ฉันเป็นคนชอบคิด คิดนั่นนี่โน่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสา วันหนึ่งฉันได้ยินข่าวเกี่ยวกับการตลาดของบริษัทแห่งหนึ่งว่า เขาต้องการเงินคนไทยแค่วันละ 1 บาท เค้าก็รวยแล้ว
อันนี้เป็นสิ่งที่น่าคิดทีเดียว เงินหนึ่งบาทของแต่ละคน คงไม่ได้รู้สึกมีค่าอะไรมากมายนัก ก็เพียงแค่เศษเงินเศษเล็กๆ แต่พอมารวมกัน 60กว่าล้านคน ก็ 60กว่าล้านบาท ได้เงินแบบนี้ทุกวัน 30 วันก็ 180กว่าล้านบาทเข้าไปแล้ว เหมือนใครบอกว่านุ่นเบา ถ้าเอามารวมกันร้อยโล มันก็หนักน่ะ ไม่เชื่อไปแบกดูสิ
ฉันเลยมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจและในหัวว่า ถ้าเรานำเงินของคนไทยทั้งหมด คนละ 1 บาท (อาจจะแค่คนที่มีอายุเกิน 18 ปีเท่านั้น เพราะตอนฉัน 10 ขวบ ฉันได้เงินเพียง 50 บาทต่อวัน ฉันเข้าใจหัวอกเด็ก 10 ขวบดี ฉันเคย 10 ขวบมาก่อน) นำมาบริจาคเพื่อการพัฒนาอะไรเสียอย่างหนึ่งเพื่อคนที่ต้องการ แค่เพียง 1 บาทเท่านั้น
ฉันเลยมีความคิดต่อไปว่า ฉันอยากจะคุยกับธนาคารทั่วไปหลายๆสีนั่น เพื่อให้เค้าเห็นแก่ความคิดฉันเสียหน่อย ให้คนที่มีบีญชี และบัญชีออนไลน์อยู่ในธนาคารหลายสีเหล่านั้น สามารถโอนเงินหนึ่งบาทเพื่อเข้าบัญชีกลาง เพื่อนำเงินออกไปใช้ได้ ในโครงการที่ฉันว่ามา เพียงแค่กดๆในมือถือเสียเท่านั้นเอง
คงจะมีคนถามฉันว่าเอาไปทำอะไรนะเหรอ ฉันคงตอบว่าเอาไปทำโรงเรียน ช่วยโรงเรียน ฉันคิดแบบนั้น เพราะฉันคิดว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พ่อฉันเคยบอกว่าโจรขึ้นบ้านก็เอาของไปได้ แต่มันไม่สามารถเอาความรู้เอ็งไปได้ ฉันเห็นด้วยทุกประการ ซึ่งความรู้ มันก็สามารถเอาไปต่อยอดในชีวิตของคนที่ต้องการในหลายๆส่วนของชีวิตเขาเอง เพราะการศึกษาไม่ได้สอนให้คนมีความรู้แค่นั้น แต่ยังสอนให้คนมีสติ ตรึงตรอง วางแผน ดำเนินการ บลาๆๆๆ ได้อีกหลายอย่างทีเดียวเชียว ฉันคิดแบบนั้น
จริงๆการทำโครงการอะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่ดี แต่อาศัยเพียงฉันแค่คนเดียว ฉันก็คงไม่สามารถไปผลักดันอะไรไม่ได้มาก ฉันไม่ได้มีหน้าตาเป็นอาวุธ ฉันไม่ได้มีดีกรีสิบห้าใบขนาดที่คนจะต้องมาเชื่อฉัน มันเป็นแค่ความคิดของฉันก็เพียงเท่านั้น
ใครที่เผลออ่านมาถึงบรรทัดนี้ก็คงมีความเห็นอะไรบางอย่างเกี่ยวกับโครงการนี้เช่นเดียวกับฉัน ใครที่เผลออ่านมาถึงบรรทัดนี้ก็สามารถเอาไปคุย คุยไปโม้ต่อได้ไม่อั้น หรือถ้าเอาไปทำให้มันเกินจริงๆเสียทีฉันก็ยินดี
ฉันก็แค่มีความคิดแบบนี้ในใจเท่านั้นเอง
28/1/2016
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in