เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นายซึมเศร้า เล่าความหนังปุญญาวาศ
it Gets Better ไม่ได้ขอให้มารัก

  • ในที่สุดแล้วภาพยนต์เรื่อง "ไม่ได้ขอให้มารัก" ก็ได้ออกฉายตาม ต่างจังหวัด พร้อมด้วยการตอบรับจากผู้ชมจำนวนมาก ซึ่งในวันแรรกที่เข้าฉาย สังเกตได้เลยว่าผู้ชมส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มเพศทางเลือก (ซึ่งในวันหลังๆ นี้เองที่เริ่มมีกลุ่มผู้ชมที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น แม้กลุ่มผู้ชายจะไม่นิยมหนังแนวรักๆ ใคร่ๆ เท่าไหร่)



    อันนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อหน้าหนังโปรโมทถึงความรักคนคนสามคู่ ซึ่งได้แก่ กะเทยสูงวัยที่ตัดสินใจกลับบ้านไปพบกับเด็กหนุ่มผู้มีใจยอมรับความหลากหลายทางเพศ คู่ของหนุ่มวัยรุ่นกับกะเทยสาวนางโชว์ในบาร์ และคู่ที่ฮือฮาจนเกืบทำให้หนังถูกแบน (จริงๆ ก็เป็นคู่โปรโมทหนังนั่นแล่ะ) ก็คือคู่ที่อยู่ในสมณะเพศนั่นเองหน้าหนังที่โปรโมทอาจบอกอะไรไม่ได้มาก ซึ่ง ถ้า กบว.ได้เห็นหนังเรื่อง (มั่นใจว่าดูแล้ว และปล่อยผ่าน) เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆ เพียงแต่ ค่ายหนังอาจต้องการสร้างกระแสความเห็นใจเฉยๆ ก็ได้ อันนี้คงไม่พูดถึงกัน เพราะอย่างไร หนังก็ได้รับการยอมรับไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังคือโศกนาฏกรรม โศกนาฏกรมที่เกิดขึ้นเพราะความเอาแต่ใจตนเองของสังคม



    เนื้อหนังเล่าเรื่องราวสลับไปสามด้านได้แก่ เริ่มแรกที่ เจ๊น้ำ เดินทางกลับบ้านที่บ้านนอกด้วยรถเปิดประทุนคันงาม สลับกับเรื่องราวของเด็กหนุ่มหน้าหวานๆ ผู้สูญเสียมารดาไป อาศัยอยู่กับพ่อสองคน ในบรรยากาศของบ้านนอกที่น่าหลงใหล พร้อมทั้งเรื่องราวที่เหมือนจะเป็นคู่ขนานคือ เด็กหนุ่มที่กลับมาจากเมืองนอกเพื่อปิดกิจการบาร์โชว์ของพ่อ แล้วได้พบเจอกับเพื่อนเพศที่สาม



    ตัวหนังสลับเล่าเรื่องได้อย่างสอดคล้องและลงตัวจนแทบเป็นเรื่องเดียวกัน และในขณะที่ดูจนลืมค้นหาความเกี่ยวโยงกันของทั้งสามเรื่องราวนักแสดงของเรื่องสื่ออารมณ์ได้อย่างพอดิบพอดี ทำให้คนดูที่มีอารมณ์อ่อนไหว และเข้าใจตัวละครอดที่จะน้ำตาคลอไปกับพวกเขาไม่ได้



    สิ่งหนึ่งที่หนังทำได้ดีคือบทที่สอดคล้องกันของทุกคน และที่สำคัญคือการสื่อปัญหาเล็กๆ ออกมาได้อย่างชัดเจนเสียจนอดขนลุกไม่ได้ นักแสดงหลักอย่างเพ็ญพักตร์ ศิริกุล หากตัดภาพว่าเคยทราบว่าเธอเป็นผู้หญิงไปแล้วล่ะก็ เธอสามารถตีบทกะเทยแก่ๆ ที่ผ่านเรื่องราวบนโลกมาเยอะได้อย่างเหมาะสม และเนียนดีเลยทีเดียว อันนี้ขอชมเชยไว้เลย



