เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บทเรียนนักท่องเที่ยวArmmie Born TobeBrave
บทเรียนจากเยอรมัน.......อย่าถ่ายรูปผู้อพยพ
  •      ช่วงปีใหม่ ยิปเดินทางอยู่ที่ยุโรปค่ะ ตอนนั้น ยิปนั่งรถไฟจากเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน ไปลักซ์เซมเบิร์ก ขอบอกว่า ขบวนที่ยิปนั่งออกตั้งแต่ 8 โมงเช้า จะถึงก็ราวๆ 11 โมง เวลานั้นยาวนานมาก  เนื่องจากเป็นวันเกือบจะขึ้นปีใหม่ ทั้งขบวนเลยมีคนหรอมแหรม เหมือนยิปนั่งอยู่บนรถไฟอยู่คนเดียว

         เมื่อรถไฟออกจากเมือง ภาพวิวทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนเป็นป่าเขาลำเนาไพร แม่น้ำใสๆ ทุ่งหญ้าเขียวตามสไตล์ยุโรป ยอมรับว่ายิปไม่ค่อยตื่นเต้นกับการนั่งรถไฟนานๆเหมือนตอนสาวๆแล้ว การนั่งดูทุ่งหญ้าเขียวขจี ราวเทพนิยาย ซ้ำๆหลายชั่วโมง แม่มันจะสวย มันก็น่าเบื่อพอประมาณ ยิปหลับบ้างไม่หลับบ้าง หวังใจว่าเมื่อไหร่จะถึงสักที 

       ยิปอ่านภาษาเยอรมันไม่ออก เลยมีกลัวแบบเด็กๆว่า ถ้าหลับนานๆแล้วรถไฟมันจะวิ่งเลยสถานี แล้วไปโผล่อีกที ที่ฝรั่งเศสโน่น เลยต้องประคองสติ ฟังเสียงประกาศชื่อสถานีตลอด เพราะเหมือนยิปต้องลงที่สถานีนึงเพื่อเปลี่ยนจากรถไฟเยอรมัน ไปขึ้นรถไฟลักซ์เซมเบิร์ก ยิปก็นั่งใกล้ๆประตู เผื่อฉุกละหุก จะได้ลงทันถ้ารถไฟจอดไม่นาน ไม่อยากวิ่งให้ส้นสูงหัก

        เสียงประกาศแล้วประกาศเล่า เป็นชื่อสถานีต่างๆ ที่ไม่คุ้นหู แรกๆยิปก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะรถไฟขบวนนี้ เล่นจอดทุกสถานีอยู่แล้ว  สถานีเล็ก สถานีน้อยก็จอด ผ่านเมืองใหญ่ๆ ก็แอบหวังว่าจะมีคนขึ้นมาเป็นเพื่อนบ้าง แต่ก็ไม่มี จนมีบางสิ่งที่ยิปเริ่มสังเกตเห็น แล้วมันทำให้เวลาน่าเบื่อบนรถไฟของยิป ตื่นเต้นอีกครั้ง

         เมื่อผ่านสถานีเล็กๆ ยิปเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ดูหน้าตา ไม่ใช่ชาวเยอรมันพื้นเมืองแน่ๆ เดินกันขวักไขว่ อยู่รอบๆสถานีรถไฟและเมืองข้างนอก มีจำนวนมากทีเดียว บ้างนั่ง บ้างนอนที่พื้นสถานี บ้างก็ยืนรอรถไฟ  ดูจากผ้าโพกหัวสตรี ต้องเป็นพี่น้องชาวมุสลิมแน่ๆ แต่จากจำนวนมากขนาดนั้น กระเป๋าใบใหญ่ และชุดพร้อมเดินทาง นี่ไม่ใช่ขาวมุสลิมเยอรมันที่อยู่มานานแน่ๆ

         นี่คงจะเป็นผู้อพยพที่เราเห็นในข่าวอยู่บ่อยๆแน่เลย 

        ทบทวนกันสักนิดเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพที่ยิปพูดถึง ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายทางการเมืองการปกครองในประเทศซีเรีย และการรุกคืบของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่ม IS ในตะวันออกกลาง หรือแม้แต่สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้ดินแดนแถบนั้น แห้งแล้ง ทุรกันดาร ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น อดหยาก ขาดแคลน ไม่มีความสุข หรือทางรอดของชีวิตอีกต่อไป ยุโรปที่มีภาพลักษณ์ของทุ่งหญ้าเขียวขจีน้ำใสไหลริน ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า บ้านเดิมของพวกเขาแน่

         ผู้อพยพซึ่ง ส่วนมากคือชาวซีเรีย หอบครอบครัว ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นระยะทางไกล ผ่าฝันพรมแดนแล้วพรมแดนเล่าที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านไปได้รึเปล่า ผจญการอยู่รอดในบ้านในเมืองที่ไม่คุ้นเคย และแน่นอนสิ่งที่ยากที่สุด คือต้องต่อสู้กับความเกลียดชัง และการแบ่งแยก ที่คนพื้นที่ตั้งกำแพงต่อต้าน มองคนเหล่านี้ในฐานะตัวปัญหา ตัวแย่งทรัพยากร ตัวทำลายความสุขสงบ

       ยิปเข้าใจทั้งสองฝ่ายนะคะ ถ้าเป็นยิปเองยิปก็อาจจะบอกได้ไม่เต็มปาก ถ้าวันนึงมีใครไม่รู้มาขอตั้ง    เตนท์ที่สนามหลังบ้าน แล้วขอใช้น้ำใช้ไฟด้วย แต่คิดอีกใจนึงถ้าไม่ให้เค้าอยู่ แล้วจะให้เค้าไปไหน ในเมื่อเค้าหนีร้อนมาพึ่งเย็น จะใจร้ายเกินไปไหม ที่จะไล่เขาออกไป ให้เค้าไปตั้งเตนท์ที่สนามบ้านหลังอื่น ผลักปัญหาออกให้พ้นเรา มันไม่มีผิดไม่มีถูกหรอกค่ะ เถียงเรื่องนี้กันไปไม่มีทางจบ

