แน่นอนว่าการที่เรามาเรียนก็ต้องมีการสอบเพื่อวัดระดับเราว่าเราพร้อมจะผ่านไปเรียนเลเวลถัดไปมั้ย บทความนี้ก็จะมาเล่าเงื่อนไขการผ่านระดับและวิธีการสอบของ ELC ให้ฟังกันค่ะ ?
ห้องสอบก็คือห้องที่เราเรียนเลย แค่เอาคอกมากั้นพอเป็นพิธี
การเลื่อนระดับ
การที่เราจะสามารถเลื่อนระดับไปเรียนในกึบถัดไปได้ก็จะมีเงื่อนไขคร่าว ๆ 2 อย่างก็คือคะแนนสอบและการเข้าเรียนค่ะ
- คะแนนสอบ : คะแนนรวมทุกพาร์ทเมื่อมาเฉลี่ยกันแล้วต้องได้ 70 คะแนนขึ้นไปจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน และ แต่ละพาร์ทต้องมีคะแนนไม่ต่ำกว่า 60/100 โดยจะพูดวิธีการสอบอย่างละเอียดในพาร์ทถัดไปค่า
- การเข้าเรียน : ขาดเรียนได้ไม่เกิน 10 วัน จากทั้งหมด 50 วัน โดยถ้ามาเรียนสายหรือออกก่อนคลาสเลิก 3 ครั้ง นับเป็นขาด 1 ครั้ง (เข้าเรียนระหว่าง 9.10-10.10 น. และกลับบ้านระหว่าง 11.20 - 13.00 น.) และเข้าเรียนหลัง 10.10 น. นับเป็นขาดเรียน
⚠️ เงื่อนไขนี้จริงจังนะคะ มีคนไม่ผ่านจริง ๆ น้า ㅠㅠ
การสอบมิดเทอมและไฟนอล
ทั้งมิดเทอมและไฟนอลจะแบ่งสอบเป็น 2 วัน ช่วงมิดเทอมสอบติดกันสองวันเลย แต่ช่วงไฟนอลสอบวันเว้นวันเพราะตรงกับวันหยุดพอดีค่ะ
วันแรก
09.10 - 10.30 (80 นาที) Writing
10.40 - 11.30 (50 นาที) Vocabulary & Grammar
11.50 - 13.00 (70 นาที) Reading
09.10 - 10.10 (60 นาที) Listening
10.20 - 13.00 (140 นาที) Speaking*
* ทุกวิชานักเรียนทุกคนจะสอบพร้อมกันยกเว้น speaking จะจับสลากอันดับไว้ก่อนสอบแล้วเข้าห้องสอบทีละคน
เราจะรู้วันสอบของเราตั้งแต่วันเปิดคอร์สวันแรกค่ะ ตอนเข้าไปปฐมนิเทศจะแจกกระดาษที่มีข้อมูลเกี่ยวกับคลาสเรียน วันเวลา เงื่อนไขต่าง ๆ รวมถึงวันสอบทั้งหมดเลยค่ะ ดูให้ดี ๆ น้า
ข้อสอบและวิธีการสอบแต่ละพาร์ท
ช่วงวีคก่อนสอบอาจารย์จะแจกเอกสารที่ใช้ติวสำหรับการสอบนะคะ ซึ่งสไตล์ข้อสอบก็จะคล้าย ๆ กับเอกสารชุดนี้มาก ๆ ยกเว้น writing & listening ต้องไปฝึกเพิ่มเติมเอง ?
