รีวิวเว้ย (927) หมายเหตุ: สิ่งที่ยากที่สุดของหนังสือเล่มนี้คือการ "ถ่ายรูป" เพื่อมาใช้ในการเขียนรีวิว ด้วยสำนักพิมพ์ใส่ปกอย่างดีสำหรับปกป้องหนังสือมาให้ด้วย งานยากเลยอยู่ที่การถ่ายรูปอย่างไรไม่ให้หัวนมคนเขียนรีวิวไปโผลอยู่ในภาพสะท้อนจากปกหนังสือ (ยากโว๊ยยยยยย)ความตอนหนึ่งในหน้าคำนำของหนังสือเล่มนี้เขียนเอาไว้ว่า "ปีนี้มะม่วงอายุ 18 แล้ว มะม่วงเล่มนี้จึงถือโอกาสรวบรวมและคัด (แล้วคัดอีก) บางส่วนที่ดีที่สุดและชอบที่สุดจากมะม่วงทั้งสี่เล่ม ตั้งแต่เด็กหญิงมะม่วง (2555), มะม่วงเลิฟ (2556), มะม่วง memory (2557), ที่เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ และ มะม่วงใจ (2558) กับสำนักพิมพ์บัน กลับมาพิมพ์ใหม่ในรูปแบบที่อยากให้ทุกคนมีไว้เป็นของตัวเองอีกครั้ง ถือว่าเป็นของขวัญจากมะม่วงและคนทำที่รักมะม่วงเหมือนกัน" เมื่อเป็นเช่นนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นการคัดเลือกเอาผลงานที่น่าสนใจของมะม่วงจังจากหนังสือ 4 เล่มที่เคยตีพิมพ์ไปก่อนหน้ามารวบรวมเข้าไว้ด้วยกันหนังสือ : มะม่วง 1 2 3
โดย : วิศุทธิ์ พรนิมิตร
จำนวน : 304 หน้า
ราคา : 495 บาท
"มะม่วง 1 2 3" อย่างที่ได้ยกเอาคำนำของหนังสือเล่มนี้มาเขียนเอาไว้ในตอนต้น ก็อย่างที่เห็นกันว่าหนังสือเล่มนค้คือการรวมเอาผลงานที่น่าสนใจของมะม่วงจัง จากหนังสือ 4 เล่ม มาคัดเลือกและรวบรวมเพื่อตีพิมพ์ขึ้นใหม่จนเป็นหนังสือ "มะม่วง 1 2 3" เล่มนี้
เราในฐานะของนักอ่านที่อ่านบ้างไม่อ่านบ้างกับผลงานเกี่ยวกับมะม่วงจัง แต่น่าสนใจว่าถ้าเราลองตั้งคำถามโดยสมมติให้มะม่วงจังกลายมาเป็น "คนจริง ๆ" ในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งอายุ 18 ปี มะม่วงจังจะกลายมาเป็นวัยรุ่นแบบไหนกัน (?) หสกให้ลองตัดสินมะม่วงจังจากผลงานต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ใน "มะม่วง 1 2 3" เราพบว่ามะม่วงจังในวัย 18 ปี เป็นเด็กสาวที่โตขึ้นบ้านในบ้านที่มีฐานะ เป็นคนชั้นกลางในเมือง ที่นิยมการให้กำลังใจและน่าจะชอบอ่านหนังสือฮาวทู อีกทั้งยังเป็น "อิกนอร์เรนซ์ (ignorance)" ทางการเมือง (อันนี้ลองมองจากมุมมองที่เรื่องต่าง ๆ ปรากฏในหนังสือเล่มนี้
ซึ่งการพิจารณาจากเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้หลายคนอาจจะคิดว่ามึง (คนเขียนรีวิว) อินกับการเมืองมากจนเกินไป แต่ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้เราไปสะดุดอยู่ที่ภาพ 2 ภาพที่ถูกเลือกมาใช้ในหนังสือ ภาพทั้ง 2 เป็นเพียงมูลเหตุเริ่มต้นที่ทำให้เราคิดถึงเรื่องของความเป็นอิกนอร์เรนซ์ของ "มะม่วงจัง" แต่พอลองดูหลาย ๆ ภาพจากฐานคิดเดี๋ยวกันเราว่ามันก็ "ตีความ" ไปมนทิศทางนั้นได้เหมือนกัน ซึ่งมันทำให้เราคิดถึง "political apathy" หรือ "ความเพิกเฉยทางการเมือง" ซึ่งแบ่งได้ 3 อย่าง คือ (1) ไม่เห็นประโยชน์ในการมีส่วนร่วม, (2) กังวลผลกระทบหลังมีส่วนร่วม, (3)ไม่สนใจจริง ๆ แล้วพอลองคิดตามดี ๆ มันก็มีหลายฉาก หลายตอน ในหนังสือ "มะม่วง 1 2 3" ที่มันไปลงล็อกแบบพอเหมาะพอดี
แต่เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราก็อยากให้ผู้อ่านทุกคนใจเย็น ๆ ลงก่อน เพราะการที่คนเราจะอ่านและ "ตีความ" เอาว่ามะม่วงจังจะเป็นคนแบบไหน มันขึ้นอยู่กับการตีความ และการวิเคราะห์ของ "ผู้อ่านเป็นสำคัญ" เพราะไม่เช่นนั้นตอนเราเรียนปริญญาตรี อาจารย์คงไม่ทุมเท่วิชาเรียน 1 วิชาเพื่อสอน "Epistemology" ในการอ่านปรากฏการณ์ 1 อย่าง ผ่านทฤษฎีและสำนักความรู้ต่าง ๆ มากมาย แน่นอนว่าการที่เราอ่านและตีความมะม่วงจังผ่านผลงาน "มะม่วง 1 2 3" และมองว่ามะม่วงจังเป็นพวกอิกนอร์เรนซ์ (ignorance) แน่นอนว่ามันมาจากการหยิบเลือก Epistemology ของเราเองในการมาใช้ทำความเข้าใจหนังสือเล่มนี้ แน่นอนว่าถ้างานเหล่านั้นเป็นภาพวาด งานเขียนเชิงนามธรรม หรือรูปสัญญะมันก็ยิ่งเอื้อให้ผู้อ่าน (ผู้ตีความ) สามารถใช้ Epistemology ที่ตัวเองหยิบเลือกได้อย่างเต็มกำลัง แน่นอนว่า "มะม่วง 1 2 3" มีสถานะของงานในลักษณะนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะตีความมะม่วงจังไปในทางนั้นได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in