เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[NCTfanfiction] All I want to tell you through the month.teddy.soo
You got me now
  • #fictober



    DAY 3 — Moonlight
    YUTA x TAEYONG










    แสงสีนวลอำพันดูหม่นหมองจากดวงจันทร์ความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของช่วงเวลาแห่งรัตติกาล

     

    ความสวยงามที่มาพร้อมกับความลึกลับความเปล่าเปลี่ยว และความหวาดกลัว

     

    ท้องนภามืดมิดแลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา— ข้างบนนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บ้างไหมนะ?

     



    ให้ตายเถอะเป็นบ้าเหรอวะนากาโมโตะ 


     

    ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆยกยิ้มมุมปากให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจกวาดข้าวของบนโต๊ะลงกระเป๋าเป้เน่าๆแต่กลับเป็นใบโปรดตลอดกาล ลุกขึ้นโค้งลาเจ้านายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวจากพนักงานนับสิบชีวิตที่รีบวิ่งแจ้นกลับบ้านทันทีหลังเข็มนาฬิกาเลื่อนมาบรรจบที่เลขสิบสองและเลขเจ็ด

     


    ชีวิตพนักงานบริษัทก็แบบนี้ทำงานวนลูปไปเรื่อยๆ รอวันเงินเดือนออกซึ่งไม่เคยมีพอให้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเลยสักเดือนลำพังแค่เงินสำรองสำหรับหาห้องเช่าใหม่ที่ดีกว่าเดิมเขายังมีไม่พอเลยแต่ถึงอย่างนั้น นากาโมโตะคนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร เพราะห้องเช่าที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันนับว่าหรูหรามากแล้วในช่วงราคาค่าเช่าแค่นั้น

     


    อีกอย่างคงจะเป็นเพราะรสนิยมของเจ้าของห้องที่ปล่อยให้เช่าด้วยล่ะถึงทำให้เขารู้สึกพึงพอใจจนไม่อยากย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ดีกว่าหรือใกล้ที่ทำงานมากกว่า

     


    ความวังเวงรอบข้างกลายเป็นสิ่งที่ยูตะคุ้นเคยเป็นอย่างดีทั้งเสียงลม เสียงต้นไม้ไหวเอนไปมา หรือแม้กระทั่งเสียงแมวที่ร้องระงมเพราะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดย่อมด้านข้างคอนโดที่พักพวกมันไม่เคยเข้ามายุ่มย่ามกับผู้คนแต่มันก็ไม่ได้เป็นมิตรกับผู้พักอาศัยในย่านนี้เช่นกัน

     


    เมี้ยว~ —ยกเว้นเจ้าตัวสีขาวลายหินอ่อนที่ชอบเข้ามาคลอเคลียเขาทันทีที่กลับมาก่อนจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ของมันตามเดิม

     


    “วันนี้ลมแรงดีอากาศก็ดี ลองเปิดประตูระเบียงกับหน้าต่างห้องนอนดูนะพ่อหนุ่ม”

    “ลมแรงขนาดนี้ไม่เรียกว่าดีแล้วมั้งครับป้าผมว่าพายุเข้าแน่”

    “ไม่หรอกไม่ใช่พายุที่จะมาหาเราหรอก

     


    เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ดูแลคอนโดต้องการจะสื่อเขาจึงทำเพียงแค่พยักหน้ารับคำก่อนจะรีบเดินเข้าลิฟต์ไป แต่แล้วกลับต้องแปลกใจเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นเจ็ดพร้อมกับการปรากฏตัวของชายร่างโปร่งบางในชุดสูทสีดำสนิท— ต้องไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆ ไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด

     


    “ลิฟต์ขึ้นนะครับ”เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดร้อนรนแต่อีกฝ่ายกลับพยักหน้าตอบเป็นเชิงเข้าใจแถมยังเอาแต่มองตรงไปยังประตูลิฟต์ที่เพิ่งปิดลง ไม่มีท่าทีสนใจเพื่อนร่วมลิฟต์อย่างเขาเลยสักนิด


    “งั้นคุณจะไปชั้นไหนครับ”

    “ผมกดแล้วครับ”

    “ครับ?มีแต่ผมนะครับที่กด คุณกะ— อ้าว ไหงเป็นงี้วะ”

     


    จู่ๆไฟสีส้มก็ปรากฏขึ้นที่หมายเลขชั้นถัดไปข้างบนจากชั้นของเขา เห้ย แต่เขายังไม่เห็นอีกคนยื่นมือออกมากดลิฟต์เลยจริงๆนะ

     


    “ผมจะกดตอนไหนมันสำคัญด้วยเหรอครับในเมื่อคุณไม่ได้จ้องผมตลอดเวลาเสียหน่อย”

     


    ชิบหายอ่านใจได้เหรอวะ

     


    “แล้วแต่คุณจะคิดเลยครับ”

    “ถึงชั้นคุณแล้วนะครับไม่ออกเหรอ?”

