆ ให้กับผู้เล่น หากทำภารกิจสำเร็จจะได้โกลด์หรือเงินเป็นค่าตอบแทน แต่สำหรับการฝึกงานในครั้งนี้การสามารถอัพสกิลตัวเองจึงเป็นค่าตอบแทนที่ดีที่สุด
ใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วโมงฉันก็คิดคำโปรโมทเสร็จและอีกสามชั่วโมงให้หลังในการทำอาร์ต เพื่อส่งต่อให้กับคุณชาวินพิจารณางานขั้นสุดท้ายก่อนลงขาย คุณชาวินคือหัวหน้างานการตลาดของบริษัท ไม่ว่าจะเรื่องการประกาศลิขสิทธิ์ การทำหนังสือ การขายหนังสือ ข้อมูลทุกอย่างต้องผ่านและได้รับอนุมัติจากคุณชาวินก่อนเสมอ
สิ่งที่ไม่คาดคิดอีกหนึ่งอย่างของฉันก็ได้เกิดขึ้น เมื่อมีสาสน์ส่งมาถึงฉันโดยเฉพาะ พี่ไพลินเดินตรงเข้ามาหาฉัน พร้อมกับบอกว่าวันนี้จะมีประชุมคุณชาวินต้องการจะพบน้องหนูนา เพียงแค่ความรู้สึกนั้นที่อากาศภายในห้องทำงานดูเหมือนจะเย็นลง ฉันรีบหยิบสมุดพกและปากกาคู่ใจเดินตามพี่ไพลิไปยังห้องประชุม
ทันทีที่ประตูเปิด รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแห่งความกดดัน อุณหภูมิห้องเย็นเฉียบแต่มือของฉันกลับร้อนผ่าวพร้อมทั้งมีเหงื่อชื้น นี่สินะความรู้สึกของทหารเวลาที่ได้พบกับผู้บัญชาการ ..
ฉันรีบยกมือไหว้และแนะนำตัว คุณชาวินทักทายกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกันเองจนฉันเผลอหลุดถอนหายใจไปครู่หนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ลดอาการเกร็งไปได้บ้าง เขาถามถึงคณะ สาขาและมหาลัยที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ นอกจากนี้ยังถามอีกว่ามีปัญหาอะไรที่พบหลังจากการทำงานไหม?
ฉันตอบไปว่า "ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ ทั้งพี่ไพลิน พี่พาน ทั้งสองคนใจดีกับหนูมาก ๆ คอยสอนงานหนูตลอด เรื่องที่อยากจะทำอย่างเช่นพวกคิดคอนเทนต์หรือคิดโพสต์ หนูก็ได้ทำค่ะ พี่ ๆ ไม่ได้ปิดกั้นความคิดแต่คอยแนะนำหนูเรื่อย ๆ หนูชอบเขียนค่ะ เลยไม่มีปัญหาอะไร"
เขาพยักหน้าและตอบกลับเพียงคำว่า "ดีครับ ดี" เขาบอกว่าได้ฟังเรื่องราวของฉันมาจากพี่ไพลินแล้วว่ามีความสามารถทางด้านไหนบ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นตัวจริง วันนี้มาเห็นแล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติมากทีไ่ด้พบ คำพูดของเขาไม่เหมือนกับพวกผู้บัญชาการกล้ามใหญ่ที่ฉันจินตนาการไว้ เพราะการถ่อมตัว การพูดคุยที่เป็นกันเอง ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและเริ่มคุยกับเขาได้แบบปกติ
การพูดคุยระหว่าฉันและคุณชาวินใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีก่อนจะเริ่มการประชุมงาน เขาจะคอยถามความเห็นของฉันเสมอว่าคิดอย่างไรกับการวางแผนแบบนี้ มีข้อเสนออะไรหรือเปล่า ถึงแม้ว่าฉันจะยังเป็นน้องใหม่สำหรับการทำงานในสำนักพิมพ์ แต่ก็พยายามใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มีเสนอความคิดเห็นซึ่งทั้งหมดในห้องประชุมก็รับฟังและคอยออกความคิดเห็นต่อจากฉันเสมอ การประชุมลุล่วงเวลาไปจนถึงสามชั่วโมง ต่างคนต่างเหนื่อยล้า
คุณชาวินบอกกับฉันว่าอยากจะสอนงานให้กับฉันเท่าที่จะเป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เขาฝากฝังพี่ไพลินให้เป็นคนช่วยสอนงาน ซึ่งภารกิจใหม่ของฉันคือการทำสีดดิ้ง
การทำสีดดิ้งคือการแนะนำหนังสือหรือโปรโมชันต่าง ๆ ให้กับผู้อ่านหรือผู้ซื้อได้รับรู้ โดยการนำคำดังกล่าวไปโพสต์ลงตามกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ ในตอนแรกคุณชาวินบอกว่าอยากให้ฉันทำลงวันละสิบกลุ่ม แต่พี่ไพลินเป็นคนขอว่าให้เพียงแค่ห้ากลุ่มเท่านั้น เพราะงานมันจะหนักเกินไป
ตั้งแต่นั้นภารกิจของฉันจึงไม่ได้มีเพียงแค่การคิด Content และทำอาร์ตเพียงแค่อย่างเดียว แต่ยังเป็นการสีดดิ้งคำลงตามกลุ่มต่าง ๆ และต้องรายงานผลการทำงานให้คุณชาวินรับรู้ทุกวันเพื่อเตรียมแผนสำหรับทำงานในวันถัด ๆ ไป นอกจากนี้พี่ไพลินยังสอนฉันทำ KPI เพื่อเก็บผลการสีดดิ้งในแต่ละวันด้วยเช่นกัน
ทำให้ตอนนี้นอกเหนือจากตำแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการ ฉันยังอยู่ฝ่ายการตลาดช่วยคิดและวางแผนการขายหนังสือให้กับทางสำนักพิมพ์ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญฉันรู้สึกขอบคุณพี่ไพลินในทุกวัน เพราะพี่ๆพลินคอยสอนทุกอย่างให้ฉันเสมอ ถึงแม้บางครั้งจะต้องอธิบายให้ฉันฟังถึงสามรอบก็ตาม พี่ไพลินจะค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็นและสอนฉันทีละขั้นตอนอย่างช้า ๆ และชัดเจน
ตลอดสัปดาห์ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นสมรภูมเดือดเลยทีเดียว ทั้งการคิดคำโปรโมทสินค้า การคิดคอนเทนต์ งานสีดดิ้งที่ต้องทำในทุก ๆ วัน การทำอาร์ตทุกอย่างประเดประดังเข้ามาแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้รู้สึกท้อกับการทำงานเลย ในทางกลับกันฉันกลับรู้สึกสนุกและตื่นเต้น
..นี่สินะกลิ่นของชีวิตวัยทำงาน มันช่างหอมเสียเหลือเกิน
จนบางครั้งฉันอดคิดไม่ได้ว่า บางทีฉันอาจจะเป็นพวกมาโซคิดส์ก็ได้นะ ..
จบการบันทึกการปฏิบัติภารกิจที่ 3
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in