เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดวงดาวแห่งซีกโลกใต้ดาญา
ตอนที่ 6 ดาวนักล่า Orion
  • กว่าพวกเขาจะกลับถึงตัวเมืองปากเซก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว  เมื่อสองแถวคันเก่งได้เข้าไปจอดหน้าโรงแรมเล็กๆใจกลางเมือง พวกเขาจึงค่อยๆลำเลียงสัมภาระลงมาจากหลังคา เจคชำระค่าโดยสารพร้อมทิปให้กับท้าวอำนวย คนขับรถที่อ้ายบุนธรรมเป็นธุระหามาให้  พวกเขาเคยมาพักที่นี่เมื่อตอนข้ามโขงมาจากอุบลราชธานี ก่อนที่จะลงไปทำงานที่สี่พันดอน วิสายเด็กหนุ่มลูกเจ้าของโรงแรมเวียงสะหวันที่สนิทสนมกับพวกเขาตั้งแต่นั้น ได้ออกมาตอนรับและช่วยขนกระเป๋าขึ้นไปบนห้อง  

    ตึกแถวสองชั้นสามคูหาที่ปรับปรุงให้กลายเป็นที่พักสำหรับนักเดินทางนั้น แบ่งเป็นห้องเดี่ยวเล็กๆสิบห้าห้อง แต่ละห้องมีเตียงขนาดกลาง พัดลม และห้องน้ำที่มีฝักบัวและชักโครกอยู่ในตัว เจคและไมเคิลได้ห้องติดกัน พวกเขารู้สึกสดชื่นขึ้นมากหลังจากได้อาบน้ำชำระร่างกายขจัดคราบฝุ่นและเหงื่อไคลออกไปบ้าง การได้นอนเล่นบนเตียงที่ปูด้วยฟูกหนา และการใช้ชักโครกหลังจากไม่ได้สัมผัสมาแรมเดือนนับเป็นความหรูหราอย่างหนึ่งของชีวิตทีเดียว

    พวกเขาเดินลงมาข้างล่างเมื่อตะวันเริ่มรอนแสง  วิสายแจ้งว่าเขาได้เก็บอุปกรณ์การทำงานที่เหลือไว้ที่ห้องเก็บของแล้ว  พวกเขาฝากกุญแจห้องพักไว้ เด็กหนุ่มนำมันไปเกี่ยวไว้กับตะขอที่ถูกตรอกตรึงกับไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นใหญ่บนผนัง แต่ละตะขอจะมีเลขที่ห้องกำกับไว้ด้านบน

    " คุณจะเข้าเวียงจันทน์วันไหนนะครับ ผมจะได้จองรถทัวร์ไว้ให้" วิสายเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันชัดแจ๋วไม่แพ้เจ้าของภาษา จากการสอบถามได้ความว่าเขาฝึกภาษาเองจากการเลียนเสียงจากภาพยนต์ฮอลลิวูด

    " โอ้ย...ขอบใจมากวิสายฉันต้องเชคอีเมลด่วนๆทีเดียว หลังจากนั้นถึงจะรู้ว่าต้องทำอะไรต่อ" ไมเคิลตบบ่าเด็กหนุ่มอย่างขอบอกขอบใจ

    " มีร้านอินเตอร์เนทที่ไหนยังเปิดอยู่บ้างไหมวิสาย" เจคถามอย่างขอคำปรึกษา

    "มีร้านตรงใกล้ๆหัวมุมที่เลยตลาดข้างร้านขายของชำไปหน่อยน่ะครับ ร้านติดถนนใหญ่เห็นชัดทีเดียว" วิสายอธิบาย  

    สองหนุ่มใหญ่มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจในจุดหมายนัก" 

    " ถ้ายังไงผมเขียนแผนที่ให้ก็แล้วกันนะครับ จะได้ไม่หลงตอนกลับ"   เด็กหนุ่มกุลีกุจอวาดแผนที่เมื่อเห็นท่าทางของชายทั้งสอง 

    วิสายอายุเพียงสิบแปดปี และกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย เขาบอกว่าพ่อของเขาจะส่งไปเรียนด้านบริหารธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังในกรุงเทพ นับว่าครอบครัวเขามองการณ์ไกลเป็นอย่างยิ่ง ปากเซเป็นเมืองหน้าด่านเชื่อมต่อกับชายแดนช่องเม็กของประเทศไทย ทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า และคมนาคมของลาวใต้อีกด้วย  การพัฒนาธุรกิจของครอบครัว ต้องใช้คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดและประสบการณ์แตกต่างถึงจะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเจริญเติบโตไปได้  ดูจากหน่วยก้านของเด็กหนุ่มแล้วโรงแรมเวียงสะหวันน่าจะมีอนาคตไกลแน่นอน

  • เมื่อวิสายกำลังยื่นแผนที่ให้นั้นเสียงร้องทักของใครสักคนก็ดังขึ้น

    "สายัญสวัสดิ์พรรคพวก พร้อมตะลุยราตรีกันหรือยัง"  

