เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (2)Chaitawat Marc Seephongsai
นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปรึเปล่านะ By ฮาวัน แปล ตรองสิริ ทองคำใส
  • รีวิวเว้ย (1046) หลายคนโตมาพร้อมกับการได้ยินคำว่าทำไมเด็กสมัยนี้ถึง ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงไม่อดทน ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงไม่ทนทำงาน ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงไม่สู้งานหนัก และอีกสารพัดคำว่าทำไมถึงเด็กสมัยนี้ เอาเข้าจริงการที่เราใช้ชีวิตให้เติบโตขึ้นมาได้ในโลกปัจจุบันหรือว่าในสังคมไทยแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เราเติบโตมา โดยเป็นคนที่ไม่ประสาทแดกไปเสียก่อน หรือหลายครั้งการที่เราโตมาจนมีชีวิตอยู่ อย่างในปัจจุบันโดยที่ไม่เป็นบ้านั้นก็ถือว่าพวกเราเก่งมากๆแล้ว ไม่แน่ใจว่าประเทศนี้สังคมนี้และก็โลกนี้ ต้องการอะไรจากเรามากไปกว่าการเอาชีวิตให้รอดในวันหนึ่ง โดยเฉพาะกับการใช้ชีวิตที่เราก็ไม่แน่ใจว่าการเกิดมาในครั้งนี้เป็นการชดใช้กรรมที่เคยทำไว้หรือเปล่า เพราะดูแล้วชีวิตมันไม่ง่ายอย่างที่คิด รวมถึงสภาพสังคมและสภาพสิ่งที่เราอยู่มันก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เรามีชีวิตที่ดีเท่าไหร่นะ ข้อความตอนหนึ่งในคำนำของหนังสือเล่มนี้เขียนเอาไว้ว่า

    "เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นการทดลองของชีวิตผม การทดลองจะสำเร็จไหมนะ ถึงไม่สำเร็จก็เป็นชีวิตผมเองที่จะล่มจม คุณผู้อ่านหายห่วงครับ ถึงจะล่มจมก็คงไม่เลวร้ายนัก อย่างมากก็แค่ต้องกลับมาขยันหมั่นเพียรไหม ดังนั้นขอบคุณที่วางใจ เพลิดเพลินกับการเดินทางสะเปะสะปะของผมเป็นพอ ผมเองก็จะเดินทางซึ่งยังไร้คำตอบนี้ด้วยหัวใจเบาสบายเช่นกัน ผมอยากลองใช้ชีวิตแบบนี้ดูสักครั้ง ชีวิตที่ไร้ความฝืนบังคับลอยชายไปเรื่อยเปื่อย ถึงไม่รู้ว่าจะไหลเรื่อยไปทางไหน แต่ก็เป็นการลอยล่องตุ๊บปองโดยมีหัวใจรื่นเริงแล้วกัน การเดินทางเริ่มต้นแล้ว" (น. 4)
    หนังสือ : นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปรึเปล่านะ
    โดย : ฮาวัน แปล ตรองสิริ ทองคำใส
    จำนวน : 280 หน้า

    "นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ" เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องชีวิตของ ชายวัยสี่สิบชาวเกาหลีใต้ ที่ตัดสินใจลาออกจากงาน แล้วมาทดลองใช้ชีวิตในแบบที่หลายคนมองว่านี่มันชีวิตของบุคคลล้มเหลวชัด ๆ แต่หนังสือเล่มนี้ก็แสดงให้เห็นว่าทำไมเราต้องใช้ชีวิตบนฐานของความพยายามทั้งที่เราไม่แน่ใจว่าการพยายามเหล่านั้นจะนำพาเราไปสู่จุดไหน หลายครั้งเราพยายามใช้ชีวิตให้ตรงตามมาตรฐานที่สังคมต้องการ แต่มาตรฐานเหล่านั้นกลับย้อนกลับมาทำร้ายเรา ด้วยการจัดสรรโรค ไม่ว่าจะเป็นอาการซึมเศร้า ออฟฟิศซินโดรม หรือกระทั่งโรคอื่น ๆ ที่มันเกิดขึ้นมาจากความเครียดและการใช้ชีวิตบนความคาดหวังของสังคม หนังสือเล่มนี้กำลังตั้งคำถามกับเราว่าแล้วทำไมเราต้องใช้ชีวิตในแบบนั้น ถ้าเราไม่ใช่ชีวิตแบบนั้นได้หรือเปล่า แล้วถ้าเราเลือกเดินออกมาจะถือว่าผิดมั้ย จะถือว่าเราล้มเหลวหรือเปล่า และจะถือว่าเราทำได้ตามมาตรฐานของสังคมหรือไม่ หนังสือเล่มนี้กำลังบอกเราว่า ก็ช่างมันดิจะไปสนใจทำไม เพราะในที่สุดแล้วคนที่จะอยู่กับเราไปจนวันสุดท้ายก็คือตัวเราเอง คนที่ตั้งค่ามาตรฐาน คนที่วางความคาดหวัง หรือกระทั่งคนที่วาดฝันอยากให้เราเป็น พวกเขาไม่ใช่คนที่อยู่กับเราจนวันสุดท้ายของชีวิต หากแต่เป็นตัวเราเองที่จะต้องอยู่กับตัวเองไปจนถึงวันนั้น

    "นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ" ชวนเราตั้งคำถามถึงสิ่งเหล่านั้น ผ่านบทตอนต่าง ๆ ขนาดสั้น ๆ ว่าด้วยเรื่องของการใช้ชีวิต การพาตัวเองออกจากความคาดหวัง และการตั้งคำถามกับสิ่งที่ทำ ว่าทั้งหมดทั้งมวลมันใช่ มันถูกต้อง แล้วมันเป็นตัวตนของเราจริง ๆ หรือเปล่า โดยเนื้อหาของหนังสือ แบ่งออกเป็น 4 บทดังนี้

    บทที่หนึ่ง ขยันหมั่นเพียรเพื่อมีชีวิตแบบนี้น่ะหรือ

    บทที่สอง ตามใจตัวเองสักครั้ง

    บทที่สาม ความพยายามของการทำมาหากิน

    บทที่สี่ เกือบแย่แล้ว

    บทสุดท้าย เมื่อรู้สึกว่าชีวิตมีแต่เรื่องยาก

    เมื่ออ่านนี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ จบลง แล้วจะพบว่าการเลือกใช้ชีวิตของเราบางครั้งมันไม่จำเป็นต้องอยู่บนมาตรฐานรู้ว่าค่าความต้องการของบุคคลอื่นหรือสังคมหนึ่ง ๆ เท่านั้น หากแต่เราควรพอใจ ภูมิใจ ดีใจ และใจดีกับตัวเองให้มาก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ก็มีแต่ตัวเราเท่านั้นแหล่ะ ที่จะดีใจและเห็นใจกับตัวเอง ถ้าเรายังไม่ใจดีกับตัวเองแล้วเราจะหวังให้ใครมาใจดีกับตัวเราหรอ (?)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in