เจคนั่งกุมขมับระหว่างที่สองแถวคันเก่าแก่โยกไปมาตามถนนดินที่ทิ้งฝุ่นคลุ้งอยู่เบื้องหลัง ภาพนาข้าวออกรวงดูเลือนลางในม่านหมอกสีน้ำตาลอ่อน เขาไอโคลกๆก่อนจะใช้เสื้อยีนส์แขนยาวตัวเก่งมาคลุมหน้าเพื่อกันละอองฝุ่นเข้าตาและปาก เขามองไมเคิลเพื่อนคู่หูที่นอนเหยียดยาวอย่างไม่แยแสกับทั้งฝุ่นและความขรุขระของถนน
" บอกแล้ว ให้เบาๆเมื่อคืนก็ไม่เชื่อ นี่ยังต้องนั่งรถไปอีกตั้งเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงปากเซ นายจะไหวไหมเนี่ย" เจคพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงระคนระอา
" ไม่ต้องห่วง ๆ สบายมาก" คนนอนแผ่หราบนเบาะหนังเทียมที่มีรอยปุปะหลายแห่งจนเผยให้เห็นฟองนำ้สีเหลืองข้างใน ชูนิ้วโป้งการันตีสภาพของตัวเอง
"ฉันจะคอยดู ว่าแต่ว่าห้ามอ้วกในรถนะเว้ย บอกก่อน" เจคบอกคู่หูพลางส่ายหน้าน้อยๆ
เกือบครึ่งชั่วโมง รถก็แล่นอยู่บนถนนราดยางมะตอยกลางเก่ากลางใหม่ ทิวทัศน์สองข้างทางเปลี่ยนเป็นป่าละเมาะที่แทรกตัวอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ฝุ่นสีนำ้ตาลยังคงวิ่งไล่กันอลวนอยู่เบื้องหลัง หากแต่บางเบาลงมากจนไม่ต้องใช้ผ้าปิดหน้าแล้ว เจคม้วนเสื้อยีนส์และเก็บไว้ในเป้ ท่าทางดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยที่รอดจากพายุฝุ่นมาได้ เขาดื่มนำ้จากขวดพลางมองดูหมู่บ้านที่สร้างอย่างง่ายๆด้วยไม้ไผ่มุงด้วยจากตามรายทางอย่างสนใจ
ทันใดนั้นรถสองแถวก็เบรคเอี๊ยดกระทันหัน พร้อมๆกับชายชาวตะวันตกร่างกำยำที่ชูนิ้วโป้งโบกไปมาปรากฏตัวขึ้น เขาทำท่าจะเจรจากับคนขับรถแต่เมื่อเขาเห็นชายสองคนที่เห็นว่าน่าจะพูดคุยกันง่ายกว่าอยู่ข้างหลัง เขาจึงเดินเข้ามาทักทาย
" เฮ้ เพื่อน วันนี้ดวงไม่ดีเลย ตกรถเสียได้ จะเป็นไรไหมถ้าจะติดไปลงปากเซด้วยคน" ชายร่างกำยำเอ่ยอย่างเป็นกันเองด้วยสำเนียงอเมริกัน เขามีรอยสักเป็นรูปสมออยู่รอบแขนคล้าย "ป๊อบอาย" คาแรกเตอร์การ์ตูนชื่อดัง
เจคสำรวจท่าทางของชายกล้ามใหญ่ ก่อนจะตอบรับ
" ขึ้นมาสิ เราจะไปทางเดียวกันพอดี" เขาเขยิบตัวให้ชายอเมริกันขึ้นมานั่งก่อนที่จะใช้เท้าถีบเพื่อนคู่หูเบาๆเป็นสัญญาณให้ตื่น อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้น สองต่อหนึ่งน่าจะปลอดภัยกว่า
ไมเคิลงัวเงีย พลางลุกขึ้นนั่งโดยที่ยังไม่ลืมตา
" ดูท่าทางเมื่อคืนจะสนุกมากเลยละสิเพื่อนยาก ขอบคุณมากที่รับฉันมาด้วย ไม่งั้นอาจจะต้องกินข้าวลิงแหงๆ" ป๊อบอายกล้ามโตทักพลางปลดกระเป๋าเป้สีเขียวขี้ม้ามาวางไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง
ไมเคิลขยี้ตา และมองตามเสียงนั้นอย่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น
" หวัดดี ฉันชื่อ รอคโค่" เขาเอ่ยพลางยื่นมือไปเชคแฮนด์เพื่อกล่าวทักทายทั้งสองคน
"ไฮ รอคโค่ กันชื่อเจคและไอ้ที่เมาค้างอยู่นี่คือไมเคิล" เจคยื่นมือไปตอบรับ
" ไฮ เจค ไฮ ไมเคิล ....พวกนายเป็นหนุ่มจากดาวน์ อันเดอร์ใช่ไหมเนี่ย" รอคโค่เปิดประเด็น
"ใช่ ฉันมาจากเมลเบิร์น ส่วนไมเคิลน่ะจากซิดนีย์" เจคตอบพลางดื่มนำ้อีกอึกใหญ่
" นี่ต้องให้ฉันทายไหมว่านายมาจากไหน รอคโค่" ไมเคิลร่วมวงสนทนาแบบประชดนิดๆ ในที่สุดหลังจากปะติดปะต่อว่าเกิดอะไรขึ้น
" อะฮ้า...น่าสนุก เอาสิ" รอคโค่เล่นตามน้ำอย่างไม่รู้ไม่ชี้
" เทกซัส" ไมเคิลตอบพลางคุ้ยกระเป๋ากางเกง เพื่อหาบุหรี่และไฟแชค
" ไม่ใช่เล่นๆนะนี่ พ่อหนุ่มคนนี้" รอคโค่ปรบมือดังฉาด " ว่าแต่ว่า นายรู้ได้ไง" เขาสงสัย
" ก็ฉันฉลาดน่ะสิ" ไมเคิลพ่นควันฉุย
" เราเคยไปถ่ายสารคดีแถวนั้นน่ะ เลยพอคุ้นสำเนียงอยู่" เจคเสริม เขารู้ว่าเพื่อนค่อนข้างหงุดหงิดที่ถูกปลุก แต่ระยะทางร่วมร้อยกิโลเมตรที่จะต้องนั่งไปกับชายกล้ามโตนั้น จะเป็นการดีที่จะไม่เปลี่ยนหลังรถให้กลายเป็นสนามตะลุมบอนก่อนที่จะถึงปลายทาง
" แล้วนาย เป็นไงมาไง ถึงมาเดินท่อมๆกลางทางนี้ได้" ไมเคิลอ่านสัญญาณจากเพื่อนได้เลยอยากที่จะแก้ตัว
" ฉันเพิ่งปลดประจำการจากนาวิกปีนี้ เลยคิดว่าจะมาหาประสบการณ์ท่องเที่ยวซะหน่อยพอดีมีเพื่อนแนะนำว่าลุ่มน้ำทางนี้สวยก็เลยลองดู ฉันมาได้สักสองอาทิตย์แล้วล่ะ ก็เลยคิดว่าจะต่อรถไปปากเซแล้วก็จะข้ามไปฝั่งเมืองไทย เผอิญรถที่ออกมาตอนเช้าเสียกลางทาง ต้องรอรถเที่ยวใหม่ ซึ่งใครก็ตอบไม่ได้ว่าจะมากี่โมง ฉันเลยว่าลองออกเดินไปเรื่อยๆแก้เบื่อดู เผื่อได้โบกรถกลางทางด้วย" รอคโค่อธิบายยาวเหยียด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in