เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (2)Chaitawat Marc Seephongsai
WALL STREET JOURNEY By บุญมนัสสวัสดี ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
  • รีวิวเว้ย (339) เสือดำเป็นอีกสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดกระแสของการแสวงหาและการทำความรู้จักกับงานศิลปะอีกสองแขนงที่ชื่อว่า Street ART และ Graffiti เพราะศิลปิน Street Art ได้หยิบยกเอาการกระทำผิดในกรณีเสือดำมาเป็นชิ้นงานตามที่ต่าง ๆ และกลายเป็นประแสสังคมอยู่ช่วงเวลาหนึ่งในโลกออนไลน์ ยังผลให้เหล่าผู้หลักผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่รัฐที่รับไหว้คนฆ่าเสือดำรีบไล่ลบกันแทบไม่ทัน นอกจากไล่ลบงานแล้วยังตามไปหาศิลปินถึงบ้าน เพียงเพราะศิลปินสร้างผลงานที่เกี่ยวกับเสือดำ ถ้าตัดสินเหตุการณ์ดังกล่าวเราจะเห็นว่ารัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเลือกดำเนินการในกรณีของการพ้นสีในที่สาธารณะเพียงเฉาะกรณีที่เกี่ยวโยงโดยตรงกับความมั่นคงของรัฐเท่านั้น หากแต่รัฐและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไม่เคยดำเนินการกับกลุ่มคนที่พ่นสีตามที่สาธารณะเจ้าอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่หลายเจ้าประกาศชื่อสถาบันการศึกษาของตนอย่างชัดแจ้ง นี่แหละหนาที่เขาถึงบอกว่าศิลปเปลี่ยนแปลงสังคมได้ ทำให้เจ้หน้าที่รัฐผู้อ่อนไหวโดยเฉพาะรัฐไทยต้องตามลบ ตามเช็ด ตามเก็บกันแทบจะทันท่วงทีอาจจะเรียกได้ว่าตามลบตั้งแต่สียังไม่ทันแห้ง 
    หนังสือ : WALL STREET JOURNEY
    โดย : บุญมนัสสวัสดี ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
    จำนวน : 408 หน้า
    ราคา : 395 บาท

    "WALL STREET JOURNEY" หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวของการออกเดินทางเพื่อตามหาแหล่งศิลปะและผลงานศิลปะข้างกำแผงของศิลปินผู้รังสรรค์มันขึ้นมาด้วยความอยากบางประการ บางชิ้นงานถ่ายทอดขึ้นมาเพราะอยากสะท้อนคสามเป็นจริงบางประการของสังคม บางชิ้นงานถูกสร้างขึ้นมาเพราะอยากให้ชิ้นงานนั้น ๆ กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยต่อลมหายใจของเมืองหรือย่านชุมชนหนึ่ง ๆ ที่มีชิ้นงานชิ้นนั้นประดับอยู่ใกล้ ๆ
    ในไทยเองงานศิลปะข้างกำแพงดูจะเป็นสิ่งใหม่ที่เพิ่งเป็นที่รับรู้ในลักษณะของการยอมรับได้ของคนในสังคม น่าจะสักไม่เกิน 10 - 15 ปีมานี้ เพราะก่อนหน้านี้เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับศิลปะข้างกำแพงเหล่านี้ว่าเป็นการทำลายสมบัติสาธารณะในทุกกรณี ต่อให้ผู้สร้างงานเป็นศิลปินหรือเป็นเด็กกระโปกก็ตามแต่ ผลงานหรือการกระทำทุกการกระทำจะถูกนับว่าเป็นขยะและมลภาวะที่ถูกสร้างให้กับสาธารณะสมบัติ 
    แต่ในปัจจุบันศิลปะข้างกำแพงเหล่านี้ถูกยอมรับและเป็นที่สนใจของคนหลายกลุ่มในสังคมมากขึ้น ศิลปินหลายคนมีฐานแฟนคลับของตัวเอง และในหลายครั้งผลงานของศิลปินหลายคนก็เข้าตาถูกนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ ทั้งต่อตัวศิลปินเองและต่อย่านที่ศิลปินเข้าไปสร้างผลงานไว้ และยิ่งมื่อไม่นานมานี้ผลงานของศิลปินคนหนึ่งได้สร้างความสั่นไหวให้กับรัฐบาลไทยผู้อ่อนแอในกรณีของการล่าเสือดำที่ดูและจะมืดดำต่อไปหากไม่มีใครลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง 
    "WALL STREET JOURNEY" จะพาผู้อ่านทุกคนเดินทางไปทำความรู้จักกับงานศิลปะข้างกำแพง ทั้งตัวชิ้นงาน ศิลปิน รวมไปถึงความหมายและความสวยงามของการสร้างชิ้นงานแต่ละชิ้นที่สามารถสร้างจินตนาการและเปิดโอกาสให้กับผู้เสพศิลปะสามารถตีคสามผลงานทุดชิ้นได้ด้วยตัวเอง 
    นอกจากนี้ "WALL STREET JOURNEY" ยังบอกเล่าเรื่องราวของการเป็น Street Seeker ที่ตามเก็บงานของศิลปินที่ตนเองชื่นชอบ ในที่ต่าง ๆ ในโลกใบนี้ มันเป็นการยืนยันและแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะทำเรื่องอะไรตามคสามชอบของเราเรื่องราวเหล่านั้นมันไม่มีวันไร้สาระทั้งนั้นแหละ แม้กระทั่งการออกเดินทางไปตามหากำแพงและภาพบนนั้นในต่างประเทศ มันก็เป็นเรื่องพึงกระทำหากการกระทำนั้นเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตที่แสนสั้นของมนุษย์ได้ 
    "WALL STREET JOURNEY" ไม่ได้แค่พาเราไปทำคสามรู้จักกับศิลปะริมกำแพง หรือการเดินทางและการเป็น Street Seeker เท่านั้น หากแต่ยังบอกเล่าถึงความสำคัญของการแสดงออกในสภาวะของความกดดัน รวมถึงยังบอกเล่าความงดงามของการต่อต้านที่ในมุมของรัฐศาสตร์เรียกกลไกดังกล่าวว่า "อารยะขัดขืน" ซึ่งศิลปะริมกำแพงเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกลไกดังกล่าวแทบทั้งนั้น แต่มันก็อยู่ที่ว่าศิลปะเหล่านั้น "ขัดขืนต่ออำนาจใด"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in