เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดวงดาวแห่งซีกโลกใต้ดาญา
ตอนที่ 5 ดาวแม่น้ำ Eridanus
  • หลังจากรถไฟลอดออกมาจากอุโมงค์ใต้ดินก็แล่นขึ้นสะพานทันที สายตาที่อยู่ในความมืดก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาฉับพลันด้วยแสงสว่างจ้าของแดดยามสาย ตึกที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่แบบโรมัน ขึ้นสลับกับตึกสูงกรุกระจกโดยรอบแบบสมัยใหม่ การจราจรบนถนนด้านล่างติดขัดโดยเฉพาะสายที่มุ่งสู่กลางใจเมือง  สิริหันหน้าออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง  ป้ายมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ตึกสีทึมเทา 

    หนึ่งนาทีถัดมารถไฟก็พาเธอมายังจุดหมาย  ยอดโดมสีเขียวไข่กาของสถานีรถไฟประจำเมืองปรากฏอยู่เบื้องหน้า  อาคารใหญ่โตสีเหลืองขมิ้นกว้างใหญ่ครอบคลุมถึงสองช่วงตึกมีผู้คนพลุกพล่านพอๆกับขบวนรถไฟที่เข้าเทียบและออกจากท่า  สมเป็นท่ารถไฟที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในประเทศ  สิริขึ้นบันไดเลื่อนและเดินต่อมายังสถานที่นัดหมายยอดนิยม  นาฬิกาทรงกลมหลายเรือนที่เรียงรายกันอยู่หน้าสถานี บอกเวลาของประเทศต่างๆในพื้นพิภพ บางเรือนเข็มนาฬิกาก็ยังเดินไปเรื่อยๆ บางเรือนเวลาก็หยุดอยู่กับที่ 

    สิริมองนาฬิกา เธอมาเร็วกว่าเวลานัดหมายประมาณสิบนาที  เบื้องหน้ารถรางรุ่นเก่าแบบมีขั้นบันไดเคลื่อนตัวออกจากชานชลาในขณะที่อีกคันแล่นสวนมาจอดรับผู้โดยสารจากอีกฝั่งหนึ่ง  ผู้คนราวกับฝูงมดงานเดินข้ามถนนทั้งสองฟากหลังจากไฟสัญญาณสีเขียวของคนเดินข้ามได้ส่งเสียง  รถม้าบรรทุกนักท่องเที่ยวตกแต่งด้วยดอกไม้พลาสติกหลากสีจอดตรงริมฟุตบาทหน้าร้านอาหารจานด่วนชื่อดัง  ระฆังทองเหลืองของโบสถ์ที่อยู่ตรงกันข้ามสะท้อนเกล็ดแดดเป็นประกาย  วันที่แสงตะวันเจิดจ้าและอบอุ่นมีค่าเสมออัญมณีในเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีสี่ฤดูในวันเดียว

    " สิริ  รถไฟเพิ่งจอด เธอมาถึงหรือยัง"  เสียงอลิชาเจื้อยแจ้ว เมื่อเธอรับโทรศัพท์
    "ฉันเพิ่งมาถึงเหมือนกัน รอเธออยู่หน้านาฬิกาแน่ะ"   สิริตอบตามสาย

    เด็กหนุ่มผมยาวมีรอยสักเต็มแขนกำลังมอบช่อดอกกุหลาบให้เด็กสาวในชุดโกธิคสีดำ พวกเขาสวมกอดกันแน่น เมื่อตอนอลิชาเดินเช้ามาทักพอดี

    " ฮัลโหล โทษทีที่มาสายจ้ะ รถไฟดีเลย์ไปเที่ยวหนึ่ง ไม่รู้เป็นอะไรวันหยุดต้องเจอแบบนี้ทุกที"  อลิชาบ่นกระปอดกระแปดด้วยภาษาอังกฤษที่มีสำเนียงฮินดีบางเบาติดอยู่ วันนี้เธอดูสวยเป็นพิเศษ เสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีม่วงไลแลค เข้าคู่กับกางเกงสี่ส่วนสีเทาควันบุหรี่ และรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาล โค้ตสีแชมเปญช่วยขับผิวสีน้ำผึ้งของเธอให้ดูเด่นสะดุดตา  

