ตอนเด็กๆเรามักจะเห็นแก้วสีแปลกๆอยู่บนโต๊ะกินข้าวเสมอ เพราะว่าคุณตาเป็นพวกเสพติดการกินเบียร์ ไม่ได้หมายถึงเป็นพวกขี้เมาอะไรแบบนั้น แต่แกเป็นประเภทต้องมีเบียร์ประกอบมื้ออาหารเย็นแก้เหนื่อยและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด (แกว่างี้) คาดว่าแกอาจจะมียีนส์วัฒนธรรมร่วมทางการกินเบียร์กับชาวญี่ปุ่นไม่ก็เยอรมันก็เป็นได้
เราสัมผัสกับเบียร์ครั้งแรกตอนเรียนม.ปลาย รู้สึกอยากเป็นคนเท่ๆบ้าง (ในความคิดตอนนั้น) จิบเบียร์ริมหาดชมวิวทะเลและต้นมะพร้าวกับเพื่อน พากันขี่มอเตอร์ไซค์รับลม จบด้วยการอ้วกแบบลืมไปเลยว่าเคยมีคอ ...
เริ่มสนิทกับเบียร์ตอนเข้ามหาลัย จริงๆเราชอบกินเหล้ามากกว่า รู้สึกว่ามัน Diversity ผสมได้หลากหลายไม่ยึดติดกับน้ำแข็งเหมือนเบียร์ จำได้ว่าตอนไปลาวกับเพื่อน กินเบียร์กันเป็นเหยือกๆ แต่เป็นเหยือกวิเศษกินเท่าไหร่ก็หมด (เด็กเสิร์ฟเอามาเติมเรื่อยๆ) รู้ตัวอีกทีคือนอนมองดาวอยู่ที่สวนหน้าโรงแรม เกือบพากันตกน้ำพุแถวนั้นไปแล้ว ขอบคุณที่รอดมา ...
หลังจากวันนั้นก็ห่างหายกับเบียร์ไปสัมผัสกับเหล้ามากขึ้น หลงรักแสงโสมเป็นพิเศษเพราะผสมกับอะไรก็อร่อยไปหมด เหมือนเป็นสารไดเอทิลอีเทอร์ที่ละลายในน้ำได้ดี (ไม่รู้จำถูกมาถูกป่าว ขอโทษอ.อุ๊ล่วงหน้า)
จู่ๆวันนึงเราก็กลับมาสนิทกับเบียร์อีกครั้งเพราะได้เจอเพื่อนเก่าที่ห่างกันไปนาน เพื่อนที่เคยเข้าหน้ากันไม่ติดกลับมานั่งรวมวงกันอีกครั้ง เราลืมว่าทำไมเคยไม่คุยกันและเราชนแก้วกันได้อีก จำได้ว่ากินรอบนั้นอ้วกจนรูมเมทตกใจ อ้วกแบบหมดลำไส้ อ้วกเหมือนหลอดลมจะหลุดออกมากกองข้างนอกปาก อ้วกจนถามตัวเองว่ากินทำไมวะ
เออ ... เรากินเบียร์กันไปทำไมวะ ??
มองขวดเบียร์รุ่นผสมน้ำผึ้งที่นอนกองอยู่ในตู้เย็นมาหลายวันพร้อมคำถามนี้ ถ้าเราชอบกินเบียร์ ไอ้ขวดนี้ก็น่าจะหมดไปตั้งนานแล้วป่ะ
จริงๆแล้วเราว่าเราไม่ได้ชอบกินเบียร์ แต่เราชอบ Story ของการกินเบียร์ในแต่ละครั้งมากกว่า เราชอบที่พอนึกย้อนกลับไปแล้วการกินเบียร์ในแต่ละครั้งของเรามันมีเรื่องราวประกอบการกินเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่เรากิน สถานที่ที่เราไปกิน คนที่ร่วมกิน หรือแม้กระทั่งอากาศในวันที่เราไปกิน
จู่ๆวันนี้ลมหนาวก็พัดมา ประจบวเหมาะกับนังเพื่อนได้งานใหม่ การยกเหตุผลการฉลองงานใหม่ของเพื่อนจริงๆแล้วมันก็แค่ข้ออ้างในการนัดเจอกันกลางสัปดาห์ กินอาหารทำลายสุขภาพพร้อมจิบเบียร์และแลกเปลี่ยนเรื่องเหี้ยๆในชีวิตระหว่างกันก่อนจะจบลงด้วยการขำกับเรื่องระยำตำบอนเหล่านั้นและปลอบใจกันว่า "ช่างมันเหอะมึง" เออ ช่างมันเหอะ .. ชีวิตเราก็เท่านี้แหละ มีความสุขเล็กๆน้อยๆสลับกับวันเหี้ยๆที่ทำให้หัวร้อนจนระเบิด
ขอบคุณที่เป็นตัวทำละลายในการสนทนาระหว่างกลุ่มเพื่อนให้ผ่อนคลายเสมอ
ขอบคุณที่ทำให้ค่ำคืนในต้นฤดูหนาวมีสีสัน
ขอบคุณที่โลกนี้ที่มีเบียร์ ... ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in