เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดวงดาวแห่งซีกโลกใต้ดาญา
ตอนที่ 4 ดาวม้าบิน Pegasus

  • รถกระบะสองแถวคันเก่า ได้แล่นผ่านถนนดินแดงที่มีหลุมบ่อเป็นระยะๆ ข้าวของอุปกรณ์ต่างๆถูกมัดและคลุมด้วยพลาสติกแน่นหนาอยู่บนหลังคาซึ่งโคลงเคลงไปมาตามแรงเหวี่ยงของเครื่องยนต์ นาข้าวทั้งสองฟากที่กว้างยาวจรดภูเขาสุดลูกหูลูกตานั้นได้เริ่มออกรวงแล้ว การถ่ายทำสารคดีในลาวตอนใต้ได้เสร็จเรียบร้อยลงเมื่อสามวันก่อน ระยเวลาเกือบเดือนที่ได้ลงพื้นที่เก็บภาพของธรรมชาติบริสุทธิ์ที่เหลือไม่กี่แห่งในโลก ท่ามกลางท้องที่ร้างไร้ความเจริญทางวัตถุแต่หากยิ่งใหญ่ด้วยศิวิไลซ์ทางจิตใจ  การได้รับมิตรภาพที่อบอุ่น  จากคนพื้นถิ่น ทำให้การจากลาของพวกเขาเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก

    อ้ายสะแหวงและพี่ส้อยเลี้ยงอาหารชุดใหญ่สำหรับมื้อสุดท้ายของพวกเขาที่ เฮือนสุกใจ อาหารฝรั่งปนลาวได้ถูกลำเลียงมาบนโต๊ะไม้ริมระเบียง  แสงของหลอดไฟเดี่ยวที่ห้อยลงมาจากหลังคามุงจากทำให้เฮือนสุกใจสุกสว่างคล้ายดาวฤกษ์ท่ามกลางความมืดมิดของคุ้งน้ำ  ผู้คนเกือบทั้งดอนมาร่วมงานเลี้ยงในค่ำนี้ ลุงซื่น อ้ายสอน  อ้ายหน้อย  เพื่อนบ้านใกล้เคียงที่เป็นเพื่อนร่วมวงสุรากันมาตั้งแต่ต้นได้ลำเลียงไหอุกว่าสิบไหขึ้นมาจากรถลากที่จอดอยู่ใต้ถุนเฮือน  ส่วนอ้ายบุนธรรมก็ยกลาบควายสุกที่ปรุงจากบ้านมาร่วมด้วย

    " ผู้ใด๋มักอย่างใดก็เลือกเอา เหล้าหมักยาดองบ้านเฮา กะว่าเบียลาวก็เลือกเอาเน้อ"  อ้ายสอนบอกกล่าวกับชาวบ้าน  พลางยกต้มส้มปลาบึกหม้อใหญ่มาวางกลางวง

    ส่วนจิลและเอียนดูจะอาลัยพวกเขากว่าใครเพื่อน นัยว่าที่นี่จะหาคนที่คุยถูกคอ แถมมาจากประเทศเดียวกันได้ยากเต็มที 

    " พวกเธอจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่เนี่ย ยิ่งการงานก็ไม่เป็นหลักเป็นแหล่งกับเค้าซะด้วย"  จิลหยิบขวดลาเกอร์จากกระบะนำ้แข็งก้อนเขื่องข้างตัว  เธอใช้ที่เปิดงัดฝาจีบขึ้นมาก่อนที่ของเหลวเยียบเย็นจะถูกเทลงแก้วที่มีสติ้กเกอร์โลโก้ของยาชูกำลังยี่ห้อหนึ่งติดอยู่

    " มาน่ะมาแน่ แต่ต้องจัดการตารางวันหยุดประจำปีก่อน อีกอย่างถ้าปีหน้าเราไม่ถูกแกล้งให้ไปกบดานแถวๆขั้วโลกเหนือเสียก่อนน่ะนะ" ไมเคิลตอบ เขารินน้ำสีอำพันที่เหลือจากจิลลงแก้วตัวเอง