    " โอ้โฮ วันนี้เธอสวยจัง ฉันเกือบจำไม่ได้แน่ะ"  สิริชมปนแซวเพื่อนเล็กๆ เพราะปกติอลิชาจะปรากฏตัวในแบบเสื้อยืดกางเกงยีนส์ลุยๆเสียมากกว่า

    " แต่มันยุ่งยากจังเลยเนาะการแต่งตัวแต่งหน้าเนี่ย ฉันคงทำทุกวันไม่ไหวหรอก"  อลิชาค้าน

    " เอาน่า ก็วันนี้มันวันพิเศษนี่นา" สิริขยั้นขยอ พลางจูงมือเพื่อนออกจากสถานีรถไฟ


    เรือเฟอร์รี่บรรทุกนักท่องเที่ยวแล่นผ่าน  ทิ้งคลื่นน้ำกระจายเป็นทางยาว ความใสแจ๋วของแม่น้ำยาร์ราดูดกลืนสีฟ้าอมเทาของแผ่นฟ้าเอาไว้  ตึกที่มียอดแหลมเปี๊ยบสะท้อนเงาของมันอยู่ในนั้น  ลาเต้ร้อนสองแก้วถูกวางตรงหน้า  กลิ่นกำจายของกาแฟคั่วระเหยหอมเมื่อบาริสต้าเทเมล็ดกาแฟถุงใหม่ใส่เครื่องบด  

    " ตื่นเต้นหรือเปล่า อลิชา"  สิริถามพลางเอื้อมมือไปหยิบโถน้ำตาลแดง

    " พระเจ้าช่วย...ฉันไม่คิดว่าตัวเองตื่นเต้น จนกระทั่งตอนที่เธอถามนี่แหละ"  ลมแม่น้ำพัดปอยผมหยักศกสีดำขลับของเธออยู่ไหวๆ

    " ฉันลืมไปแล้วว่า เขาทำงานอะไรนะ"  สิริคนน้ำตาลในแก้วตัวเอง

    " เขาเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวีน่ะ"  อลิชายกกาแฟในแก้วใสขึ้นดื่ม 

    " น่าสนใจจัง  เธอน่าจะหาเรื่องพูดกับเขาได้ไม่ยาก" สิริตั้งข้อสังเกต





  • "ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ อย่างน้อยตอนที่คุยกันทางอีเมล เขาเป็นคนค่อนข้างน่าสนใจเชียวล่ะ เขาเป็นคนทางเหนือแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่กับครอบครัวตั้งแต่สิบขวบ เขาเรียนเก่งมากนะ พ่อแม่เขาอยากให้เป็นหมอ แต่เขาว่าไม่ชอบ ก็เลยเลือกที่จะเรียนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมกับคอมเมิซ  แต่จับพลัดจับพลูมาทำรายการป้อนทีวีได้ยังไงก็ไม่รู้"  อลิชาเล่าถึงชายหนุ่มที่เธอกำลังจะออกเดทด้วยให้สิริฟัง เธอรู้จักเขาผ่านทางเวบไซด์หาคู่ของชาวศรีลังกา

    " ฉันเป็นกำลังใจให้นะ หลังจากเดทนี้เธอจะบอกได้เองแหละว่าเธอรู้สึกคลิกกับเขาไหม"  สิริแนะนำ

    " ถ้าเกิดว่าฉันชอบเขาแต่เขาไม่ชอบฉันล่ะ จะทำไงดี"  อลิชาก้มหน้ามองเครื่องดื่มในแก้วตัวเองเหมือนกับจะหาคำตอบในนั้น

    " เธอก็คงต้องเผื่อใจไว้บ้างแหละนะ... โลกนี้ไม่มีอะไรได้อย่างใจเราไปเสียหมดหรอก"  สิริรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมานิดหน่อย อลิชาดูท่าทางจะปลื้มพ่อโปรดิวเซอร์คนนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้พบกันเลยด้วยซ้ำ เธอหวังว่าเพื่อนจะไม่โชคร้ายตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองเปิดใจกับใคร 