       ความอุบาทว์อย่างนึงเมื่อถึงภาวะไม่มีถูกไม่มีผิดเช่นนี้ คือความกระอักกระอ่วน ความกระอักกระอ่วนนี้เองที่กำลังเกาะกินสังคมยุโรปอยู่ตอนนี้ ยิปรู้ได้อย่างไรน่ะหรือคะ เพราะยิปเคยได้ฟังข่าวว่าจุดหมายปลายทางหลักของผู้อพยพคือประเทศเยอรมัน และตอนนั้นยิปกำลังอยู่ในแผ่นดินเยอรมันนี่นา และผู้อพยพเหล่านี้เค้าต้องเดินทางไปไหนอีก 
       
        นี่คงเป็นขั้นตอนสุดท้ายของพวกเขาแล้ว การหาเมืองที่พวกเขาจะลงหลักปักฐาน ถ้าพวกเขาเดินทางออกจากที่นี่ แสดงว่าเมืองนี้ถึงจุดกระอักกระอ่วนแล้ว พวกเขาต้องไปที่อื่นต่อ 

         ยิปนั่งรถไฟต่อไป ผ่านหลายเมืองแถบนี้ ก็พบเจอกับกลุ่มผู้อพยพ มารอที่สถานีรถไฟ พวกเขาไม่ขึ้นขบวนเดียวกับยิป เพราะยิปกำลังออกจากประเทศ แต่พวกเขาน่าจะรอรถไฟขากลับไปโคโลญจน์ 

         ตอนนั้นยิปเหลือบไปเห็นความน่ารักของเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังยืนรอรถไฟ เด็กน้อย กางแขนอ้าหุบข้างๆแม่ เหมือนตื่นเต้นที่เจอรถไฟคันใหญ่ ภาพนั้นน่าเอ็นดูจนยิปยกกล้อง ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างอดใจไม่อยู่

         ทันใดนั้นเอง!!!!
         ปึง!!!!ปึง!!!!!

          เสียงเคาะกระจกข้างๆดังจนยิปตกใจ ยิปหลบสายตาออกมาจากช่องมองภาพของกล้อง หันไปเจอ ชายหนุ่มวัยรุ่นท่าทางเอาเรื่อง (ในรูปคือคนที่อยู่หน้าสุด) ตะโกนด่ายิปเป็นภาษาแปลกๆ แต่เค้ามีอารมณ์มาก เอากำปั้นทุกกระจกข้างๆยิปรัวๆ พร้อมกับชี้มาที่กล้องยิป  ใครๆก็ดูออกว่าไม่พอใจยิป ที่ถ่ายรูปพวกเค้า 

        นาทีนั้นยิปตื่นเต้นมาก ชายหนุ่มดูเหมือนจะพยายามไปเปิดประตูรถไฟ สองสามรอบ แล้วมาทุบกระจกใส่ยิปอีก คนกลุ่มนั้นเริ่มหันมา น้องที่เคยน่ารัก ตอนนี้หันมาจ้องยิปด้วยแววตาเอาเรื่องพอๆกับผู้ชายคนนั้น ด้วยเดชะบุญปกป้องภัยอะไรก็ตามของยิป ประตูรถไฟไม่เปิดออก เค้าเข้ามาไม่ได้ ยิปยกกล้องให้เค้าดูหน้าจอว่ายิป กดลบรูปทั้งหมด(เกือบ) ทีละรูป แต่เค้ายังไม่หยุด ดูเหมือนเขาต้องการจะเอากล้องยิปไปให้ได้
        
        ยิปภาวนาในใจ ให้ตำรวจรถไฟมาช่วย ทำไมรถไฟจอดนานขนาดนี้นะ รีบออกซักทีซิยะ เดี๋ยวเค้าก็เปิดประตูเข้ามาหักคอยิปหรอก ตอนนั้นยิปไม่รู้จะทำยังไง เลยงัดท่าไม้ตายสุดท้ายออกมา

         ยกมือไหว้นอบน้อม พินอบพิเทา แบบชาวสยาม 

         แล้วแสดงสีหน้าขอโทษอย่างจริงใจ สื่อแววตาอารมณ์ผ่านกระจกไปถึงเค้า ให้เค้ารู้ว่าเราไม่ตั้งใจ และขอโทษจริงๆ ยิปไม่รู้หรอกว่า การไหว้นั้นเป็นสัญลักษณ์สากลพอ ที่เค้าจะเข้าใจรึเปล่า แต่ยิปไม่รู้จะทำอะไรแล้ว 

        ปรากฎมันได้ผล เค้าเดินไปรวมกับกลุ่มของเค้า ยิปโล่งใจ รถไฟค่อยๆเคลื่อนช้าๆ หลังจากเรื่องทุกอย่างจบแล้ว 

        พอแน่ใจว่าออกจากสถานีมาไกลแล้ว ยิปควักกล้องออกมา กดกล้องดู พบว่ายังเหลือรูปรูปนึง รูปแรกที่ถ่ายได้ รูปที่เอาไว้เตือนความทรงจำถึงบทเรียนนี้ 

        "ไม่ใช่ทุกคน ไม่ใช่ทุกสังคม ที่โอเคกับการถูกถ่ายรูป"

      

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in