เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (2)Chaitawat Marc Seephongsai
Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน By ปอ เปรมสำราญ
  • รีวิวเว้ย (1033) ทำไมฝนถึงไปอยู่ใยเพลงเศร้าอยู่บ่อย ๆ กันนะ หรือถ้าไม่อยู่ในเพลงเศร้ามีนก็จะแอบอยู่ตามเพลงเหงาหรือเพลงรักที่ดูทุรกันดารทางความรัก ยากประสบความสำเร็จ หรือถ้าประสบความสำเร็จก็อาจจะหมิ่นเหม่อยู่ที่ปากเหวของความหายนะ และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นทำไมเพลงในประเทศนี้ถึงมีฝนเป็นองค์ประกอบของเพลงอยู่บ่อย ๆ ทั้งเพลงลูกทุ่ง เพลงลูกกรุง เพลงสมัยใหม่หรือกระทั่งเพลงอีสานอินดี้ฝนฟ้าก็ดูจะเป็นเครื่องมือแสดงถึงความฉิบหายหายนะของชีวิตตัวเอกในบทเพลงอยู่บ่อยครั้ง อย่างเพลง "วันนั้นฝนก็ตกแบบนี้แหละ" ของวงมีน เนื้อหาก็ดูหนักหนาอยู่เหมือนกันแต่ทางของดนตรีช่วบให้ความฉิบหายในวันฝนพรำดูเหมือยความฉิบหายที่มีสีฉากเป็นพาสเทล

    "วันนั้นฝนก็ตกแบบนี้แหละ
    วันนั้นเขาก็พูดกับฉัน แบบที่เธอพูดมาเลย
    ฉันคุ้นและเคยกับความเสียใจ
    ท่ามกลางลมฝนปราย ไม่กลัวแล้วเมฆดำ

    วันนั้นฝนก็หนักแบบนี้แหละ
    และความเสียใจที่มันเข้ามา ก็หนักไม่แพ้กัน
    แต่เมื่อเวลาที่ลมฝนไป เมฆหมอกจางหายไป
    ฉันก็ยืนได้อีกครั้ง อยากจะลา ก็ลา"
    หนังสือ : Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน
    โดย : ปอ เปรมสำราญ
    จำนวน : 158 หน้า

    นั่งหาคำแปลคำอื่นของคำว่า "Monsoon" ในภาษาไทยก็ไม่เจอคำแปลอื่นนอกจากคำว่า "มรสุม" และเมื่อลองเอามันไปค้นในภาษาอังกฤษก็พบว่าในภาษาอังกฤษอาจจะให้รายละเอียดที่ดีขึ้นมาอีกนิดหน่อยจากภาษาไทยโดยในภาษาอังกฤษมีการให้ความหมายของ "Monsoon" เอาไว้ว่า

    "monsoon is traditionally a seasonal reversing wind accompanied by corresponding changes in precipitation, but is now used to describe seasonal changes in atmospheric circulation and precipitation associated with annual latitudinal oscillation of the Intertropical Convergence Zone between its limits to the north and south of the equator."

    "Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน" เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ว่าด้วยเรื่องของ "ความรัก" กับ "มรสุมเขตร้อน" ที่ตัวละครและเรื่องสั้นตอนต่าง ๆ นั้นต่างมีความสัมพันธ์บางอย่างผูกโยงอยู่กับเรื่องของความรัก วันฟ้าสีเทา ในฤดูมรสุมของพื้นที่เขตร้อน และลมมรสุมดูจะมีอิทธิพลยิ่งต่อชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ใน "Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน" เป็นอย่างยิ่ง

    แน่นอนว่าเรื่องราวที่ปรากฏใน "Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน" หลายเรื่องเป็นเรื่องที่ผู้อ่านหลายคนภาวนาว่า "อย่าเกิดกับกู" แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ ไม่แน่ว่าในวันหนึ่งวันใดเราอาจจะต้องเผชิญเรื่องราวของฤดูมรสุมทั้งในแง่ของการเปรียบเทียบในฐานะของ "มรสุมชีวิต" และในฐานะของ "มรสุม" ที่ลมพัดแรง ต้นไม้ล้ม ร่มกันฝนหัก หรือกระทั่งน้ำท่วมถึงเอว (แน่นอนว่ามีโอกาสเป็นไปได้) แต่เรื่องราวใน "Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน" ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ผู้อ่านประสบกัลมรสุมจนจมลงในน้ำและโดยตีนเหยียบไว้เพื่อไม่ให้ขึ้นมาหายใจเอาอากาศเสียเมื่อไหร่ หลายช่วงตอนในเรื่องสั้นหลากหลายของ "Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน" มันพยายามบอกกับเราว่า "ฟ้าหลังฝนยังมีอยู่และมันก็อาจจะเป็นฟ้าที่สดใสสำหรับเรา" แต่ "มันก็อาจจะสดใสได้ไม่นาน" เพราะการใช้ชีวิตในเขตร้อนชื้นแถบเส้นศูนย์สูตรฟ้า (Celestial equator) ยังไงชีวิตคนแถบนี้ก็ต้องเผชิญกับ "Monsoon มรสุมและพายุหมุนเขตร้อน" อยู่วันยันค่ำ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in