    เรือแคนนูสองลำพายมาข้างเคียงกัน  กล้ามเนื้อแขนของหญิงสาวทั้งสองขยับไปตามจังหวะโยกตัวเพื่อควบคุมจังหวะของฝีพาย ผมสีทองของเธอถักเป็นเปียภายใต้หมวกแก๊ปสีขาวที่สวมไว้กันแดด  กลุ่มแม่ลูกอ่อนเข็นรถเข็นเด็กเดินเลียบทางเดินชายฝั่งแม่น้ำ  ลูกสุนัขที่ทั้งดึงทั้งลากสายจูงพยายามวิ่งไล่กลุ่มนกพิราบ  

     อลิชาลุกออกไปแล้ว หลังจากเอ่ยคำร่ำลาและขอบคุณที่เธอมานั่งคุยเป็นเพื่อนเพื่อลดความประหม่าในนัดสำคัญ  เดทแรกที่น่าตื่นเต้นของเธอกำลังจะเริ่มต้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง   อลิชากำลังตามหาความรักที่เธอต้องการเป็นผู้เลือก   แล้วตัวเธอล่ะกำลังตามหาอะไรกันแน่

    สิริเดินออกมาจากร้านกาแฟแล้ว เธอเดินทอดน่องอย่างไม่มีจุดหมาย ทางเดินเลียบแม่น้ำกำลังทอดยาวไปยังสะพานที่มีสถาปัตยกรรมรูปทรงแปลกตาประดับอยู่สองข้าง  เธอเดินข้ามไปยังอีกฝั่งแม่น้ำ ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่หยุดถ่ายรูปบนสะพาน พวกเขาพูดคุยกันด้วยภาษาที่เธอไม่คุ้นเอาเลย  เมื่อสุดสะพาน ทางเดินเอสพลานาดที่มีร้านอาหารโก้หรูเรียงรายก็ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า  

    เธอไม่ได้มาเดินแถวนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ  อันที่จริงนับตั้งแต่คืนวันส่งท้ายปีเก่า เธอก็ไม่เคยมีโอกาสมาเดินมาแถวนี้อีกเลย เธอเดินผ่านรถเข็นขายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มนั้นอีกครั้ง หากแต่คราวนี้มีแดฟโฟดิลสีเหลืองจัดจ้านเต็มตระกร้า และดอกไม้พื้นเมืองเช่นแบงค์เซียและดอกคาร์นิวัลสีส้มอิฐและแดงแก่ก่ำจัดช่อเข้ากับใบยูคาลิปตัสและเฟริ์นบายฟิลด์แทนที่ดอกทิวลิปสีรุ้ง ความงามแปลกตาของช่อดอกไม้พื้นเมืองทำให้เธอนึกถึงสาวชาวเกาะในแจกันดอกไม้ใบเขื่อง ที่ตั้งอยู่กลางร้านแจ๊สในค่ำคืนนั้นขึ้นมาอย่างประหลาด

    สิริใช้ความคิดอยู่เพียงอึดใจก่อนที่จะสาวเท้าเดินไปในทิศทางที่เธอจำได้คลับคล้ายคลับคลา  ร้านไอศครีมจิแลตโตที่มีไอศครีมหลากสีสรรและสารพันรสชาติตั้งอยู่ทางซ้ายมือ  ผู้คนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อลิ้มรสของหวานที่น่าดึงดูดใจนั้น  เธอเดินเลี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้าม ผ่านสวนสาธารณะที่มีต้นวิลโลที่ใบทิ้งกิ่งก้านไปหมดแล้วเรียงรายทั้งสองข้างทาง  ความสงบเงียบทำให้เธอได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเอง เธอข้ามสะพานเล็กๆกลับไปยังอีกฝั่งแม่น้ำ และร้านแจ๊สที่ตกแต่งด้วยกระจกใสบานใหญ่ตั้งอยู่ริมฝั่งอย่างถ่อมตน




  • น่าแปลกที่ร้านเปิดให้บริการในบ่ายวันอาทิตย์เช่นนี้  ประตูด้านหน้าเปิดทิ้งไว้แต่กระนั้นเธอยังมองไม่เห็นลูกค้าเลยสักคน เธอรีรออยู่หน้าร้านด้วยไม่แน่ใจว่า ป้ายที่บอกว่าเปิดที่ติดอยู่หน้าร้านนั้นเป็นความผิดพลาดของพนักงานในร้านหรือไม่  

