เพลง Runaway ของ Bobby เล่นวนซ้ำไปซ้ำมาในคืนนึงของฤดูหนาวที่โคตรน่าเบื่อ ยิ่งโตยิ่งค้นพบว่าการอยู่คนเดียวคิดอะไรเงียบๆคือทางออกของทุกความเบื่อและความเหนื่อยที่ดีที่สุดที่มนุษย์จะใช้ในการปลอบใจตัวเองได้
" ... ทุกอย่างมันน่าเบื่อไปหมด
แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยก็ทำให้หงุดหงิด
กลับจากทำงานคนเดียว
ทางกลับบ้านครึกครื้นดี
แต่เสียงหัวเราะเหล่านั้น
มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลยสักนิด
ก็ได้แต่ก้มหน้าเดินต่อ ..."
ท่อนแรกของเพลงที่ถูกแปลแล้วยิ่งตอกย้ำฉากของชีวิตมนุษย์เงินน้อยที่ทำได้แค่เบียดคนอีกล้านคนเข้าไปในบีทีเอสเพื่อกลับบ้าน รีบจนลืมไปแล้วว่าเราไม่ใส่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีชีิวิตก็กลายเป็น Grayscale ไม่มีสีสันอะไร ctrl v / ctrl c ซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน
"วิ่งไปอย่างไร้สติ ...
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
พยายามใช้ชีวิตไปเหมือนไม่ต้องคิดอะไร
เพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง กลับถึงบ้าน อาบน้ำ
ปิดไฟ นอน ทั้งที่ตอนนี้นั้น
ความจริงนั้นหนักกว่าความฝันเสียอีก
ผมนอนไม่หลับก็เลยร้องเพลง ..."
จริงของ Bobby ที่ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตเพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง ทำเหมือนทุกๆวันในชีวิตเรามีความสุขดีและโอเคกับมัน ไม่อยากเล่าออกไปว่าเรารู้สึกว่าโลกสีซีดลงทุกวันๆ ด้วยเหตุผลเดียวคือเราไม่อยากให้คนที่บ้านหนักใจ มีหลายๆคืนที่นอนไม่หลับแต่ก็ทำได้แค่อดทนรอจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นเพื่อตื่นไปทำงานต่อ
"การร้องไห้คนเดียวมันสบายใจกว่า
การที่จะให้ใครมาใส่ใจ ...
แม้ว่าจะนอนอยู่บนที่นอนของตัวเอง
แต่ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่บ้านตัวเอง
แค่อยากออกไปในที่ที่ไกลๆ ..
ถึงดวงอาทิตย์จะขึ้นเป็นวันใหม่
ราวกับว่ากำลังมีความหวัง
แต่คำว่ อรุณสวัสดิ์มันไม่มีความหมายอะไร"
ไม่มีอะไรต้องอธิบายมากสำหรับท่อนนี้ มันเหมือน Bobby พูดในสิ่งที่เราอยากพูดไปหมดแล้ว โลกใบนี้ไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดที่ต้องตายเพื่อหนีปัญหา แต่บางครั้งเราก็แค่ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้แล้ว อยากหายไปอยู่ในที่ๆไม่มีภาระ ไม่มีความคาดหวัง ไม่มีแรงกดดัน ไม่มีแม้กระทั่งตัวเรา อยากไปอยู่ในที่ๆการตื่นมาในตอนเช้าเป็นความสุขในชีวิต อยากมีชีวิตที่เฝ้ารอการมาถึงของเช้าวันใหม่ที่มีความสุข
"แววตาของที่มองไปในกระจก
เท้าที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ...
คนที่อยู่ในกระจกนั่นดูเหมือนคนแปลกหน้า
ทุกอย่างต้องดีขึ้นสิ ...
ปลายทางของการเดินทางที่ยาวนานนี้
หวังว่าตัวตนเฝ้าตามหามาตลอดนั้นรออยู่"
เราเองก็หวังเหมือน Bobby หวังว่าปลายทางของทุกอย่างที่เรากำลังอดทนอยู่ในตอนนี้จะมีตัวตนของเราที่มีความสุขที่เรากำลังตามหายืนรออยู่ หวังว่าทุกวันที่ก้าวเท้าออกจากบ้านคือการก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปเจอตัวตนที่ตามหา ไม่ใช่แค่การวิ่งวนซ้ำอยู่กับที่ ...
เราไม่ใช่ Runner แต่เราคือ Run (away) ner ที่กำลังวิ่งหนีชีวิตในแบบที่ไม่ชอบ เพื่อเข้าใกล้ตัวเราเองที่มีความสุขซึ่งหวังว่าจะยืนรออยู่ปลายทางของการวิ่ง หวังว่าซักวันจะได้เจอกัน
ซักวันคงจะได้เจอตัวเราที่มีความสุขกว่านี้ ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in