รีวิวเว้ย (592) ย้อนกลับไปหลาย 20 ปีก่อนตอนที่เราเป็นเด็กน้อย เวลาที่ใครพูดถึงเรื่องของประเทศจีน ภาพความทรงจำในความคิด ณ ช่วงเวลานั้นเราจะคิดถึงเพียงแค่ว่า เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ คนเสียงดัง ประเทศไม่สะอาด ห้องน้ำสกปรก และที่สำคัญที่สุดเวลาที่พูดถึงจีนในสมัยนั้นเราจะนึกถึง "ของปลอม" แต่ระยะเวลาเพียงไม่นานประเทศจีนเปลี่ยนแปลงไปแบบก้าวกระโดด จากประเทศที่อยู่นอกสายตาของหลาย ๆ คน ทุกวันนี้อาจจะเรียกได้ว่าจีนขยับขึ้นมายืน 1 ในเอเชีย และเผลอ ๆ ถ้ามองกันด้วยมาตรวัดบางตัว จีนอาขจะยืน 1 ในโลกด้วยซ้ำไป ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเอง ในประวัติศาสตร์การเมืองสมัยใหม่ ไทยกับจีนเพิ่งกลับมาดำเนินคสามสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างจริงจังก็เมื่อไม่นานมานี้ อาจจะนับย้อนไปถึงช่วงเวลาของยุคที่ลัทธิคอมมิวนิสต์เริ่มขยายตัวขึ้นอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และท่าที่ของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อจีนเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เมื่อนั้นไทยกับจีนจึงเริ่มกลับมามีความสัมพันธ์ภายใต้ยุคสมัยของการเมืองสมัยใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หนังสือ : หยิกเล็บมังกร
โดย : ซิว ซิววัน สัมภาษณ์และเรียบเรียง นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว
จำนวน : 152 หน้า
ราคา : 210 บาท
ความน่าแปลกประหลาดของประวัติศาสตร์เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง "ไทยและจีน" ในช่วงเวลาของการก่อยเปิดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการยุคใหม่ ถูกผูกขาดเรื่องราวการเล่าเรื่องเอาไว้โดยครอบครัวครอบครัวหนึ่งของไทย ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งเขาและเธอต่างออกมาบอกเล่าเรื่องราวของจีนก่อนช่วงของการเปิดความสัมพันธ์กับไทยอย่างจริงจัง โดยที่ภาพแทนของคนทั้ง 2 ในสังคมไทย ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของคนไทยที่มีความเข้าใจเรื่องสังคมจีนในทางลับเป็นอย่างดี เพราะทั้ง 2 คนถูกเชื่อว่าถูกส่งไปอยู่จีนเพื่อดำเนินการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีน และทั้ง 2 คนก็สร้างภาพของตนเองออกมาในลักษณะนั้นในสังคมไทยด้วยเช่นกัน โดยที่มีการเขียนเรื่องราวของการใช้ชีวิจในจีนในช่วงนั้นออกมาเป๋นหนังสือ ที่บอกเล่าเรื่องราวของสังคมจีนกับตัวของผู้เขียน โดยเฉพาะเรื่องของความใกล้ชิดของผู้เขียนกับนายก "โจว เอิ๊นไหล" จนหลายคนเชื่อว่าสิ่งที่บอกเล่าอยู่ในหยังสือนั้นคือเรื่องจริง
"หยิกเล็บมังกร" เป็นหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นจากการสัมภาษณ์ คำบอกเล่าและความทรงจำของ "ซิว ซิววัน" คนไทยเชื้อสายจีนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจีนในช่วงที่ไทยและจีนยังไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างเป็นทางการ รวมถึงตัวของผู้ให้สัมภาษณ์ยังทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาไทยให้กับรัฐบาลจีนในการติดต่อสายความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในช่วงเวลานั้น
หนังสือ "หยิกเล็บมังกร" อาจจะไม่ต่างอะไรจากหนังสือบันทึกความทรงจำทั่ว ๆ ไปของใครสักคนหนึ่ง แต่เมื่แความทรงจำนั้นดันเป็นความทรงจำที่สำคัญของคนไทยที่ทำงานในประเทศจีน และงานที่ทำก็เป็นงานที่มีผลต่อความสัมพันธ์ของประเทศทั้ง 2 ประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ
"หยิกเล็บมังกร" ได้บอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ผ่านความทรงจำและหลักฐานความทรงจำที่ผู้สัมภาษณ์เก็บเอาไว้เป็นอย่างดี และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ "หยิกเล็บมังกร" ได้เผยให้เห็นถึงความลับของครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่ผูกขาดการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ไทยจีน เอาไว้ที่ครอบครัวของตัวเองเป็นเวลานานเนิ่น และการผูกขาดการเล่าเรื่องเหล่านั้นถูกทำลายลงด้วยการบอกเล่าความทรงจำของผู้ให้สัมภาษณ์ และหลักฐานที่ผู้ให้สัมภาษณ์มีเก็บเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ครอบครัวนั้นไปจีน และใช้ชีวิตอยู่ในจีน
นอกจากนั้นแล้ว "หยิกเล็บมังกร" ยังเผยให้เห็นเบื้องหลังของชีวิตของคนไทยหลาย ๆ คนที่ได้รับผลโดยตรงจากปัญหาทางการเมืองในประเทศ ที่ทำให้พวกเขาต้องออกนแกประเทศไป อาทิ ปรีดี พนมยงค์และครอบครัว ใน "หยิกเล็บมังกร" ได้พูดถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตของครอบครัวพนมยงค์ในจีนเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า "หยิกเล็บมังกร" ส่วนที่สนุกที่สุดสำหรับเรา คือ ส่วนที่ผู้ให้สัมภาษณ์ทลายความลับของครอบครัวหนึ่งที่ผูกขาดการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ไทยจีนที่ตัวเองใช้ในการหาประโยชน์มาเนิ่นนาน เชื่อเหลือเกินว่าถ้า 2 พี่น้องของครอบครัวนั้นได้อ่านหนังสือเล่มนี้ หากไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้ให้สัมภาษณ์ ก็คงกลั้นใจตายเพราะเกิดความละอายใจ แต่ลองคิดดูอีกทีข้อหลังคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ เพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ผูกขาดการเล่าเรื่องราวของไทยและจีนมาเนิ่นนานขนาดนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in