    เข้ามาที่เรื่องโศกนาฏกรรมกันดีกว่าว่าทำไมผมถึงเรียกมันด้วยคำๆ นี้เรื่องราวของหนังจริงๆ แล้วคือเรื่องของ "เจ๊น้ำ" หรือเพ็ญพักตร์ ศิริกุล ทั้งหมด เจ๊น้ำตัดสินใจกลับบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ไปพักหรือกลับไปอย่างถาวรกันแน่ อันนั้นเป็นปริศนา หนังบอกเล่าเรื่องราวของเจ๊น้ำในปัจจุบันสลับกับอดีต ซึ่งอดีตของเจ๊น้ำถูกเฉลยในตอนท้ายเรื่องว่านั่นคือ "ดิน" เด็กหนุ่มลูกชายคุณตาเจ้าของร้านชำ ที่พ่อเห็นว่าเกิดความตุ้งติ้งจึงส่งไปบวชนั่นเองสังคมสมัยก่อนยังไม่ได้ยอมรับหรือเข้าใจในความเบี่ยงเบนทางเพศที่เกิดขึ้น ทางออกของการที่มีลูกเป็นกะเทยคือ ถ้าไม่ส่งไปบวช ก็ส่งไปเป็นทหาร ด้วยหวังว่าจะเป็นการเบนเข็มกลับให้ม้าเข้าที่เข้าทางอย่างที่พ่อแม่ และสังคมนั้นต้องการสังคมที่เอาแต่ใจ



    ในประโยคหนึ่งของ เณรดิน ที่สนทนากับหลวงพี่ถึงความไม่เข้าใจต่อท่าทีของทั้งพ่อและพระพี่เลี้ยง หลวงพี่ได้สนเอาไว้ว่า "ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่างที่ต้องการหรอก เราต้องรู้จัดปล่อยวางและเสียสละ" และแม้เณรดินจะถามว่า "แม้ว่าเราจะต้องเป็นทุกข์"หลวงพี่ก็ยังยืนยันเช่นเดิม....



    ความสุขของคนๆ หนึ่งก็ย่อมแลกมาด้วยความทุกข์ของคนๆ หนึ่งนั้น อาจไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่เณรดินเองก็เลยตัดสินใจจะยอมเป็นทุกข์เพื่อให้พ่อและสังคมในหมู่บ้านนั้นมีความสุขต่อไปจนกระทั่งเติบโตและมีครอบครัว แต่ตัวดินเองก็ไม่สามารถปฏิเสธตัวตนที่แท้จริงได้ จึงเลิกรากับเมียที่ท้องโย้ไป และออกเดินทางไปใช้ชีวิตของตัวเองที่พัทยาจนกระทั่งล่วงเลยวัยมาปลายคนจนกระทั่งลูกชายเติบโต และได้กลับมาเพื่อปิดกิจการของพ่อตัวเอง แต่ก็ได้พบกับโลกอีกใบที่ไม่เคยเจอมาก่อน



    สิ่งที่เป็นโศกนาฏกรรมก็คือ การที่สังคมกำหนดกรอบให้ผู้คนต้องใช้ชีวิตโดยที่ผู้คนรอบข้างเป็นคนกำหนดเอาไว้ ก่อให้เกิดความทุกข์แก่ผู้คนที่ต้องเข้ามาพัวพันเป็นจำนวนมากหากไม่ใช่เพราะพ่อดินไม่ยอมรับ ดินเองคงไม่ต้องหลอกผู้หญิง แต่งงานบังหน้า แล้วจนกระทั่งมีลูกด้วยกันความทุกข์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ดินเพียงคนเดียว แต่ส่งผลไปยัง เมียของดิน และลูกของเขาด้วย ที่สำคัญผลสุดท้ายส่งมาที่พ่อ ที่ลูกชายจำต้องหนีไป ไม่กล้ากลับมาพบหน้าอีกจนกระทั่งแก่เฒ่า เพียงเพราะกลัวว่าพ่อจะไม่ยอมรับตัวตนของตน



    ลูกชายที่ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่มีพ่อต้งแต่เล็ก และต่อต้านจนกระทั่งโตมา รวมไปถึง เจ๊น้ำเองที่ต้องทนทุกข์กับการคิดถึงลูกของตนและกลัวเสมอว่าลูกของตนนั้นจะไม่สามารถยอมรับพ่อที่เป็นแบบนี้ได้เพียงเพราะความเอาแต่ใจของสังคมแท้ๆ ที่ทำให้ชีวิตผู้คนต้องยุ่งเหยิง และพบเจอกับความทุกขเวทนาจวบจนกระทั่งเจ๊น้ำตาย...



    ภาพยนต์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความสนุก ขายมุกกะเทยไร้สมองแบบที่หนังเรื่องอื่นๆชอบทำกันแต่มันคือ EPIC อีกบทหนึ่งเล็กๆ ของชีวิตมืดๆ ของเพศทางเลือกเพศที่ใช้ชีิวตบนโศกนาฏกรรมจากความเอาแต่ใจของสังคม......

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in