ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
ผมไม่รู้ว่าผมมีครอบครัวที่ไหนอีกไหม
ผมไม่รู้ว่าผมมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างไร
แต่ผมรู้— ว่าผู้ชายตรงหน้าคือเจ้าชีวิตผม
ผู้ชายที่สั่งให้ผมเรียกเขาว่าโทมัส
“โรงเรียนใหม่เป็นอย่างไรบ้างออสติน”บทสนทนาเดิมๆ ที่เขามักถามผมเป็นประจำทุกวันในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือเก่าแก่มากมายราวกับห้องนี้เป็นห้องสมุดขนาดย่อม
แน่นอนว่ามันคือห้องที่ผมชอบมากที่สุดจากทุกห้องภายในสถานที่ที่เจ้าชีวิตของผมเรียกว่าบ้าน
“เข้าไปรอฉันในห้องนิรภัยนั่งรอเฉยๆ นะ”
แต่ห้องนี้น่ะมีความลับบางอย่างของคุณโทมัสซ่อนอยู่— ซึ่งนั่นถือเป็นพรที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้รับจากพระเจ้ามาเลยล่ะ
บทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องแสนธรรมดาระหว่างผมกับคุณโทมัสหยุดลงแค่นั้น
ก่อนที่พรวิเศษจากพระเจ้าจะเริ่มต้นขึ้น
ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆเกิดขึ้นหลังจากที่คุณโทมัสปรากฏตัวขึ้น วันนี้เขายังคงน่าหลงใหลเหมือนเดิมแม้จะสวมเพียงแค่กางเกงหนังรัดรูปสีดำเงาวับเท่านั้นชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าผมเดินเข้ามาหาผมด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างามและน่าเกรงขามพร้อมด้วยรอยยิ้มทรงสเน่ห์ที่หากใครได้รับมันคงจะเก็บเอาไปฝันถึงเป็นแน่ —ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ปลดกระดุมสิคะเด็กดี”
“อ่าไม่ใช่ท่อนบนค่ะ”
“แค่ปลดนะคะห้ามถอดนะ”
ผมยอมรับโดยสดุดีว่าผมเต็มใจมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาเขามีสิทธิ์ในตัวผมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะใช้ความรุนแรงกับผมมากเพียงใด เร่งเร้าให้ผมทำตามคำสั่งแปลกประหลาดของเขาสักกี่คำสั่ง
ผมก็ยอมเขาทั้งหมด
บทบรรเลงแสนเร่าร้อนที่มักจะอ่อนโยนหากเราอยู่ด้านนอกห้องแห่งนี้กลายเป็นบทเพลงที่เต็มไปด้วยความรุนแรงแต่กลับเร้าอารมณ์ให้ผมรู้สึกตื่นเต้นในทุกๆจังหวะของเขา ทั้งสัมผัสหยาบโลนและความดุดันที่ดูเหมือนเขาตั้งใจจะหยอกล้อผมอยู่ในทีทำให้ผมได้พบกับความสุขที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วได้รวดเร็วขึ้น
ราวกับคุณโทมัสต้องการจะเอาชนะความเร็วของเข็มนาฬิกายังไงอย่างนั้น
แม้เวลาในแต่ละช่วงเพลงบรรเลงจะสั้นกว่าทุกครั้งและทุกวันที่ผ่านมาแต่วันนี้กลับต่างออกไปด้วยจำนวนเพลงที่เพิ่มมากขึ้นพร้อมกับความดุดันที่เขาใช้กับผมอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
“ฉันชอบเวลาเธอใส่ชุดนักเรียนที่สุดเลยรู้ไหม”
“อ่าฮะ— ให้ตายเถอะออส เธอทำฉันคลั่งแล้วนะ”
แทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมถูกเขาอุ้มตอนไหนจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความเย็นชืดที่แผ่นหลังนั่นล่ะแถมท่อนขาของผมยังรัดรอบเอวแกร่งเอาไว้เสียแน่นตามสัญชาตญาณอีก กว่าผมจะได้สติจากรสจูบแสนหวานและสัมผัสแสนเร่าร้อนจากฝ่ามือหนาคู่นั้นความอุ่นร้อนก็เข้ามารุกรานตัวผมก่อนจะตามมาด้วยนัยน์ตาสีเพลิงที่เบิกโพลงขึ้นเพราะอาการตกใจ
“มะ—ไม่เป็นไรครับ อึก— ผมฉีดยาแล้ว”
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่คุณโทมัสก็ยังคงมีท่าทีหัวเสียเช่นเดิมสุดท้าย ผมจึงตัดสินใจฝืนความเจ็บปวดลุกขึ้นโอบรอบคอหนาเอาไว้พลางจ้องมองเปลวไฟสีแดงเลือดภายในดวงตาคู่คมของเจ้าของตักก่อนจะป้อนจูบอ่อนโยนให้เขาหวังช่วยบรรเทาความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นเนิ่นนานหลายนาทีที่เราจูบกันด้วยความอ่อนโยนพลางจ้องมองดวงตาของกันและกัน
ดวงตาที่ใครต่อใครต่างก็บอกว่าผมคือคนที่คู่ควรกับคุณโทมัสมากที่สุด
“พักผ่อนนะคะเด็กดีของฉัน”
ประกายเพลิงดูงดงามกว่าเดิมเมื่อเขาควบคุมมันได้สำเร็จในที่สุดความอ่อนโยนเข้าแทนที่จนแทบจะลืมความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเป็นอีกครั้งที่ผมผล็อยหลับไปในอ้อมกอดแสนอบอุ่นของเขา
อ้อมกอดที่ผมรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้รับมันไม่ว่าจะในเวลาไหนก็ตาม
“จะไม่มีใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้วนะแดเนียล”
“เพราะตอนนี้เธอคือ ออสติน เพรสเซอร์ เวลส์”
“My lasting queen”
ออสติน/แดเนียลไม่มีความทรงจำก่อนหน้าจะมาอยู่ที่คฤหาสน์ + อ่านคำพูดโทมัสตอนใกล้จบ เราว่าชีวิตออสตินคงน่าสงสารมากมาก่อน แต่เวลาอยู่ที่คฤหาสน์ โทมัสก็ถามคำถามเดิมๆ เรื่องโรงเรียนใช่มั้ยคะ แอบหลอนๆ นิดนึง เขามีวัตถุประสงค์อะไร น่าจะเป็นคนมอบชื่อใหม่ให้แดเนียลด้วย? ถ้าซักวันออสตินไปเจอว่าโทมัสปกปิดเรื่องอดีตตัวเองจะเป็นไง แต่เขาก็ดูรักออสติน ละ(ตอนนี้)ออสตินก็ดูพอใจกับชีวิตตัวเองและความสัมพันธ์กับโทมัส
ขนาดเป็นแดรบเบิ้ล กลิ่นอายแบบดาร์คแฟนตาซีกับดราม่าก็ชัด จริงๆ น่าสนใจมากค่ะ