    " เอางี้สิ เราก็แนะนำผู้สาวสักคนให้สองหนุ่ม แค่นี้ก็จบปิ้งแล้ว ดีไม่ดีกลายมาเป็นเขยดอนเด็ด ย้ายมาอยู่ถาวรเอาเสียเลย"  เอียนออกความเห็นพลางขยิบตาให้แฟนสาว

    " ของอย่างงี้ไม่ใช่จะให้ใครแนะนำให้กันได้ง่ายๆ ซะที่ไหน ใช่ไหมวะเจค"  ไมคเคิลบุ้ยใบ้

    " ใครมันจะมาสนคนที่ชีพจรลงเท้า เดินทางเป็นม้าบินอย่างฉันกันล่ะ"  เจคตอบ พลางปรายตามองปลาตัวเขื่องกระโดดพลุ๋งจากแม่น้ำ  แรงกระเพื่อมตีน้ำเป็นวงกระทบกับต้นกกกอใหญ่  หน้าครื้มหนวดเคราทำให้เขาดูแก่กว่าอายุจริงไปมากโข

    " อย่าเลือกให้มากนักสิ พ่อม้าหนุ่ม ระวังจะพลาดรถไฟเที่ยวสุดท้ายนะ" จิลกระทุ้ง พลางยกแก้วขึ้น

    " ไซโย"   เสียงแก้วที่เหลือกระทบกัน เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีหมอลำและลูกทุ่งจากฝั่งไทยจากเทปคาสเซตดังขึ้น เรียกเสียงเฮฮาครึกครึ้นด้วยความพึงใจจากกลุ่มคนบนระเบียงของเฮือนสุกใจเป็นอย่างมาก เสียงเครื่องปั่นไฟดังถึด ถึด อยู่ข้างโขง  ดาวเหนือเปล่งประกายวิบวาวในค่ำคืนที่การสั่งลาของกลุ่มคนที่ได้บังเอิญมาพบกัน  แต่ความสัมพันธ์ที่ยึดใจกับใจระหว่างคนจากตะวันตกและตะวันออกนั้นดูเหมือนจะไม่ได้กล่าวคำลาไปด้วย
  • เจคนั่งกุมขมับระหว่างที่สองแถวคันเก่าแก่โยกไปมาตามถนนดินที่ทิ้งฝุ่นคลุ้งอยู่เบื้องหลัง ภาพนาข้าวออกรวงดูเลือนลางในม่านหมอกสีน้ำตาลอ่อน เขาไอโคลกๆก่อนจะใช้เสื้อยีนส์แขนยาวตัวเก่งมาคลุมหน้าเพื่อกันละอองฝุ่นเข้าตาและปาก  เขามองไมเคิลเพื่อนคู่หูที่นอนเหยียดยาวอย่างไม่แยแสกับทั้งฝุ่นและความขรุขระของถนน

    " บอกแล้ว ให้เบาๆเมื่อคืนก็ไม่เชื่อ นี่ยังต้องนั่งรถไปอีกตั้งเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงปากเซ นายจะไหวไหมเนี่ย" เจคพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงระคนระอา 

    " ไม่ต้องห่วง ๆ สบายมาก"  คนนอนแผ่หราบนเบาะหนังเทียมที่มีรอยปุปะหลายแห่งจนเผยให้เห็นฟองนำ้สีเหลืองข้างใน ชูนิ้วโป้งการันตีสภาพของตัวเอง