เอกสารทบทวนก่อนสอบ มีแจกให้ทั้งมิดเทอม&ไฟนอล
Writing
ข้อสอบจะให้เขียนทั้งหมด 2 บทความ ซึ่งบทความนึงจะมาจากการบ้าน Writing ที่เราเคยเขียนไปแล้วเป๊ะ ๆ เลย ส่วนอีกบทความนึงจะคล้าย ๆ การบ้านที่เคยทำ แต่จะมีเปลี่ยนดีเทลนิดหน่อย เช่น ถ้าเราเคยทำเขียนการบ้านเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี ในข้อสอบอาจจะเปลี่ยนเป็นให้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศตัวเองค่ะ (อันนี้ยกตัวอย่างน้า จำเป๊ะๆไม่ได้แน้ว y_y) ให้เวลาทั้งหมด 80 นาทีให้เราจัดการเองได้เลยว่าอยากเขียนบทความไหนยาวเท่าไหร่จะใช้เวลากี่นาที
การที่บทความนึงมาจากการบ้านเป๊ะ ๆ ก็แปลว่าถ้าเราจำการบ้านมาแล้วเขียนได้ก็คือสบาย แต่ความ พีคคือในเวลาครึ่งเทอมเราจะมีการบ้านการเขียนทั้งหมด 6-7 ชิ้น ถ้าจำมาหมดก็คือสมองระเบิด แต่ถ้าจำไม่ได้ก็อาจจะใช้เวลาเขียนเองนานมากแถมไม่โฟลว์ด้วย เราก็เลยเลือกที่จะจำมาเกือบหมดแบบนกแก้วนกขุนทอง (ณ ตอนนั้นคือต้องการหนมปังโดเรม่อนมาก จำไม่ไหวแน้วช่วยล่วย T_T) ซึ่งเอาจริงจำมาหมดก็มีประโยชน์นะ เพราะยังไงอีกบทความนึงเราก็ต้องเขียนคล้าย ๆ เรื่องเดิมแค่เปลี่ยนดีเทลนิดหน่อย นอกจากนี้จะช่วยตอนสอบ speaking ด้วย เดี๋ยวอธิบายรายละเอียดในพาร์ท speaking อีกทีเนอะ :P
เกณฑ์การให้คะแนน writing (เรื่องละ 25 คะแนน)
1.내용, 구성 (เนื้อหา&การเรียบเรียง) 10 คะแนน
2.문법 (ไวยากรณ์ 7) คะแนน
3.어휘, 표현 (คำศัพท์และ expression) 5 คะแนน
4.맞춤법 (การสะกดคำ) 3 คะแนน
⚠️ tips การเขียนให้ได้คะแนนเยอะ ๆ : ควรใช้ทุกอย่างที่เพิ่งเรียนไปให้เยอะที่สุดเพื่อโชว์ว่าเราสามารถนำสิ่งที่เรียนไปทั้งแกรมม่าร์และคำศัพท์ตั่งต่างมาใช้เขียนได้จริง ๆ ค่ะ
Vocabulary & Grammar
พาร์ทนี้สำหรับเด็กไทยน่าจะชิว ๆ เลยค่ะ ข้อสอบเป็นชอยส์ด้วย เขียนตอบสั้น ๆ โดยให้ผันตามแกรมม่าร์ที่คิดว่าเหมาะกับประโยค ไม่ยากมากและไม่ต้องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง
เรารู้สึกว่าตอนสอบที่ไทย อาจารย์จะชอบเอาพวกข้อยกเว้นการผันมาออกสอบบ่อย ๆ จนเราระแวงมาก แต่พอมาเรียนที่เกาหลีก็ไม่ค่อยเอาข้อยกเว้นมาออกเท่าไหร่ค่ะ เหมือนเค้าเน้นอะไรที่ใช้บ่อย ๆ แล้วก็ไม่อยากให้นักเรียนเครียดมากแหละ ;---;
Reading
มีบทความให้อ่าน ความยาวก็ประมาณบทความท้ายบทในหนังสือแล้วก็อาจจะมีบทความที่คล้าย ๆ script ของพาร์ท Listening ที่เคยเรียนไปด้วย โดยก็จะมีทั้งข้อสอบชอยส์ / เลือกว่าถูกหรือผิด / เติมคำตอบค่ะ บทความคล้ายในทั้งหนังสือเรียนและ workbook มากแค่อาจจะเปลี่ยนดีเทลนิดหน่อย ถ้าขยันอ่านมาหน่อยคะแนนดีๆไม่หนีไปไหนแน่นอนนนน
Listening
คล้าย ๆ การสอบพาร์ท reading แต่จะเป็นการเปิดไฟล์เสียงให้เราฟังแทน สิ่งที่เอามาออกก็จะเป็น script conversation ที่เคยเรียน / script ในพาร์ท listening / script ในพาร์ท reading ที่มีในหนังสือ โดยจะเปลี่ยนดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกันค่ะ ส่วนการตอบก็มีทั้ง choices / True or false / เติมคำตอบ
Speaking (10 min ea.)