    โดยไม่ต้องหันหลังไปดู พวกเขาก็รู้ว่าเป็นป๊อบอายกล้ามโตจากเทกซัสนั่นเอง  เมื่อรถสองแถวขับเคลื่อนเข้ามาในตัวเมืองปากเซ รอคโค่ก็ขอลงใกล้ๆกับวงเวียนกลางเมือง นัยว่าเขาจองเกสต์เฮ้าส์แถวนั้นไว้ตั้งแต่ตอนขามา เขาเอ่ยคำลาและขอบอกขอบใจที่รับเขาติดรถมาด้วย และทิ้งท้ายว่าจะมาหาที่โรงแรมและจะเลี้ยงเบียร์เป็นการตอบแทน  เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ก็เห็นว่ามีสมาชิกใหม่ร่วมในวงสนทนาจึงรีบแนะนำตัวเอง

    " โอ้...สวัสดีครับผมชื่อรอคโค่....." ยังไม่ทันที่เข้าจะจบประโยค ไมเคิลก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยสำเนียงเลียนเสียงของเพื่อนชาวอเมริกัน

    " ผมมาจากเท็กซัส  ประเทศสหรัฐอเมริกา" 

    รอคโค่นั้นถึงกับเหวอ ก่อนที่ทุกคนจะระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆกัน

    " ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อวิสายครับ"  เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพลางจับมือทักทายกับชายกล้ามโตอย่างเป็นมิตร

    "อะฮ้า....พ่อหนุ่มคนนี้พูดสำเนียงแคลิฟอเนียนเสียด้วย ไม่เบานะเนี่ย"  รอคโค่ขยิบตาพลางตะเบ๊ะให้กับวิสาย เขาสวมกางเกงเดินป่าสีเทาเข้มที่มีซิปตรงหัวเข่าและรองเท้าบูตคู่เดิม เสื้อสีดำที่เหน็บชายเสื้อไว้ที่ขอบกางเกงที่คาดเข็มขัดรูปหัวกระโหลกไขว้นั้นทำให้เขาดูเหมือนนาวิกโยธินที่ยังไม่ปลดประจำการ

    "เอ่อ...รอคโค่ เราอาจจะต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย กันกับไมเคิลต้องไปเชคอีเมลเรื่องงานที่ร้านอินเทอร์เนตก่อน"  เจคพูดขึ้นกลั้วหัวเราะ ถ้าหนุ่มจากดาวน์อันเดอร์คนใดทำท่าทางแบบเพื่อนชาวอเมริกันคนนี้ละก็ มีหวังเดินไปไม่สุดถนนก็อาจจะต้องโดนดักทำร้ายด้วยความหมั่นไส้เสียก่อน

    "ไม่มีปัญหาเลยเพื่อนฝูง กันไปอุ่นเครื่องรอที่ร้านแถวๆนั้นก่อนก็ได้ ว่าแต่ว่าร้านอยู่ไหนล่ะ" รอคโค่ยืนพิงเสา และจุดบุหรี่สูบ

    " อยู่ตรงหัวมุมที่เลยตลาดไปหน่อย ใกล้ๆกับร้านขายของชำน่ะ"  ไมเคิลตอบและยิ้มกวนๆ

    " อ่าฮ้า...คราวนี้ไม่ได้กินฉันหรอกสหาย ฉันรู้แน่ชัดเลยว่ามันอยู่ตรงไหน เรื่องเส้นทางและแผนที่น่ะ เหรอ ทหารเรืออย่างเราชำนาญเป็นพิเศษเลยล่ะ" 

    " จริงๆแล้วแถวนั้นมีร้านอาหารกึ่งบาร์บรรยากาศดีๆอยู่หลายร้านนะครับ ถ้าเดินเลยไปจากร้านเฝอหัวมุมตลาดประมาณสองซอย เลี้ยวซ้ายก่อนที่จะถึงต้นใม้ใหญ่ๆที่มีผ้าพันไว้ และเดินเข้าไปและเลี้ยวขวาที่บ้านที่มีรั้วสีขาวๆ เดินตรงไป ก็จะเห็นหลายร้านริมแม่น้ำครับ"  วิสายแนะนำอย่างกระตือรือร้น

    อดีตทหารเรือพยักหน้าหงึกหงักเป็นทำนองว่าเข้าใจ ในขณะที่ช่างถ่ายภาพสารคดีสองคนมองหน้ากันอย่างงุนงง จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจในการอธิบายทางแบบชาวตะวันออกนัก




  • อันที่จริงแล้วถนนหนทางในตัวเมืองปากเซนั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนเกินไปนัก แต่หากตึกรามบ้านช่องที่ดูคล้ายๆกันไปหมดต่างหากที่ทำให้รู้สึกว่ายิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกลับมาจุดเดิมเหมือนเล่นซ่อนหาในเขาวงกต  พลบค่ำแล้วไฟกิ่งตามหัวถนนเปล่งแสงสีเหลืองนวลๆ พวกเขาเดินมาจนถึงหัวมุมของตลาดใหญ่ประจำเมืองซึ่งตอนนี้เหลือแต่แผงขายเปล่าๆทิ้งร้างไว้เพื่อรอให้พ่อค้าแม่ขายมาปลุกชีวิตใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น

    " ตามสบายนะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวกันเดินล่วงหน้าไปที่ร้านก่อน แต่ถ้าหลงทางล่ะก็หาทางให้คนพาไปส่งที่ร้านนะ"  รอคโค่ขยิบตาและตะเบ๊ะเพื่อหยอกสองหนุ่มเบาๆ ก่อนเดินผิวปากจากไป

    " ถ้าเจอเจ้าหมอนี่แถวบ้านล่ะก็ สงสัยจะโดนตะลุมบอนตั้งแต่หัวถนนแน่ๆ" ไมเคิลเคี้ยวฟันอย่างหมั่นไส้ในท่าทางกวนๆของเพื่อนกล้ามโต

    ตึกสองชั้นหน้าตลาดได้แบ่งเป็นห้องแถวหกห้องซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้า ร้านอินเตอร์เนตตั้งอยู่ข้างๆร้านของชำที่อยู่ถัดไปจากร้านขายอาหารตามสั่ง  พวกเขาเดินเข้าไปพลางแจ้งความจำนง เจ้าของร้านเป็นชายกลางคนผิวขาว แบบคนเชื้อสายจีน ได้เชื้อเชิญให้เขามานั่งที่เก้าอี้กลมหน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวในสุด ทั้งร้านมีคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะอยู่จำนวนห้าตัว สามในห้านั้นมีผู้ใช้บริการอยู่ก่อนแล้ว และทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ

    เจ้าของร้านได้ขยับเก้าอี้เสริมมาให้เจคนั่ง ในขณะที่ไมเคิลง่วนกับการเข้ารหัสเปิดจดหมายอิเลกโทรนิกส์อยู่  จอทีวีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ตั้งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของเจ้าของร้านที่กลับไปตั้งหน้าตั้งตาลุ้นเชียร์ทีมโปรดอย่างเมามัน

    " อืม...งานเข้าว่ะเจค" ไมเคิลหันมาบอกเพื่อนคู่หูหลังจากอ่านข้อความในอีเมลสองสามฉบับ

  • " เราโดนแคนเซิลงานงั้นเหรอ" เจคคะเนถึงความเป็นไปได้

    " ไม่ได้ซวยอย่างงั้นหรอก เพียงแต่ว่าแผนที่เราจะขึ้นไปเที่ยวหลวงพระบางก่อนจะกลับบ้านอาจจะต้องเลื่อนไป  นี่มาดูนี่สิ"  ไมเคิลขเยิบตัวให้เพื่อนเข้ามาดูข้อความในจดหมายที่ส่งมาจาก ฮาชาน ซิงห์  เพื่อนสนิทร่วมรุ่นที่ตอนนี้กลายมาเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี

    ฮาชานบอกว่ามีนายทุนสนใจที่จะให้ความสนับสนุนในการถ่ายทำโปรเจคผ้าพื้นเมืองที่กำลังจะหายสาบสูญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะประกอบด้วยผ้าพื้นเมืองจากสี่ประเทศ คือ ผ้าทอพื้นเมืองขอชาวไทยลื้อ ทางตอนเหนือของไทย ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติของชาวเขาเผ่าม้ง ในลาวตอนเหนือ หมู่บ้านผ้าไหมของกัมพูชา และ ผ้าซิ่นโบราณของพม่า

    โปรเจคนี้จะเริ่มจากผ้าทอของชาวไทยลื้อ ในประเทศไทยก่อน เป็นเวลาหนึ่งเดือน จะมีกองถ่ายทำสารคดีไปบันทึกเรื่องราว แต่นายทุนต้องการให้มีช่างภาพไปบันทึกภาพเพื่อนำไปทำเป็นหนังสือด้วย เจคและไมเคิลได้รับการเสนอให้เป็นทีมถ่ายทำหนังสือ ฮาชานบอกว่าหากพวกเขาตอบตกลงก็ให้กลับมาที่เมลเบิร์นเพื่อทำความตกลงในเรื่องสัญญาว่าจ้าง และประชุมเพื่อรับทราบรายละเอียดของงานได้เลย

    " เอาไงดีวะ" ไมเคิลหันมาหาเจคอย่างขอความเห็น

    " กว่าจะได้โปรเจคใหม่ก็อีกเกือบสามเดือน เราอาจจะพอมีเวลาแทรกงานนี้ได้ แกว่าไง"  เจคตั้งข้อสังเกต 

    " เมื่อนายพรานเห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าแล้วทำไมจะไม่ล่าล่ะ"  ไมเคิลสรุปง่ายๆ

    เจ้าของร้านส่งเสียงโห่ร้องอย่างมีชัยแข่งกับนักพากย์บอลและเสียงกองเชียร์ที่ดังกระหึ่มออกมาจากจอโทรทัศน์  เมื่อทีมหงส์แดงเอาชนะทีมเรือใบสีฟ้าไปอย่างฉิวเฉียด  

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in