    "ฉันจะคอยดู ว่าแต่ว่าห้ามอ้วกในรถนะเว้ย บอกก่อน"  เจคบอกคู่หูพลางส่ายหน้าน้อยๆ

    เกือบครึ่งชั่วโมง รถก็แล่นอยู่บนถนนราดยางมะตอยกลางเก่ากลางใหม่ ทิวทัศน์สองข้างทางเปลี่ยนเป็นป่าละเมาะที่แทรกตัวอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ฝุ่นสีนำ้ตาลยังคงวิ่งไล่กันอลวนอยู่เบื้องหลัง หากแต่บางเบาลงมากจนไม่ต้องใช้ผ้าปิดหน้าแล้ว เจคม้วนเสื้อยีนส์และเก็บไว้ในเป้  ท่าทางดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยที่รอดจากพายุฝุ่นมาได้ เขาดื่มนำ้จากขวดพลางมองดูหมู่บ้านที่สร้างอย่างง่ายๆด้วยไม้ไผ่มุงด้วยจากตามรายทางอย่างสนใจ 

    ทันใดนั้นรถสองแถวก็เบรคเอี๊ยดกระทันหัน พร้อมๆกับชายชาวตะวันตกร่างกำยำที่ชูนิ้วโป้งโบกไปมาปรากฏตัวขึ้น เขาทำท่าจะเจรจากับคนขับรถแต่เมื่อเขาเห็นชายสองคนที่เห็นว่าน่าจะพูดคุยกันง่ายกว่าอยู่ข้างหลัง เขาจึงเดินเข้ามาทักทาย

    " เฮ้ เพื่อน   วันนี้ดวงไม่ดีเลย ตกรถเสียได้  จะเป็นไรไหมถ้าจะติดไปลงปากเซด้วยคน" ชายร่างกำยำเอ่ยอย่างเป็นกันเองด้วยสำเนียงอเมริกัน  เขามีรอยสักเป็นรูปสมออยู่รอบแขนคล้าย "ป๊อบอาย" คาแรกเตอร์การ์ตูนชื่อดัง

    เจคสำรวจท่าทางของชายกล้ามใหญ่ ก่อนจะตอบรับ

    " ขึ้นมาสิ เราจะไปทางเดียวกันพอดี"  เขาเขยิบตัวให้ชายอเมริกันขึ้นมานั่งก่อนที่จะใช้เท้าถีบเพื่อนคู่หูเบาๆเป็นสัญญาณให้ตื่น อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้น สองต่อหนึ่งน่าจะปลอดภัยกว่า

    ไมเคิลงัวเงีย พลางลุกขึ้นนั่งโดยที่ยังไม่ลืมตา

    "  ดูท่าทางเมื่อคืนจะสนุกมากเลยละสิเพื่อนยาก  ขอบคุณมากที่รับฉันมาด้วย ไม่งั้นอาจจะต้องกินข้าวลิงแหงๆ" ป๊อบอายกล้ามโตทักพลางปลดกระเป๋าเป้สีเขียวขี้ม้ามาวางไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง
     
    ไมเคิลขยี้ตา และมองตามเสียงนั้นอย่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

    " หวัดดี ฉันชื่อ รอคโค่"  เขาเอ่ยพลางยื่นมือไปเชคแฮนด์เพื่อกล่าวทักทายทั้งสองคน

    "ไฮ รอคโค่  กันชื่อเจคและไอ้ที่เมาค้างอยู่นี่คือไมเคิล"  เจคยื่นมือไปตอบรับ

    " ไฮ เจค  ไฮ ไมเคิล ....พวกนายเป็นหนุ่มจากดาวน์ อันเดอร์ใช่ไหมเนี่ย" รอคโค่เปิดประเด็น

    "ใช่ ฉันมาจากเมลเบิร์น ส่วนไมเคิลน่ะจากซิดนีย์"  เจคตอบพลางดื่มนำ้อีกอึกใหญ่

    " นี่ต้องให้ฉันทายไหมว่านายมาจากไหน รอคโค่"  ไมเคิลร่วมวงสนทนาแบบประชดนิดๆ ในที่สุดหลังจากปะติดปะต่อว่าเกิดอะไรขึ้น

