วันจันทร์ที่แสนน่าเบื่อภายในออฟฟิศชั้น 14 จากโต๊ะทำงานวัดได้ระยะประมาณ 20 เมตรห่างจากหน้าต่างและแสงสว่างของพระอาทิตย์
'... แม่งโคตรหดหู่เลย ...'
บนโต๊ะคืองานที่ใช้ความรู้ที่เรียนมาแค่ 15% ในการทำมันให้เสร็จ บนหน้าจอคอมคือไฟล์งานที่ไม่เคยรู้สึก Happy เวลาเปิดมันขึ้นมา อีเมล์ในกล่อง Inbox ที่หดหู่ใจพอๆกับจดหมายเรียกพบผู้ปกครองสมัยเรียนมัธยมต้น
รอบตัวคือคนที่ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นมิตร
เหมือนนั่งอยู่กลางมาไซมาร่าที่ถูกจับตามองจากเสือ สิงโต ยีราฟและสารพัดสัตว์
'กูมาทำอะไรที่นี้วะ'
'เสียดายความรู้ฉิบหาย'
'กูจบปริญญามาเพื่อให้พวกมึงมาด่างี้หรอ'
'คนแบบเราโลกไม่จดจำหรอก!'
ภาวนาให้ชีวิตมีจุดหักมุมให้ออกเดินทางแบบ Walter Mitty ที่ออกไปตามหาฟิล์มหมายเลข 25 แต่ก็ทำได้แค่ก้มหน้าทำงานหาเงินจ่ายหนี้
สิ่งที่เรียนรู้ตลอดระยะเวลาที่เป็น 1stJobber สามารถ List ออกมาได้แต่สิ่งที่ 'ไม่ชอบ'
ที่บอกว่าทำงานเหมือนค้นหาความชอบแม่งโคตรไม่จริง ทำไมเราเจอแต่สิ่งที่ไม่ชอบวะ
หรือจริงๆแล้วเราออกมาทำงานเพื่อตามหา 'สิ่งที่ไม่ชอบ' กันแน่ ? เหมือนตามหาว่าจริงๆแล้วเราไม่ชอบอะไรและเราจะไม่ทนกับมันถ้ามีโอกาสในชีวิตให้เลือกอีก (งานต่อๆไป)
เราปลอบใจตัวเองว่าความอดทนตรงนี้ตอบแทนเราเป็นเงิน เงินที่จะถูกนำไปใช้เพื่อเรียนต่อในสิ่งที่ชอบและแปลเปลี่ยนสิ่งที่ชอบเป็นอาชีพที่ใช่ (กว่านี้) จงอดทนเพื่อวันนั้น เพราะความอดทนไม่เคยทรยศใคร //ชูกำปั้น
ไอ้สัส ... ถ้าทำงานหนักแล้วรวยป่านนี้กรรมกรคงรวยกว่าเจ้าสัวธนินแล้ว คิเช่อะไรพวกนี้ควรหมดไปในสังคมได้แล้ว เลิกหลอกเด็กรุ่นใหม่ให้อดทนกับสิ่งที่ไม่ชอบได้แล้วโว๊ยย !
มองไปที่หน้าจอคอมอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่ากว่าเดิม เหมือนกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองช้าๆ เหมือนสิ่งที่ถูกฝังไปในหลุมทุกวันๆคือความฝันและ Teen Spirite ...
เรา concern กับเรื่องเงินในแต่ละเดือนมากกว่าตอนจบของการ์ตูนเรื่องโปรด
สนใจว่าคนที่ทำงานจะฆ่าเราให้ตายในที่ประชุมยังไงมากกว่างานแต่งงานของเพื่อน
กังวลกับยอดหนี้ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนมากกว่าคำชวนไปกินข้าวเย็นที่บ้านของแม่
เราลืมไปแล้วว่ารู้สึกตอนเมายับแล้วต้องตื่นเช้าไปดูวิวบนยอดเขาที่เกาะพีพีมันรู้สึกมหัศจรรย์ใจขนาดไหน ...
งานที่น่าเบื่อและความเป็นผู้ใหญ่กำลังขโมยความสดใสในหัวใจเราไปวันละเล็กละน้อย รู้ตัวอีกทีบทสนทนาในกลุ่มไลน์กับเพื่อนฝูงก็กลายเป็นการบ่นเรื่องงานและผลัดกันให้กำลังใจกันและกันแทนที่การพูดคุยถึงอ๊ปป้าสุดหล่อ
การเป็น 1st Jobber ของคนอื่นเป็นยังไงเราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเรามั่นใจว่าหลายคนต้องเคยผ่านสถานการณ์ตาม Timeline นี้มาเหมือนกัน
• หางานไม่ได้แต่เพื่อนได้งานแล้วก็กดดัน
• ได้งานแล้วตำแหน่งไม่ดี / บริษัทไม่ดัง
• เปรียบเทียบเงินตัวเองกับเงินเพื่อน
• สังคมเหี้ย เหมือนโดนรังแกทุกวินาทีที่หายใจ
• กดดันไปหมดกับทุกอย่าง เหมือนอะไรๆก็กู
• ดีแค่ไหนก็ไม่เคยพอ อดทนทุกย่างก้าวชีวิต
เราไม่มีวิธีแก้หรอก เราเองก็เป็นเหมือนกัน
นั่งมองงานแต่ในหัวจิตนาการภาพตัวเองออกเดินทางไปยังที่ไหนซักที่บนโลกใบนี้
ส่องกระจกเจอใครซักคนที่เหมือนไม่ใช่ตัวเอง เหมือนกำลังวิ่งไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดสิ้นสุด
เพื่อตามหาบางคนที่หายไปซักพัก ...
หวังว่าสุดท้ายแล้วเราจะเจอตัวเราเองที่กำลังมีความสุขกับชีวิตการทำงานยืนอยู่ที่สุดทาง
... สู้นะเว้ย! ...
บอกตัวเองให้สู้ไว้นะ ซักวันทุกอย่างมันจะดีขึ้น จำเอาไว้นะ Good thing takes time เว้ย!
พึ่งเริ่มต้นชีวิตทำงานเอง อย่าให้ไฟดับลงนะ
สักวันท้องฟ้าที่สดใสจะมาหาเรา
สักวันเราจะตื่นเช้าไปทำงานด้วยรอยยิ้ม
สักวันเราจะพูดว่า I Love my job ได้เต็มปาก
สักวันเว้ย ... สักวันวันนั้นต้องมาถึง
เสียงอีเมล์เข้าดึงเราให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริงที่โหดร้าย โอเค, วันนั้นที่หวังไว้ยังไม่มา
ดังนั้นก็คงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำให้ทุกวินาทีเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้วันที่หวังมากที่สุด
ถ้าวิ่งไม่ไหวก็เดินเอานะมึง
ถ้าเดินไม่ไหวคลานเอาก็ได้
ขอแค่อย่าหยุดเคลื่อนที่ก็พอ
สู้ๆนะเว้ย เหล่า 1St Jobber ทุกคน!!!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in