เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (2)Chaitawat Marc Seephongsai
เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่มีแต่เรื่องบ้า ๆ By เอ็มมา เฮ็ปเบิร์น
  • รีวิวเว้ย (1003) เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่หรือคนแก่ ๆ พูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "เด็กสมัยนี้นะ ..." และคำพูดแนว ๆ ว่าในสมัยของพวกเขาตอนอายุเท่านี้เขาทำงานทุกอย่าง อดทนทุกทาง เพื่อสร้างฐานะและครอบครัว ซึ่งนัยแฝงในคำพูดของผู้สูงวัยก็ดูเหมือนอยากจะให้คนรุ่นใหม่ทำได้แบบพวกเขา ซึ่งในปัจจุบันวิธีคิดแบบนี้ยังสะท้อนออกมาในหลายที่ อาทิ อาชีพบางอาชีพที่ยังเชื่อว่าเงินเดือน 3,500 บาท/เดือน ยังอยู่ได้ และมักมีพวกแก่ใกล้ตายมาแสดงความเห็นว่า "เมื่อก่อนเงินเดือน 1,200 ยังอยู่กันมาได้" อ่านจนจบและคิดในใจว่าถ้าอยู่ใกล้ ๆ อยากเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วบอกว่า เมื่อก่อนเงินเดือน 1,200 บาท ราคาทองคำบาทละ 400 ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ชามละไม่ถึงสลึง แล้วแหกตาดูทุกวันนี้เงินเดือน 15,000 ทองคำบาทละ 30,000 น้ำมันลิตรละ 40 ก๋วยเตี๋ยว ข้าว ราคาเริ่มต้นที่ชามละ 40-50 บาท คิดได้ยังไงที่จะให้คนยุคใหม่ใช้ชีวิตได้แบบไม่ตึงมือในโลกยุคปัจจุบัน นี่ยังไม่นับรวมการมีรัฐบาลหัวกล้วยและประสาทแดกที่ทำห่าไรไม่เป็นนอกจากสะกดจิตตัวมันเองและฐานแฟนคลับ เช่นนั้นเมื่อใครเดินมาบอกคุณว่า "จงเป็นคนที่มีความสุขสิ" แนะนำให้คุณจับคนพูดมัดกับเก้าอี้ ขังในห้อง และเปิดแถลงของ ปยอ. วน ๆ ไปให้เหมือนการลงโทษด้วยคุกกาลเวลาแบบในซีรียส์เรื่อง Loki ลองขังไว้แบบนั้นสัก 3 วัน พอครบกำหนดแล้วให้เดินเข้าไปถามว่า "เป็นไงมึงมีความสุขไหมละ (?)"
    หนังสือ : เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่มีแต่เรื่องบ้า ๆ
    โดย : เอ็มมา เฮ็ปเบิร์น แปล สุวิชชา จันทร
    จำนวน : 184 หน้า

    "เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่มีแต่เรื่องบ้า ๆ" ชื่อภาษาอังกฤษ "A Toolkit for Modern Life" หากแปลจากชื่อของหนังสือในภาษาอังกฤษโดยตรงเราจัพบว่าคำสำคัญของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่คำว่า "Toolkit" ที่บอกเป็นนัยว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือและเครื่องมือสำหรับการรับมือกับชีวิตโชดช่วงบรรลัยในโลกยุคใหม่ คำโปรยบนปกหน้าของหนังสือเล่มนี้เขียนเอาไว้ว่า "53 เครื่องมือเปลี่ยนคุณเป็นมนุษย์ที่เปี่ยมด้วยพลังงานดี ๆ ในโลกที่ชอบหยอกให้เราคิดแย่ ๆ กับตัวเอง"

    บทนำ

    บทที่ 1 การสร้างพื้นฐานจิตใจที่ดี

    บทที่ 2 ช่วงขึ้นลงของชีวิต

    บทที่ 3 คุณ สมอง และอารมณ์ของคุณ

    บทที่ 4 เรารู้สึกแย่เพราะอะไร

    บทที่ 5 การตอบสนองต่ออารมณ์-สิ่งที่เราทำ

    บทที่ 6 การตอบสนองต่ออารมณ์-สิ่งที่เราคิด

    บทสรุปของทุกสิ่ง

    เมื่ออ่าน "เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่มีแต่เรื่องบ้า ๆ" และลองทำแบบฝึกหัดในเล่มจบลง เราพบว่าชีวิตมันก็อาจจะมีความสุขขึ้นบ้างแหละมั้งในฐานะของปัจเจก แต่เมื่อมองย้อนกลับมาเราจะพบว่าในประเทศนี้ปัญหาหลาย ๆ ด้านที่ทำให้คนไม่มีความสุข หลายหนมันไม่ได้มาจากเรื่องส่วนบุคคล หากแต่มันเป็นปัญหาในระดับโครงสร้างของรัฐและสังคม ที่ในท้ายที่สุดหากเรากล่อมจิตตัวเองจนบอกว่า "กูมีความสุข" แต่ในความเป็นจริงแล้วโครงสร้างรัฐ สังคม ความเหลื่อมล้ำและความหัวกล้วยของสังคมแห่งนี้มันก็จะโบยตีจนและเป็นกองขี้อยู่ดี เมื่อเป็นเช่นนั้นการกล่อมให่ตัวเองมีความสุขจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่มันก็ไม่ควรเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการมีชีวิต เพราะตราบใดที่สังคมยังเป็นแบบนี้คนรุ่นต่อ ๆ ไปก็จะเผชิญชีวิตฉิบหายแบบที่พวกเรากำลังเจอเผลอ ๆ จะหนักข้อกว่า เช่นนั้น "เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่มีแต่เรื่องบ้า ๆ" มันก็ดีแต่มันจะไม่ดีกว่าหรือถ้าช่วยให้คนทั้งสังคมได้มีโอหาสเป็น "เป็นมนุษย์แฮปปี้ในโลกที่ไม่บ้า"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in