    " อะฮ้า...น่าสนุก เอาสิ"  รอคโค่เล่นตามน้ำอย่างไม่รู้ไม่ชี้

    " เทกซัส" ไมเคิลตอบพลางคุ้ยกระเป๋ากางเกง เพื่อหาบุหรี่และไฟแชค

    " ไม่ใช่เล่นๆนะนี่ พ่อหนุ่มคนนี้"  รอคโค่ปรบมือดังฉาด  " ว่าแต่ว่า นายรู้ได้ไง"  เขาสงสัย

    " ก็ฉันฉลาดน่ะสิ"  ไมเคิลพ่นควันฉุย

    " เราเคยไปถ่ายสารคดีแถวนั้นน่ะ เลยพอคุ้นสำเนียงอยู่"  เจคเสริม เขารู้ว่าเพื่อนค่อนข้างหงุดหงิดที่ถูกปลุก แต่ระยะทางร่วมร้อยกิโลเมตรที่จะต้องนั่งไปกับชายกล้ามโตนั้น จะเป็นการดีที่จะไม่เปลี่ยนหลังรถให้กลายเป็นสนามตะลุมบอนก่อนที่จะถึงปลายทาง

    " แล้วนาย เป็นไงมาไง ถึงมาเดินท่อมๆกลางทางนี้ได้"  ไมเคิลอ่านสัญญาณจากเพื่อนได้เลยอยากที่จะแก้ตัว

    " ฉันเพิ่งปลดประจำการจากนาวิกปีนี้  เลยคิดว่าจะมาหาประสบการณ์ท่องเที่ยวซะหน่อยพอดีมีเพื่อนแนะนำว่าลุ่มน้ำทางนี้สวยก็เลยลองดู  ฉันมาได้สักสองอาทิตย์แล้วล่ะ ก็เลยคิดว่าจะต่อรถไปปากเซแล้วก็จะข้ามไปฝั่งเมืองไทย  เผอิญรถที่ออกมาตอนเช้าเสียกลางทาง ต้องรอรถเที่ยวใหม่ ซึ่งใครก็ตอบไม่ได้ว่าจะมากี่โมง ฉันเลยว่าลองออกเดินไปเรื่อยๆแก้เบื่อดู เผื่อได้โบกรถกลางทางด้วย"  รอคโค่อธิบายยาวเหยียด


  • "ดูเหมือนพวกนายจะรู้จักคนท้องถิ่นนะเนี่ย ถึงว่าจ้างเหมารถไปปากเซอย่างงี้ได้ หรูชะมัด"  ชายกล้ามโต ตั้งข้อสังเกต

    " ต้องขอบคุณเพื่อนเรานั่นแหละ ไม่งั้นต้องรอรถคิวเหมือนก้น แล้วก็ไม่รู้จะทำไงกับพวกสัมภาระบนหลังคานั่นด้วย"  เจคว่าพลางรำลึกถึงอ้ายบุนธรรมที่เป็นคนจัดการเรื่องรถให้  

    พวกเขาออกมาแต่เช้าเลยไม่ได้มีโอกาสร่ำลาชาวบ้านทั่วทุกคน  จิลพยุงเอียนที่ตอนนี้ปรากฏว่าเดินขาเขยกไปข้างหนึ่ง เพราะตกบันไดเมื่อคืน แต่ก็ยังอุตสาห์ตื่นมาส่ง

    " อย่าลืมไปตรวจที่โรงพยาบาลนะ ยังไม่อยากมีเพื่อนขาเป๋ว่ะ" ไมเคิลแซวอย่างเป็นห่วง

    "นั่นน่ะสิ กระดูกหัก เอ็นฉีกอะไรหรือเปล่าไม่รู้ เหยียบบันไดหักซะขนาดนั้น" เจคสำทับ

    " เอาน่า นี่ขอให้อ้ายหน้อยเอาเรือออกแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง" จิลมองขาบวมเป่งที่โผล่พ้นกางเกงเลของแฟนหนุ่ม