    "สวัสดีตอนบ่ายครับคุณผู้หญิง มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ"  ชายวัยต้นหกสิบเอ่ยทักขึ้นเมื่อเขาเดินมาที่ประตู  ผมสีดอกเลาถูกรวบเป็นหางม้าเล็กๆอยู่ด้านหลัง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงสีกากีและรองเท้าหนังสีน้ำตาลขัดมันปลาบ

    " เอ้อ...ไม่ทราบว่าวันนี้ร้านเปิดหรือเปล่าคะ พอดีเห็นป้ายหน้าร้านบอกว่าเปิดน่ะค่ะ" สิริออกจะเก้อเขินเล็กน้อย 

    " โอ้...เปิดครับ เชิญเข้ามาข้างในเลยครับ พอดีวันอาทิตย์อย่างนี้คนจะไม่เยอะมาก ผมเลยอยู่เฝ้าร้านคนเดียว"   เขาเชื้อเชิญเธออย่างเป็นมิตร

    " ขอบคุณค่ะ"  เธอก้าวเข้าไปในร้าน แจกันใบเขื่องยังประดับอยู่ที่เดิม หากแต่มีลิลลี่ก้านยาวทั้งสีขาวและชมพูอวดความงามระหงอยู่ในนั้น กลีบดอกสีหวานที่บานเต็มที่นั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นคลาสสิค  คล้ายกับดาราสาวชาวอเมริกัน อองเดรย์ แฮปเบิร์น  เวทีเล็กๆที่มีเคยมีวงแจ๊สคอมโบเล่นอยู่นั้น ตอนนี้เหลือแต่กลองชุดและเครื่องขยายเสียงตั้งทิ้งไว้  สิริเดินผ่านเข้าไปนั่งโต๊ะตัวที่ติดกับหน้าต่างตัวเดิม

    " ไม่ทราบคุณผู้หญิงจะดื่มอะไรก่อนดีครับ"  เขาถามอย่างสุภาพ พลางนำเมนูเครื่องดื่มและอาหารกลางวันแบบง่ายๆมาให้

    " ขอพีโนต์ กรีจิโอ แล้วขอชีสแพลตเทอร์ถาดเล็กค่ะ" เธอเอ่ยหลังจากพลิกดูรายการอาหารและเครื่องดื่ม

    " ได้เลยครับ รอสักครู่นะครับ"  เขาเอื้อมมือไปหยิบเมนูขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยอะไรขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้

    "ถ้าคุณอยากฟังเพลงอะไรก็บอกได้นะครับ วันนี้ไม่มีวงดนตรีแต่สามารถขอเพลงได้ครับ" 

    "ขอบคุณมากค่ะ"  เธอนึกชอบในอัธยาศัยของเขา เขาน่าจะเป็นเจ้าของร้าน เพราะท่าทางของเขาบ่งบอกเช่นนั้น

  • ไม่นานเกินรอ ไวน์ขาวเย็นเฉียบ และถาดไม้ที่มีวิทเทจเชดดาร์ชีสสีเหลืองนวล และบรีชีสเนื้อนิ่ม เคียงข้างมากับขนมปังหั่นขวางและแครกเกอร์สี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นใหญ่  มีมะกอกป่าดองลูกเล็กๆและหัวอาร์ติโชคหมักเครื่องเทศอยู่ในชามกระเบื้องสีขาว

    " ขอบคุณค่ะ" เธอเห็นความใส่ใจและความปราณีตในการจัดวางอาหารของเขา 

    "ไม่เป็นไรครับ ทานอาหารให้สนุกนะครับ"   เขาส่งยิ้มแล้วเดินจากไป

    เสียงเพลง "I wished on the moon" ของนักร้องหญิงเลื่องชื่อบิลลี่ ฮอลิเดย์  ดังขึ้นจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง เธอลิ้มรสกรีจิโอ พลางทอดสายตาไปยังสนามหญ้าของสวนสาธารณะเบื้องหน้า รสสดชื่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิของมันเข้ากันกับชีสที่เลือกมาอย่างดี  สิริรู้สึกว่าแค่ความพอใจต่อสิ่งเล็กๆน้อยๆก็ทำให้ตัวเองมีความสุขแล้ว

    เธอตะโกนบอกชายเจ้าของร้านว่านี่เป็นเพลงโปรดของเธอเพลงหนึ่งเลยทีเดียว เขาดูยินดีมากที่เธอชอบ