     


    ยูตะยังคงคิดไม่ตกกับเรื่องของคนคนนั้นแม้ในตอนนี้จะทิ้งตัวลงนอนเรียบร้อยแล้วแต่ความสงสัยยังคงก่อกวนจิตใจอยู่เหมือนเดิมราวกับไม่อยากให้เขาได้พักผ่อนยังไงอย่างนั้นแต่สุดท้ายเขาก็ผล็อยหลับไปในที่สุดเนื่องจากฤทธิ์ยาแก้ปวดที่กินเข้าไปหลังมื้อค่ำ

     


    ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลห้องให้ผม

    ผมกลับมาแล้วครับคุณนากาโมโตะ

    ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกัน—ตลอดไปเลยนะครับ

     


    เฮือก


     

    ภาพในความฝันทำให้เขาสะดุ้งตื่นแทบจะทันทีเพราะมันเหมือนจริงจนแทบจะเรียกได้ว่าเขากำลังนอนมองใครอีกคนที่บุกรุกเข้ามาในห้องเขาอยู่แถมสัมผัสที่ข้างแก้มยังอบอุ่นเหมือนโดนลูบไล้จริงๆ เสียด้วย

     


    แต่เดี๋ยวก่อน

    ใครคนนั้นทำไมถึงได้หน้าคล้ายกับคนที่เพิ่งพบเจอกันไปเมื่อช่วงหัวค่ำทุกกระเบียดนิ้วขนาดนั้น

     


    บ้าไปแล้วคนคนนั้นจะเข้ามาในห้องของเขาได้อย่างไรในเมื่อกุญแจสำรองทุกดอกอยู่กับเจ้าของห้องตัวจริงและกับเขาเพียงแค่สองคน

     


    ยกเว้นเสียแต่ว่าคนคนนั้นจะเป็นเจ้าของห้องตัวจริง



    บ้าสินายแค่ฝัน นากาโมโตะ นายแค่ฝันไปเท่านั้น

     


    “ผมทำให้คุณกลัวหรือเปล่าครับ?”

    “เชี่ย!"

     


    มันไม่ใช่ความฝันแล้วพับผ่าสิ!

     


    เขาคนนั้นกำลังนั่งมองยูตะที่มัวแต่ขมวดคิ้วนั่งเถียงกับตัวเองในใจอยู่ที่ขอบหน้าต่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ดวงตากลมโตทอประกายแวววับดูงดงามน่าหลงใหลยิ่งกว่าท้องฟ้ายามราตรีจดจ้องคนบนเตียงอยู่นานนับนาทีเพื่อรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถามคำถามที่เกิดขึ้นมากมายอยู่ภายในหัว แต่ดูเหมือนว่าผู้เช่าคนนี้จะยังตกใจกับการปรากฏตัวของเจ้าของห้องตัวจริงอยู่จึงนั่งมองแขกยามวิกาลด้วยสายตาหวาดกลัวพลางขยับตัวถอยหลังไปเรื่อยๆจนสุดปลายเตียง

     


    “งั้นผมขอตอบแต่คำถามที่สำคัญนะครับ”

    “ค—คุณอ่านความคิดผมได้?”

    “ในโลกของผมนั่นเรียกว่าการอ่านใจครับ”

    “โลกของคุณ?เห้ นี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย”

    “ตอนนี้คุณอยู่ในโลกของผมครับ”

    “โลกที่มีแค่คุณกับผม”

    “โลกที่คุณไม่จำเป็นจะต้องทำงานเพื่อแลกกับเศษเงินไร้ค่าพวกนั้น”

    “โลกที่ขอแค่คุณยอมอยู่เคียงข้างผมตลอดไปคุณก็จะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ”

    “ดะ—เดี๋ยวอย่าเดินเข้ามา! อะไรวะเนี่ย! พูดให้เข้าใจง่ายหน่อยสิวะ!

     

     

    แต่แล้วรอยยิ้มนั่นกลับสะกดทุกความเคลื่อนไหวให้หยุดลงแม้กระทั่งกับเหงื่อเม็ดโตที่ฝืนแรงโน้มถ่วงหยุดอยู่กับที่ได้ราวกับเวลากำลังหยุดเดินยูตะกำลังหูอื้อ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงแมวร้องหรือเสียงพายุลมด้านนอกหน้าต่าง

     


    เขาได้ยินเพียงแค่สุ้มเสียงหวานเท่านั้น

     


    ราวกับบทเพลงจากรัตติกาลที่ไร้ซึ่งความมืดมนใดๆเพราะมันใสกังวานและหวานละมุนดั่งบทบรรเลงจากสวรรค์ — แม้จะเป็นสวรรค์ที่เต็มไปด้วยม่านหมอกสีดำก็ตาม

     


    “ผมรอคุณมานานเหลือเกิน”

    “ตอนนี้อีแทยงพร้อมจะเป็นของคุณแล้วนะครับ”

    “อยู่กับผมตลอดไปนะครับยูตะซัง”

     


    แสงจันทราดูสว่างไสวไร้ความหม่นหมองได้อีกครั้ง

     



    คงเป็นเพราะพระจันทร์ได้ครองคู่กับพระอาทิตย์ของตัวเองแล้ว






    please tag #octody or comment below these.

    Thank you for your reading :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in