แน่นอนว่าความพีคที่น่ากลัวที่สุดสำหรับชาวเอเชียนแบบเราและเพื่อน ๆ ในคลาสมอบมงให้ก็คือยัย speaking ตัวร้ายนี่แหละ!
เป็นการสอบพูดเดี่ยว ๆ ทีละคนกับอาจารย์ประจำชั้นเราของเราเอง (T_T) สำหรับแต่ละกึบอาจจะสอบต่างกันไป แต่กึบ 2 สอบการพูดทั้งหมด 3 พาร์ทค่ะ
พาร์ท 1 : ให้อ่านออกเสียงตามประโยคที่ให้มา น่าจะแค่เช็คว่าเราอ่านคล่องมั้ย ออกเสียงถูกหรือเปล่า
พาร์ท 2 : ให้พูดโต้ตอบกับอาจารย์ตามบทสนทนาในหนังสือ ซึ่งจะสุ่มมา 1 อัน เราจะได้อันไหนคือไม่มีทางรู้เลย ของเราอาจารย์ให้จับฉลากตรงนั้นเลย ลุ้นมาก กลัวได้อันที่จำไม่ได้55555555 โดยเรากับอาจารย์ก็จะสลับกันเป็น A เป็น B จริง ๆ พูดไม่ยาวมากแต่ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะต้องจำมา 14 บทมั้งแต่ใช้แค่บทเดียว เรากับเพื่อนคือนั่งกรี๊ดกันอยู่หน้าห้องสอบ5555555555
พาร์ท 3 : ให้เราพูดคนเดียว (นานึน โซ๊โล T_T) ประมาณ 3 - 5 นาทีค่ะ โดยจะให้พูดคนเดียวยาว ๆ ซึ่งอาจารย์จะสุ่มเรื่องที่เคยเป็นการบ้าน writing ของเรา แล้วก็ให้พูดตั้งแต่ต้นจนจบ การสอบพูดเลยเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เราจำการบ้านการเขียนแทบทั้งหมดมาสอบ?? พอเราพูดเสร็จอาจารย์ก็จะมีถามเรากลับเกี่ยวกับสิ่งที่เราพูดบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ประมาณนี้ค่ะ
ประกาศผลสอบ
ถ้าเป็นช่วงมิดเทอม หลังสอบเสร็จวีคนึงอาจารย์ก็จะทยอยเอาคะแนนแต่ละพาร์ทมาแจกเราแบบ individual ค่ะ แจกแยกเป็นรายคนเลย รวมถึงเอากระดาษข้อสอบและกระดาษคำตอบมาให้เราดูด้วยว่าผิดตรงไหนยังไง หรือมีอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมก็ถามกับอาจารย์ประจำชั้นได้เลยค่ะ
ส่วนหลังสอบไฟนอลจะเป็นการประกาศคะแนนบนเว็บไซต์ที่เราใช้สมัครเรียน ซึ่งจะประกาศคะแนนรวมถึงประกาศว่าเราผ่านไปเรียนเลเวลถัดไปได้มั้ย แล้วก็มี comment เพิ่มเติมจากอาจารย์ค่ะ :-)
ขอพื้นที่อวดคะแนนหน่อย ภูมิใจม้าก TT___TT
ตอนนี้ขอจบไว้เท่านี้ก่อน ตอนถัดไปจะมาพูดถึงการหาที่พักและรีวิวที่พักที่เราพักตลอด 80 วันค่าา รอติดตามกันได้เลยนะคะ :-)
See you next chapter ka :D
Contact
Twitter: @chynshj
Instagram: chynshj
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in