รีวิวเว้ย (428) ช่วงเวลาหลายปีมานี้มักมีข่าวเกี่ยวกับวงการหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ (กระดาษ) ที่ค่อย ๆ ลดปริมาณลงอย่างน่าใจหาย อย่างในไทยเองวารสารหลายหัวที่เปิดตัวและอยู่คู่สังคมไทยมาเนิ่นนานหลายปี หลายหัวค่อย ๆ ปิดตัวลง บ้างเปลี่ยนรูปตัวเองจากบนกระดาษ ไปสู่โลกออนไลน์ บ้างก็ยุติตัวเองลงอย่างถาวร ทำให้ประเด็นเรื่องของ "หนังสือกระดาษกำลังจะตาย" กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง แต่ช่วงเวลาหลายปีมานี้ เราจะเห็นได้ว่ากระแสของวงการหนังสือเล่ม มีสถานะกลับไปกลับมา บางครั้งกระแสดีจนวงการหนังสือเห็นแสงสว่างรำไร บ้างกระแสของการอ่านกลับลดลง โดยเราจะเห็นได้ว่าในรอบหลายปีมานี้ กระแสของหนังสือกระดาษกลับไปกลับมาอยู่บ่อย ๆ และการกลับไปกลับมาของกระแสหนังสือนี้เอง ยังผลให้ร้านหนังสือต้องปรับตัวเป็นการใหญ่ สำหรับร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขา ปรับตัวเองด้วยการเอาของอย่างอืนมาขาย กระทั่งบางสาขายอดขายของปากา ลูกอม ฯลฯ มียอดสูงกว่าหนังสือในร้านเสียอีก กับร้านหนังสืออิสระเล็ก ๆ เอง ปัญหานี้เป็นปัญหสใหญ่ที่ร้านหนังสือเล็กต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงให้ได้ ยิ่งในโลกที่หนังสือกระดาษมิใช่สิ่งสิ่งสำคัญอันดับแรกอีกแล้ว ร้านหนังสือจำเป็นที่จะต้องหาทางปรับตัวเพื่อเอาตัวเองให้รอดในสภาวะการเช่นนี้
หนังสือ : To Read or Not to Read, That Is My Question หากโลกนี้ไม่มีหนังสือ
โดย : Jimmy Liao แปล วีรนาถ โชติพันธุ์
จำนวน : 136 หน้า
ราคา : 350 บาท
"To Read or Not to Read, That Is My Question หากโลกนี้ไม่มีหนังสือ" หนังสือของนักวาด-นัดเขียน มากฝีมือที่ว่าด้วยเรื่องของ "ร้านหนังสือใกล้ตัวที่กำลังจะปิดตัวลง" หนังสือเล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวของร้านหนังสือร้านหนึ่งที่ถูกแต่งแต้มขึ้นมาจากจินตนาการ และตัวเดินเรื่องของหนังสือ (ร้านหนังสือ) เล่มนี้ คือ กลุ่มเด็ก ๆ ที่เป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่เคยเติบโตมากับหนังสือ แต่กาลเวลาและการเติบโตทำให้พวกเขาค่อย ๆ ออกห่างจากหนังสือ ทั้งเป็นผลจากแรงจูงใจของบริบทรอบข้าง และจากตัวของพวกเขาเอง
"To Read or Not to Read, That Is My Question หากโลกนี้ไม่มีหนังสือ" ชักชวนให้เรากลับมาตั้งคำถามกับการอ่านหนังสืออีกครั้งหนึ่ง ว่าทำไมเราจึงอ่านหนังสือ (?) ทำไมเราจึงเลิกอ่านหนังสือ (?) เราอ่านหนังสือเพราะอะไร (?) และเราเลือกที่จะไม่อ่านหนังสือเพราะอะไร (?) คำถามเหล่านี้ถูกตั้งและถูกชักชวนให้หาคำตอบผ่านข้อความของนักคิด นักเขียน นักอ่าน นักแสดง นักข่าว นักร้อง นักปรัชญา และอีกหลาย ๆ นักที่หนังสือเล่มนี้หยิบเอาขึ้นมาเป็นตัวอย่างในการตั้งคำถามและบอกเล่าถึงเรื่องราวของหนังสือ ผ่านแกนหลักที่ว่า "เหตุใดจึงไม่อ่านและถ้าหากโลกนี้ไม่มีหนังสือจะเป็นเช่นไร"
To Read or Not to Read, That Is My Question ซึ่งคำตอบของคำถามก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของใครแต่ละคน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in