    "ไปเถอะ เดินทางดีๆ ไม่ต้องห่วงทางนี้ เดี๋ยวจะแจ้งข่าวไป"  เอียนสนับสนุนอย่างร่าเริง ไม่มีเค้าคนเจ็บสักนิด พ่อหนุ่มฝรั่งเศสคนนี้เหมือนว่าจะสะกดคำว่ากังวลไม่เป็น

      พวกเขาเอ่ยลาและขอบคุณในไมตรีจิตของพี่ส้อยและพี่บุนธรรมที่กำลังจัดการกับถ้วยชามเมื่อคืนที่ครัวหลังบ้านอย่างขมักเขม้น  ก่อนกระโดดขึ้นรถที่สัมภาระถูกขนขึ้นบนหลังคาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวานเย็น


    " แล้วนายจะไปไหนต่อเมื่อข้ามไปเมืองไทยล่ะ"  ไมเคิลถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    "คิดว่าน่าจะอยู่แถบอีสานสักสองสามวัน แล้วจะเข้าไปหาพรรคพวกที่พัทยาน่ะ"  รอคโค่ควักบุหรี่จากซองสีเขียวมินต์ออกมาสูบบ้าง

    " เฮ้ๆๆ อย่ามองฉันอย่างงั้นเซ่ ฉันรู้นะว่าพวกนายคิดไรอยู่"  รอคโค่เอ่ยขึ้นเสียงดังหลังจากอ่านสีหน้าของเพื่อนร่วมทาง

    " ไม่มีใครว่าอะไรสักนิดนี่"  ไมค์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  นักเดินทางชายชาวตะวันตกที่พบแถบนี้ส่วนใหญ่ก็มีจุดมุ่งหมายที่เมืองไทยไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก

    " เพื่อนฉันแต่งงานกับสาวไทยแล้วตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ก็ว่าจะแวะไปทักทายซะหน่อย"  รอคโค่พาดขาของเขากับม้านั่งตรงกันข้าม 

    "แต่สาวไทยสวยๆเยอะไป อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงไหมล่ะ" เขาหันมาขยิบตาให้สองหนุ่ม   

    หมู่บ้านตามรายทางมีขนาดใหญ่มากขึ้น บ้านเรือนสร้างด้วยกึ่งอิฐกึ่งไม้  ป่าละเมาะกลายเป็นไร่นาสวนผสม มีต้นมะพร้าวและต้นมะม่วงเรียงราย  ไก่ตัวผู้หงอนแดงงามจิกค้นคุ้ยเขี่ยดิน ในขณะที่แม่ไก่ขนสีนิลมันปลาบเดินนำหน้าลูกเจี๊ยบขนฟูเป็นฝูง    สุนัขพันธุ์พื้นเมืองสีนวลนอนอาบแดดข้างถนนอย่างไร้กังวล  ถนนยางมะตอยดูได้รับการดูแลซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี นี่คงเป็นสัญญาณว่าน่าใกล้เข้าเขตชานเมืองแล้ว แต่ตัวเมืองปากเซยังอยู่ไกลอีกกว่าห้าสิบกิโลเมตร พวกเขาขับผ่านรถสองแถวที่แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนพื้นถิ่นซึ่งตอนนี้คนขับรถหยุดจอดเพื่อลำเลียงลังกระดาษสี่ห้ากล่องไว้บนหลังคาไปอย่างช้าๆ

    เจครำลึกถึงสาวไทยคนเดียวที่เขารู้จัก.... ผู้หญิงที่ผ่านมากับความบังเอิญของกาลเวลา  ตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ 
     
    "Sweet Caroline
    Good times never seemed so good
    I'd be inclined
    To believe they never would
    But now I ..."


    อดีตทหารเรือฮัมเพลง "สวีทแคโรลายน์" ของนีล ไดมอนด์ ขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี แขนที่มีสมอเรือประทับอยู่นั้นกอดไขว้พาดไว้กับอก ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งคีบบุหรี่ไว้  ควันสีเทาของมันม้วนตัวเป็นสายกระทบหลังคารถก่อนจะจางไปกับสายลมข้างนอก 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in