    " ถ้าอยากนั้นคุณน่าจะชอบเพลงต่อไปด้วย "  เขาว่า และแล้ว นีน่า ซีโมนก็ขับร้องเพลงที่น่ารักของเธอขึ้นมา   ดนตรีโทนสว่างไสวกับทำนองที่ทำให้ใจเบิกบานของ " Here come the sun" ทำให้บ่ายวันอาทิตย์ปลายฤดูใบไม้ร่วงที่อบอุ่นเช่นนี้สดใสยิ่งขึ้น

    สิริรู้สึกสนุกกับการฟังเพลง เธอจึงคิดว่าจะขอเพลงที่เธอรำลึกได้ว่าเคยฟังจากร้านนี้ "today more than yesterday"  อีกครั้งหนึ่ง

    แต่เธอคิดอย่างไรก็ไม่ทราบได้ กว่าจะรู้ เธอก็หลุดคำถามนี้ออกไปเสียแล้ว

    " ไม่ทราบว่าคุณรู้จักเจคไหมคะ เจคที่ทำงานเป็นช่างถ่ายภาพสารคดีน่ะค่ะ" 

    " เจค  ปีเตอร์สัน ใช่ไหมครับ" เขาถามเพื่อความมั่นใจ 

    " ค่ะ" สิริรับคำ  เธอไม่ได้บอกความจริงกับเจ้าของร้านไปทั้งหมดว่าเธอรู้นามสกุลของเขาผ่านการเสริชหาข้อมูลทางอินเทอร์เนต หลังจากวันที่พวกเขาเจอกัน เธอคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าคนแปลกหน้าที่เธอคุยด้วยนั้นไม่ใช่คนโกหกพกลม

    "  ถ้าอย่างนั้นก็รู้จักครับ เขาเป็นลูกค้าประจำร้านเรามาหลายปีแล้ว ผมชื่นชมเขามาก เค้าเป็นคนหนุ่มไฟแรง อุดมการณ์เหลือล้นทีเดียว เอ... แล้วคุณรู้จักเค้าได้ยังไงครับ"

    " เอ่อ...เค้าเป็นเพื่อนของเพื่อนน่ะค่ะ เค้าเคยแนะนำว่าถ้าชอบแจ๊สต้องมาร้านนี้ให้ได้" สิริพูดโกหกออกไป ด้วยรู้ว่าการพบกันของเธอและเขาอาจจะดูแปลกประหลาดเกินไป นอกจากนี้เขายังไม่ใช่เพื่อน หรือแม้แต่คนรู้จักของเธอด้วยซ้ำ

    " เค้ามาที่ร้านบ่อยไหมคะ" สิริถามต่อด้วยความอยากรู้

    " มาทุกครั้งเมื่อมีโอกาสนะครับ ปีหนึ่งอาจจะสามหรือสี่ครั้ง ส่วนใหญ่เขาทำงานต่างประเทศนานๆจะกลับบ้านทีหนึ่งใช่ไหมล่ะครับ ครั้งที่แล้วก็ได้คุยกันนิดหน่อยตอนที่เขาพาแฟนคนสวยมาทานดินเนอร์ด้วย เขาเล่าเรื่องตอนไปดักถ่ายฮิปโปที่แอฟริกาใต้ให้ฟัง  น่าอิจฉานะครับ ชีวิตของเขาตื่นเต้นดี"  เจ้าของร้านเล่าอย่างออกรส ก่อนที่จะขอตัวไปต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาใหม่

    สิริหมุนแก้วก้านสูงในมือ แดดอ่อนที่เคยคลอเคลียกับสนามหญ้าเขียวขจีนั้นเคลื่อนตัวช้าๆไปยังทิศตะวันตก ช่วงวันของฤดูใบไม้ร่วงช่างสั้นนัก   เอลล่า ฟิจเจอรัล เปล่งเสียงร้องกระทบวิญญาณกับเพลง " cry me the river" ด้วยท่วงทำนองแสนไพเราะจับใจ

    " ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายเลยสักนิดนี่นา" สิริบอกตัวเอง  แม้ว่าที่แท้แล้วหัวใจจะเดินผิดจังหวะไปสักหน่อยเมื่อตอนที่ฟังเรื่องราวของใครอีกคนในชีวิตเขาก็ตาม



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in